https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTHM/issue/feed 2025-02-12T10:09:00+07:00 ดร.ณัฎฐพัชร มณีโรจน์ manirochana@gmail.com Open Journal Systems <p> วารสารการจัดการท่องเที่ยว นันทนจิตและจิตบริการรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ วารสารสมาคมนักวิจัย มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการแก่นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ และนักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ในมิติเพื่อสนับสนุนการศึกษา การสอน การวิจัยวารสารมุ่งเน้นบทความทางด้านการศึกษาเชิงประยุกต์และสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ทุกบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ ประเภทของการ Peer-review ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีการประเมินโดยระบุจำนวนผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความ 3 คนขึ้นไป เป็นแบบปกปิดชื่อเจ้าของบทความ และปกปิดชื่อผู้ประเมินเป็นแบบ double blinded </p> <p>กระบวนการพิจารณาบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิ</p> <p> วารสารการจัดการท่องเที่ยว นันทนจิตและจิตบริการมีกระบวนการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิก่อนตีพิมพ์ โดยได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ อย่างน้อย 3 ท่าน ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blind peer-reviewed) ทั้งนี้บทความจากผู้นิพนธ์ภายในจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร ส่วนบทความจากผู้นิพนธ์ภายนอกจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายใน หรือนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสารที่มีความเชี่ยวชาญตรงในสาขานั้น ๆ และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ ทำการประเมินคุณภาพของบทความตามรูปแบบของวารสาร</p> https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTHM/article/view/277826 2025-02-08T23:57:50+07:00 ญาณกร โท้ประยูร yannakorn1978@gmail.com อณัญญา จันทร์คล้อย yannakorn1978@gmail.com มินตรา ชื่นอารมณ์ yannakorn1978@gmail.com กิติยา แกว่นเขตรวิทย์ yannakorn1978@gmail.com

<p>บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์1)เพื่อศึกษาสถานการปัจจุบัน ปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารของศูนย์กู้ชีพฉุกเฉินต่อผู้สูงอายุในเขตตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก 2)เพื่อนำเสนอแนวทางการสื่อสารของศูนย์กู้ชีพฉุกเฉินต่อผู้สูงอายุในเขตตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายกในการใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสม มีเครื่องมือคือบแบบสัมภาษณ์เชิงลึก แบบสัมภาษณ์กลุ่ม&nbsp; และแบบสอบถาม(Google Form) มีประชากรคือประชาชนที่เป็นผู้สูงอายุในตำบลบางสมบูรณ์ โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 100 คน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 15 คน วิเคราะห์และนำเสนอผลแบบสถิติเชิงพรรณนา</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า 1)สถานการปัจจุบัน ปัญหาและอุปสรรค ของผู้สูงอายุในการเข้าร่วมโครงการโรงเรียนผู้สูงอายุ บริบทของตำบลบางสมบูรณือยู่ในพื้นที่ติดต่อ 3 จังหวัด มีปัญหาในการเข้าช่วยเหลือของศูนย์กู้ชีพฉุกเฉินมีความล่าช้า และยังเป็นข้อสับสนในการแบ่งเขตการทำงานของหน่วยอื่น ๆ &nbsp;การที่มีศูนย์กู้ชีพฉุกเฉินเป็นของตนเองจึงตอบโจทย์ได้ดีที่สุด และรู้ข้อมูลในพื้นที่เป็นอย่างดี เข้าใจบริบทของพื้นที่ อีกทั้งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยังไม่เข้าใจกระบวนการสื่อสารที่สามารถสื่อสารต่อผู้สูงอายุได้เพราะบริบทมีความแตกต่างกันกับประชาชนโดยทั่วไป 2)แนวทางในการแก้ปัญหาผู้สูงอายุไม่เข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลบางสมบูรณ์ 2.1.มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เป็นลักษณะ Digital Marketing เน้นระบบการ Search engine 2.2.การเข้าใจ เข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการติดต่อสื่อสาร โดยการแยกกลุ่มและวิธีการช่วยเหลือ 2.3.สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้กับมีส่วนเกี่ยวข้อง</p>

2024-12-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2024 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTHM/article/view/277857 2025-02-10T19:36:30+07:00 ชัชฎาภรณ์ แสงมะณี chatchadaporn1919@gmail.com

<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสถานการณ์และปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาไฟป่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และหมอกควัน 2) เพื่อนำข้อเสนอแนะ เป็นแนวทาง/มาตรการ ในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และหมอกควัน โดยเป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการวิจัยทางเอกสารแล้วนำมาวิเคราะห์ และการสัมภาษณ์เชิงเจาะลึก จากกลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ผู้บริหาร/เจ้าหน้าที่จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2) นักวิชาการ/ผู้เชี่ยวชาญ และ 3) ประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และหมอกควัน รวมจำนวน 13 คน</p> <p>&nbsp; ผลการการศึกษาแนวทางการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)&nbsp;&nbsp;&nbsp; และหมอกควัน อย่างยั่งยืน แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ ดังนี้1) สถานการณ์ไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และหมอกควัน เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp; เกิดจากธรรมชาติ และจากการกระทำของมนุษย์ อาทิ การเผาป่า การเผาพื้นที่การเกษตร เนื่องจากประชาชน&nbsp;&nbsp; รวมทั้งจากภาคอุตสาหกรรม และหมอกควันข้ามแดน และมีปัจจัยจากลักษณะภูมิประเทศ ด้านอุตุนิยมวิทยา ตลอดจนผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทุกภาคส่วนยังคงต้องติดตาม เฝ้าระวัง สถานการณ์ ร่วมแรง ร่วมกำลัง และร่วมใจกันดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น2) ข้อเสนอแนะ เพื่อเป็นแนวทาง/มาตรการ ในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และหมอกควัน โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้ 2.1) ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการในเชิงพื้นที่ 2.2) ด้านการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) &nbsp;2.3) ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษในภาพรวม</p>

2025-02-10T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTHM/article/view/277874 2025-02-11T12:32:44+07:00 กษริน ตริณตระกูล kasarin.t@gmail.com

<p>บทความวิจัยนี้นี้มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ ใช้รูแบบการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ทำการศึกษาวิจัย คือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในจังหวัดปทุมธานี ทั้งเพศชาย และเพศหญิง จำนวน 400 คน ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน รวมถึงการถอดบทเรียนผลการดำเนินงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2567 และผลการดำเนินงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2567 วิเคราะห์และนำเสนอแบบสถิติ ค่าร้อยละ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ อยู่ในระดับที่เหมาะสม ปัจจัยที่สัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้แก่ การเป็นเจ้าของรถ การมีใบอนุญาตขับขี่ ประสบการณ์การเกิดอุบัติเหตุ และความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่บังคับใช้ ผลการศึกษานี้ สามารถนำไปใช้ในการกำหนดแนวทางและมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในจังหวัดปทุมธานี ที่เหมาะสมในช่วงวันหยุดเทศกาล ได้แก่ การจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด และการส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา โดยการกำหนดมาตรการชุมชน ที่เหมาะสมกับช่วงวันหยุดเทศกาล ซึ่งจะนำไปสู่การป้องกันและลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุต่อไป</p>

2024-12-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTHM/article/view/277886 2025-02-11T14:54:48+07:00 สาลินี ทรัพย์รวงทอง Ssalinee.minnie@gmail.com วิโรจน์ ก่อสกุล Ssalinee.minnie@gmail.com

<p>บทความวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ประเมินโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (U2T) ในเขตพื้นที่ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ 2)ศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการ และ 3)เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ คัดเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญแบบเจาะจงจากผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 10 คน เก็บข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า 1)โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (U2T) ในเขตพื้นที่ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ด้านบริบท ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมการสร้างอาชีพใหม่ และผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณภาพ ด้านปัจจัยนำเข้า มีความชัดเจนในกลุ่มเป้าหมายและกิจกรรม เกษตรกรสามารถยกระดับผลผลิตและมีช่องทางจัดจำหน่าย ด้านกระบวนการ มีการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ และการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านผลผลิต ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ ความสามารถ และทักษะในการถ่ายทอดองค์ความรู้ 2)ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (U2T) ในเขตพื้นที่ ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ทั้งในส่วนของวัสดุ อุปกรณ์ และค่าจ้าง พร้อมข้อผิดพลาดที่ต้องแก้ไขหลายครั้ง 3)ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการดำเนินโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (U2T) ในเขตพื้นที่ ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ความร่วมมือของชุมชนและเจ้าหน้าที่ การทำกิจกรรมตามเป้าหมาย และการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรปรับกระบวนการเบิกจ่ายให้ง่ายขึ้นและจัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อสร้างความยั่งยืนในชุมชน</p>

2024-12-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JTHM/article/view/277906 2025-02-12T10:09:00+07:00 เสน่ห์ ปักสิงห์ saneh_ps@hotmail.com

<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาการเตรียมความพร้อม ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการบริหารจัดการอุทกภัยของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;&nbsp; ในพื้นที่อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เพื่อนำบทวิเคราะห์ที่ได้มากำหนดแนวทางจัดการอุทกภัยอย่างเป็นระบบ และ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่จังหวัดตากอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเป็นการศึกษาที่ใช้แบบสอบถามปลายปิดและข้อเสนอแนะ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ประชาชนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอสามเงา จังหวัดตาก จำนวน 394 คน วิเคราะห์และนำเสนอแบบเชิงสถิติ</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลการศึกษา พบว่า&nbsp; การเตรียมความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในด้านการจัดการอุทกภัย อำเภอสามเงา จังหวัดตาก โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.907, S.D. = 0.900) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านสรุปได้ ดังนี้ดังนี้ 1. ด้านกลยุทธ์ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.966, S.D. = 0.897) 2. ด้านโครงสร้างองค์การ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.887, S.D. = 0.910) 3. ด้านบุคลากร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.881, S.D. = 0.928) 4. ด้านรูปแบบการบริหาร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.895, S.D. = 0.897)&nbsp; 5. ด้านระบบงาน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 3.910, S.D. = 0.885 )6. ด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x̅ = 3.909, S.D. = 0.881 ) 7. ด้านค่านิยมร่วม ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x̅ = 3.904, S.D. = 0.902 )</p>

2024-12-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025