https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSTD/issue/feed
วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน
2025-06-26T15:47:24+07:00
Associate Professor Dr. Panarat Srisaeng
jstd@dusit.ac.th
Open Journal Systems
<p>วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืนเป็นวารสารการท่องเที่ยวชั้นนำที่เพิ่มพูนความเข้าใจที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างการท่องเที่ยวและการพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งเน้นตีพิมพ์งานวิจัยเชิงแนวคิดทฤษฎี หรือแนวคิดเชิงประจักษ์ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าด้วยกระบวนการวิจัยที่เข้มข้นในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง และ/หรือสิ่งแวดล้อมที่สัมพันธ์กับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหรือที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงบทความวิชาการ หรือบทวิจารณ์หนังสือทางด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหรือในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์สำหรับนักวิจัย นักวิชาการ นักเรียนนักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจได้นำไปใช้เป็นประโยชน์ในการเพิ่มพูนความรู้ จัดพิมพ์เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ ฉบับแรก มกราคม – มิถุนายน และฉบับสอง กรกฎาคม - ธันวาคม</p> <p><strong>ISSN 2730-2911 (Print) </strong></p> <p><strong>ISSN 2730-3322 (Online)</strong></p>
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSTD/article/view/273839
คุณลักษณะและบทบาทของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
2024-12-04T14:45:05+07:00
ศิริพร เอลวอสลี
siriporn_elw@dusit.ac.th
วรรษมน ทองเกิด
wassamon_tho@dusit.ac.th
ศรัญญา สิทธิดา
saranya_sit@dusit.ac.th
จิระพงศ์ ป้อมน้อย
jirapong_pom@dusit.ac.th
วินิตา หงส์วรพิพัฒน์
wanita_hon@dusit.ac.th
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์คุณลักษณะและบทบาทของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ในฐานะบุคลากรที่มีหน้าที่สำคัญด้านความปลอดภัยและการบริการผู้โดยสาร บทความนี้ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการและคู่มือฝึกอบรมของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจากหน่วยงานกำกับดูแล ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยเฉพาะ Cabin Crew Safety Training Manual (DOC 10002) และ Safety and Emergency Procedures Manual (SEP) จากสายการบินระหว่างประเทศ ร่วมกับข้อมูลสัมภาษณ์เชิงลึกพนักงานต้อนรับในสายการบินนานาชาติ 3 ราย ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี บทความนี้ใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) เพื่อจัดกลุ่มบทบาทที่สำคัญและคุณลักษณะตามกรอบสมรรถนะของ ICAO ผลการวิเคราะห์พบว่า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องมีสมรรถนะหลัก 3 ด้าน ได้แก่ บุคลิกภาพภายนอก สมรรถนะภายใน และจรรยาบรรณด้านบริการ ซึ่งสะท้อนผ่านบทบาทในสถานการณ์ปกติและภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้คุณลักษณะเหล่านี้ได้รับการยืนยันทั้งจากเอกสารสากลและประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติงานจริง นอกจากนั้นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยังมีบทบาทด้านความปลอดภัย ได้แก่ การตรวจเช็คอุปกรณ์และความปลอดภัยก่อนผู้โดยสารขึ้นเครื่องบิน (Pre-Flight Checks on Safety Equipment and Security Checks) และการตรวจเช็คความปลอดภัยภายหลังจากผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน ความสามารถในการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดในเอกสาร ICAO DOC 10002 และยืนยันโดยข้อมูลสัมภาษณ์จากพนักงานที่มีประสบการณ์ตรง ข้อมูลจากบทความนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมนักศึกษาที่สนใจอาชีพด้านการบิน ตลอดจนใช้ประโยชน์ในการพัฒนาหลักสูตรหรือกระบวนการฝึกอบรมบุคลากรในสายงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในอนาคต</p>
2025-06-26T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSTD/article/view/270245
แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร: กรณีศึกษาจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดสุพรรณบุรี
2024-09-25T09:18:34+07:00
เธียรรัตน์ ฉัตรภัทรพล
Thianrat@gmail.com
ศริญา ประเสริฐสุด
prasertsutsariya@gmail.com
เตชิตา ภัทรศร
aor.klad@gmail.com
พิมพ์มาดา วิชาศิลป์
pimmada@hotmail.com
ดุจตะวัน กันไทยราษฎร์
dujtawan@hotmail.com
<p>ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีพื้นที่เกษตรกรรมกระจายอยู่ทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวส่งผลให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว การศึกษานี้เลือกอำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีชื่อเสียง เป็นกรณีศึกษาสำหรับการเปรียบเทียบและพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรี โดยใช้การวิจัยเชิงเปรียบเทียบเชิงคุณภาพ ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต และการสนทนากลุ่ม ตัวอย่างประกอบด้วยผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 45 คน แบ่งเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ตัวแทนภาครัฐ และตัวแทนภาคเอกชน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า แนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร กรณีศึกษา ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น พบแนวทางปฏิบัติ 8 แนวทาง ได้แก่ 1) ความเข้มแข็งของกลุ่มและเครือข่าย 2) การวางแผนบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ 3) การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระดับชุมชนกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง 4) การบริการและกิจกรรมที่โดดเด่นเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น 5) การมีส่วนร่วมของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง 6) การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน 7) การให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และ 8) การประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ จากการศึกษาประเด็นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร กรณีศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี พบว่าจังหวัดสุพรรณบุรีมีศักยภาพด้านการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร จึงเสนอแนวทางการพัฒนา 5 ด้าน ได้แก่ 1) การจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร 2) การส่งเสริมการสร้างเครือข่าย 3) การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการมีส่วนร่วมของชุมชน 4) การส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ และ 5) การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ</p>
2025-06-26T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSTD/article/view/270225
พฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อการท่องเที่ยวเชิงธรณี ในพื้นที่อุทยานธรณีโลกประเทศไทย
2024-01-29T11:41:22+07:00
อำนวย วรญานกุล
amnoui456@gmail.com
วารัชต์ มัธยมบุรุษ
warachm@gmail.com
ประกอบศิริ ภักดีพินิจ
prakobsirip@hotmail.com
กรัณน์ฑรัตน์ คะวัติกูล
krantarat@hotmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่อการท่องเที่ยว เชิงธรณีในพื้นที่อุทยานธรณีโลกในประเทศไทย โดยใช้วิธีระเบียบวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง 400 คน ใช้เทคนิค การสุ่มตัวอย่างแบบสะดวกซึ่งเป็นการสุ่มตัวอย่างแบบไม่อาศัยความน่าจะเป็น เครื่องมือคือแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวจำนวน 5 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ผลการศึกษาพบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ไม่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาในอุทยานธรณีโลกในประเทศไทยมาก่อน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ร่วมกับครอบครัวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ มีการใช้จ่าย ในการท่องเที่ยวครั้งนี้ต่ำกว่า 1,000 บาท และรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดคือพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ หากกล่าวถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา นักท่องเที่ยวจะนึกถึงซากฟอสซิลดึกดำบรรพ์เป็นอันดับแรก โดยข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้รับมาจากคนรอบตัว เช่น เพื่อน ครอบครัว และผลจากการศึกษาความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาในพื้นที่อุทยานธรณีโลกประเทศไทย ในภาพรวม พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่มีระดับความต้องการมากที่สุดในด้านกิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยว (Activities) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.49 รองลงมาคือ ด้านสิ่งดึงดูดใจในแหล่งท่องเที่ยว (Attraction) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.40 ความสะดวกในการเดินทาง (Accessibility) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.32 สิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว (Amenities) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.27 ความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว (Safety) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.24 และการบริการที่พักในแหล่งท่องเที่ยว (Accommodation) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.10 ตามลำดับ</p>
2025-06-26T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSTD/article/view/271490
รูปแบบโซ่อุปทานเพื่อการจัดการท่องเที่ยวในประเทศไทย
2024-11-28T08:49:42+07:00
อรรถพล จันทร์สมุด
artaphon.c@mail.rmutk.ac.th
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบโซ่อุปทานในการจัดการการท่องเที่ยวของประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบโซ่อุปทานการจัดการการท่องเที่ยวของประเทศไทย และ 3) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบรูปแบบโซ่อุปทานเพื่อการจัดการท่องเที่ยวในประเทศไทย การวิจัยใช้ระเบียบวิธีแบบผสมผสาน โดยมีการเก็บข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านโซ่อุปทานและการท่องเที่ยว จำนวน 20 คน ผ่านแบบสอบถามและการสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบโซ่อุปทานเพื่อการจัดการท่องเที่ยวประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ ผู้จัดจำหน่ายเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการทัวร์ ตัวแทนการท่องเที่ยว ลูกค้า และผู้บริโภค ซึ่งมีความสัมพันธ์และทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ผลการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่ารูปแบบมีความเหมาะสมในระดับดี (ค่าเฉลี่ย = 3.82 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.89) แสดงให้เห็นว่ารูปแบบนี้สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการท่องเที่ยว ลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาภาคท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน</p>
2025-06-26T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSTD/article/view/268886
ความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากรมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
2023-12-28T13:53:04+07:00
ศราวัสดี นวกัณห์วรกุล
sarawatsadee_naw@nstru.ac.th
ปุณยวีร์ ศรีรัตน์
poonyawee_sri@nstru.ac.th
ภฤศสร ฤทธิมนตรี ซีมิค
prussorn_rit@nstru.ac.th
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากรมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช 2) ศึกษาความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากรมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช 3) เปรียบเทียบความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากรมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช จำแนกตามข้อมูลส่วนบุคคล และ 4) เปรียบเทียบความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากรมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช จำแนกตามพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ซึ่งสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถามที่ผ่านการทดสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน (One-Way ANOVA) ผลการวิจัยพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รับข้อมูลจากบุคคลและครอบครัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพักผ่อนและทำบุญ มักเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในวันหยุดสุดสัปดาห์ และพักโฮมสเตย์พร้อมชมธรรมชาติ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอยู่ระหว่าง 501-1,500 บาท สำหรับความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวส่วนใหญ่ คือ ความพึงพอใจและความสุขที่ได้มาเที่ยว ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านอารมณ์และความรู้สึกในเชิงบวก ส่วนการเปรียบเทียบความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยว พบว่า นักท่องเที่ยวที่มีข้อมูลส่วนบุคคลแตกต่างกันมีความต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวไม่แตกต่างกัน ยกเว้นเฉพาะด้านภูมิลำเนา และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแตกต่างกันมีความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวในภาพรวมไม่แตกต่างกัน ยกเว้นด้านความถี่ในการเดินทาง โอกาสที่เลือกเดินทาง รูปแบบข้อมูล ประเภทที่พัก และบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการเดินทาง</p>
2025-06-26T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JSTD/article/view/271615
ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อแหล่งท่องเที่ยวหุบป่าตาด จังหวัดอุทัยธานี
2024-09-25T09:49:56+07:00
ร่มเกล้า ศิลธรรม
romklaos@gmail.com
ธิดารัตน์ เสร็จกิจ
Thisarat.sed@ku.th
ปทุมวดี สังวรจิตร
patumwadee.s@ku.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อแหล่งท่องเที่ยวหุบป่าตาด จังหวัดอุทัยธานี และ 2) เปรียบเทียบความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อแหล่งท่องเที่ยวหุบป่าตาด จังหวัดอุทัยธานี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล เป็นวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล กลุ่มตัวอย่าง คือ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวหุบป่าตาด จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 400 คน โดยสุ่มแบบบังเอิญ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ผลการวิจัย พบว่า ระดับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อแหล่งท่องเที่ยวหุบป่าตาด จังหวัดอุทัยธานี โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านพื้นที่และด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านกิจกรรม ด้านความปลอดภัย และด้านสิ่งอำนวยความสะดวก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่มี เพศ อายุ สถานภาพ อาชีพที่แตกต่างกัน มีความพึงพอใจไม่แตกต่างกัน ขณะที่นักท่องเที่ยวที่มีการศึกษาแตกต่างกัน มีความความพึงพอใจด้านพื้นที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนแตกต่างกัน มีความพึงพอใจด้านพื้นที่ และด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
2025-06-26T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน