วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

การเพิ่มมูลค่าให้กับการตรวจสอบภายในสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน)

ชเนตตี พุ่มพฤกษ์, อรพินท์ นิ่มวรรณโณ — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

บทความวิชาการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาสถานะการดำเนินงานการตรวจสอบภายใน ประกอบด้วย การเพิ่มคุณค่าการตรวจสอบภายใน การเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงิน โดยเฉพาะแผนงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด และการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมด ในการศึกษาและการตรวจสอบภายในช่วยให้สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรสามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินงานทั้งหมดขององค์กร และปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้นในทุกด้านเป็นการสื่อสารให้ความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานว่าการตรวจสอบภายใน จะดำเนินไปด้วยความเที่ยงธรรมซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Add Value) ให้กับหน่วยงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้หน่วยงานสามารถปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งการตรวจสอบภายใน จะดำเนินงานในรูปแบบของการให้คำปรึกษาแนะนำหรือการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรหรืออื่น ๆ ที่เห็นสมควร โดยความมุ่งมั่นที่จะให้การดำเนินงานของหน่วยงานสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ และเป็นไปตามความคาดหวังของผู้บริหารที่มีต่อหน่วยงานตรวจสอบภายในของสำนักงาน

บทบรรณาธิการ

admin admin — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

ส่วนท้าย

admin — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

ปัจจัยความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐานของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา

นัฐพล ฝันนิมิตร, รวีพรรณ แนบสนิทธรรม — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของปัจจัยความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐานของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา 2) เพื่อศึกษาระดับของโอกาสการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐาน และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐานของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยมีประชากรเป็นนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 และ 2 ที่เรียนวิชาปฏิบัติการเคมีพื้นฐาน (วท.173) ทั้งหมด 89 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ การวิเคราะห์ข้อมูลของแบบสอบถามโดยใช้ค่าเฉลี่ย (µ) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) และ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) แบบ Enter

ผลการวิจัย พบว่า 1) ภาพรวมระดับความคิดเห็นของปัจจัยความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการอยู่ในระดับมาก 2) การศึกษาระดับโอกาสของการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการอยู่ในระดับปานกลาง 3) ผลการศึกษาปัจจัยความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐานของนักศึกษา พบว่า ด้านระบบการจัดการสารเคมีและด้านลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการอุปกรณ์และเครื่องมือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐานของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้คุณภาพการบริการและความพึงพอใจในการใช้บริการรถรับ-ส่งนักศึกษาระหว่างวิทยาเขตมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

ณัฐพล อรุณสวัสดิ์, อรรถวิทย์ อุปโยคิน, เสริมศักดิ์ พงษ์เมษา — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของปัจจัยเชิงสาเหตุ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมของปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อการรับรู้คุณภาพการบริการและความพึงพอใจในการใช้บริการรถรับ-ส่งระหว่างวิทยาเขต มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่โดยใช้แบบจำลองโครงสร้างจากมาตรวัดคุณภาพการบริการ (SERVQUAL) มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน โดยสำรวจข้อมูลแบบสอบถามด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่ายจากตัวอย่างนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ที่เดินทางระหว่างวิทยาเขต จำนวน 400 คน

ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน พบว่า ปัจจัยเชิงสาเหตุมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยมีค่าสถิติในการตรวจสอบความสอดคล้องของแบบจำลอง ดังนี้ /df=2.089, GFI=.902, AGFI=.871, CFI=.959, NFI=0.925, TLI=0.950, RMSEA=0.052 และ SRMR = 0.025 ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อการรับรู้คุณภาพการบริการและความพึงพอใจในการใช้บริการรถรับ-ส่งสามารถจำแนกออกเป็น 5 กลุ่ม ปัจจัยตามมาตรวัดคุณภาพการให้บริการ SERVQUAL ได้แก่ การประกันคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ ลักษณะที่จับต้องได้ ความเข้าอกเข้าใจ การตอบสนอง ซึ่งส่งผลต่อทางตรงต่อคุณภาพการบริการ และทางอ้อมต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการของรถรับ-ส่งนักศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ

การพัฒนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะวิชาชีพครูพลศึกษา สถาบันพลศึกษา วิทยาเขตอุดรธานี

Nimmoul Kaewpila, Kritsada Piayura — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

The objectives of this research were to develop and assess the quality of a professional competency assessment tool for physical education teachers at the Institute of Physical Education, Udon Thani Campus. The study sample was divided into two groups: Group 1 consisted of 76 fifth-year physical education students who assessed the quality of the tool, including its reliability, internal consistency, discriminatory power, and content validity. Group 2 consisted of 73 fourth-year physical education students and 48 fourth-year sports science students who determined the content validity. The research instrument was a situational judgment test developed by the researcher, comprising three response options. The statistical analysis included an independent t-test, with statistical significance set at the .05 level. The results found that students in the teacher education program scored significantly higher on the professional competency assessment tool than those not in the program, with a significance level of .05. Additionally, fifth-year teacher education students scored significantly higher on the competency assessment tool than fourth-year students at the .05 level. However, no significant difference was found between the two groups for the attributes of responsibility sharing and encouraging creativity.

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไดฟูกุเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์สำหรับผู้ประกอบการ

ปุญชรัสมิ์ กีรติพรนิภัทธิ์, อเนก หาลี, อนันธิตรา ดอนบันเทา, วิษณุเดช นันไชยแก้ว — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาผลิตภัณฑ์ไดฟูกุเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์สำหรับผู้ประกอบการ 2) ทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์ไดฟูกุ และ 3) วิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนทางธุรกิจ ร่วมกับผู้ประกอบการไดฟูกุ โมชิ โมชิ จังหวัดกำแพงเพชร เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม วัตถุประสงค์ที่ 1 ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการขนมไดฟูกุ โมชิ โมชิ 3 คน นักวิชาการด้านนวัตกรรมอาหาร 3 คน และนักศึกษาสาขาการเป็นผู้ประกอบการ 4 คน วัตถุประสงค์ที่ 2 ใช้แบบสอบถามกับกลุ่มอาสาสมัคร จำนวน 30 คน ใช้วิธีแบบให้คะแนนความชอบ 9 ระดับ วัตถุประสงค์ที่ 3 ใช้การประชุมเชิงปฏิบัติการกับผู้ประกอบการไดฟูกุ จำนวน 3 คน

ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมไดฟูกุสูตรที่เหมาะสมจากแป้งข้าวทับทิมชุมแพผสมร่วมกับแป้งไดฟูกุ มีสัดส่วน 50:50 คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 กล่อง มีค่าพลังงาน 240 กิโลแคลอรี น้ำตาล 17 กรัม ไขมัน 7 กรัม และโซเดียม 25 มิลลิกรัม 2) การทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์ขนมไดฟูกุ พบว่า ได้รับคะแนนความชอบดังนี้ ด้านลักษณะที่ปรากฏ สี ความแน่นเนื้อ ความเหนียว ความหวานและความชอบโดยรวม คือ 6.93, 7.03, 6.80, 6.77, 7.03 และ 7.00 ตามลำดับ 3) การวิเคราะห์ต้นทุน ประกอบด้วย วัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายในการผลิต โดยต้นทุนต่อกล่อง 30.20 บาท ต้นทุนการผลิตต่อเดือน เท่ากับ 3,020 บาท และผลตอบแทนทางธุรกิจ มีราคาขาย 69 บาทต่อกล่อง มีรายได้จากการขาย เท่ากับ 6,900 บาทต่อเดือน กำไรขั้นต้นจากการจำหน่ายต่อเดือน เท่ากับ 3,880 บาท อัตราส่วนกำไรขั้นต้นต่อยอดขาย ร้อยละ 56.23 มีจุดคุ้มทุน 660 บาทต่อเดือน

การพัฒนารูปแบบการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หมูแดดเดียวของกลุ่มวิสาหกิจหมูไทยศรีโยธิน ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

อนันธิตรา ดอนบันเทา, ชญาน์นันท์ ศิริกิจเสถียร — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาตลาดออนไลน์ของกลุ่มวิสาหกิจหมูไทยศรีโยธิน ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 2) เพื่อทดสอบตลาดออนไลน์ของกลุ่มวิสาหกิจหมูไทยศรีโยธิน ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร และ 3) เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนทางธุรกิจกลุ่มวิสาหกิจหมูไทยศรีโยธิน ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ประชากร คือ สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจหมูไทยศรีโยธิน จำนวน 15 คน และกลุ่มผู้บริโภควิสาหกิจหมูไทยศรีโยธินตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 100 คน โดยวิธีใช้สัมภาษณ์ และแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการศึกษาพบว่า 1) การโพสต์สินค้าบน Facebook เพื่อโปรโมทหรือโฆษณามักจะมุ่งเน้นการสร้างความติดตาม ยอดขาย และการใช้เนื้อหาที่เหมาะสมสามารถสร้างความสนใจและเพิ่มยอดขายได้ 2) การทดสอบตลาดออนไลน์ของกลุ่มวิสาหกิจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.49) และ 3) การวิเคราะห์ต้นทุนประกอบด้วย 1) วัตถุดิบ 2) ค่าแรงงาน และ 3) ค่าใช้จ่ายในการผลิต และการวิเคราะห์ผลตอบแทนการผลิตหมูแดดเดียว ประกอบด้วย 1) อัตราส่วนวัดความสามารถในการทำกำไรต่อยอดร้อยละ 43.05 และ 2) จุดคุ้มทุน (Break-Even Point) อยู่ที่ 869.69 บาท

การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนของนักเรียนที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการตอบสนองต่อการช่วยเหลือ

อรธิดา ประสาร — Fri, 27 Dec 2024 00:00:00 +0700

การวิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านการเขียนของนักเรียนที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการตอบสนองต่อการช่วยเหลือ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนในการใช้รูปแบบการตอบสนองต่อการช่วยเหลือ กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ที่มีผลคัดกรองภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นบุคคลที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการอ่านการเขียน จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แบบคัดกรอง BRIEF2 Screening Teacher Form 2 ) ชุดกิจกรรมการอ่านและการเขียน 3) แบบทดสอบการอ่านและการเขียน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ ผลการศึกษา 1) การประเมินผลด้านการอ่านการเขียนหลังเรียนจำนวน 7 กิจกรรมนักเรียนผ่านเกณฑ์การทดสอบการอ่านการเขียนตามเกณฑ์ที่กำหนด นักเรียนสามารถอ่านและเขียนได้โดยลำดับกิจกรรมจากง่ายไปยาก จัดตารางเรียนให้นักเรียนเรียนเป็นกลุ่มย่อย 2) ความพึงพอใจในการใช้รูปแบบการตอบสนองต่อความช่วยเหลือของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด (=4.61, S.D.=0.62) สรุปการพัฒนาการอ่านการเขียนของนักเรียน ครูให้ความเอาใจใส่นักเรียนอย่างใกล้ชิด ทำให้นักเรียนเกิดการพัฒนาการอ่านและการเขียนที่ตอบสนองต่อการช่วยเหลือ