The direction of Confucian Philosophy studies in Thailand
Main Article Content
Abstract
This documentary research aims to analyze the direction of Confucian Philosophy studies in Thailand. The results showed that there were 54 research papers and academic articles related to Confucian philosophy, divided into 34 studies on analytic philosophical contents and 20 studies on
the influence of Confucian philosophy on society and culture. The analytic philosophical contents were further categorized into pure philosophy and applied philosophy. There were two types of studies: systematic Confucian
studies focusing on philosophical contents supported by philosophical systemic concepts, and non-systematic Confucian studies focusing on the importance of Confucian philosophy in influencing society and culture. Analytical and comparative studies were the primary research methodologies employed. The direction of the Confucian philosophy studies in Thailand exhibits 2 characteristics: preserving the essence of Confucian philosophy by
emphasizing its basic concepts and incorporating Western philosophical reasoning principles in Confucian philosophy studies.
Article Details
References
กัลยา สว่างคง และ เพ็ญพิสุทธิ์ สีกาแก้ว. (2562). การสังเคราะห์บทความวิจัยด้านภาษาจีนและการท่องเที่ยวในฐานข้อมูล ThaiJo. วารสารการบริหารและสังคมศาสตร์ปริทรรศน์. 5(6). 205-218.
จุฬาลักษณ์ ชอบงาม, สรรพสิริ ส่งสุขรุจิโรจน์ และ เนตรน้ำทิพย์ บุดดาวงศ์. (2563). การสำรวจงานวิจัยด้านจีนศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารที่ผ่านการรับรองคุณภาพจาก TCI สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ในรอบทศวรรษ (พ.ศ. 2552– 2561). วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 11(2). 151-163.
จักรพงษ์ ชดช้อย. (2562). การศึกษาปรัชญาชีวิตมนุษย์ในมุมมองของหวังหยางหมิง. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชียฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 9(3). 15-24.
ญาณาธิป เตชะวิเศษ.(2558). ความหมายของขบวนการขงจื๊อใหม่. วารสารจีนศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 8(2). 245-269.
ปกรณ์ ลิมปนุสรณ์. (2552). ปรัชญาเกี่ยวกับมนุษย์ของจูชี. ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
__________. (2524). วิวาทะทางปัญญาและกลวิธีทางวรรณศิลป์ในปรัชญานิพนธ์เมิ่งจื่อ. ปริญญาอักษร ศาสตรดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มาลินี คัมภีรญานนท์. (2552). ขงจื่อกับผลงานศิลปะที่หลากหลายมุมมอง. ดำรงวิชาการ. 8(1). 35-50.
มาลี ศรีเพชรภูมิ. (2526). การศึกษาเชิงวิเคราะห์เรื่องความดีในปรัชญาจีนสมัยโบราณ. ปริญญาอักษร ศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
รัญวรัชญ์ พูลศรี, ปพนพัชร์ กอบศิริธีร์วรา, พิสิฐ อำนวยเงินตรา และ ลลิดา วิษณุวงศ์. (2563). ขงจื๊อนิยมและอิทธิพลต่อสตรีในเกาหลีและเวียดนาม. วารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 13(2). 397-420.
วรรณทนา ลมพัทธยา. (2556). วิญญูชนกับชุมชนมีมนุษยธรรมในหลุนอี่ว์. ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิตบัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริวรรณ ลิขิตเจริญธรรม. (2560). ช่องทางการเผยแพร่ปรัชญาและวัฒนธรรมจีนในประเทศไทย : ศึกษาจากงานแปลและผลงานเขียน. วารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 10(2). 296-339.
ศริญญา อรุณขจรศักดิ์. (2550). จักรวาลและจริยศาสตร์ในปรัชญาสำนักขงจื่อ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,:ม.ป.ท.
สรวิชญ์ วงษ์สะอาด และพิสิฐ สุขสกล. (2564). ปริทรรศน์ขงจื่อในการยกย่องมนุษย์ว่าเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา. วารสารไตรศาสตร์. 7(2). 24-37.
สรายุทธ เลิศปัจฉิมนันท์. (2561). การสังเคราะห์สถานภาพการศึกษาด้านปรัชญาญี่ปุ่นในประเทศไทย. วารสารศึกษาศาสตร์ มสธ. 11(1), 1-17.
สมบัติ เครือทอง และวิไล ศิลปะอาชา. (2558). ลัทธิขงจื่อในภาษิตที่มีอิทธิพลต่อการมองโลกของคนสิงคโปร์ วารสารอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน. 6(1). 13-42
สุวรรณา สถาอานันท์. (2556). กระแสธารปรัชญาจีน : ข้อโต้แย้งเรื่อง ธรรมชาติ อำนาจ และจารีต. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามปริทัศน์.
__________. (2547). รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการพัฒนานักวิจัยทางปรัชญาตะวันออกรุ่นใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : เอกสารอัดสำเนา.
อู๋จื้อปิน, ชาดา บุนนาค และอามีนะฮ์ เบ็ญสะอาด. (2563). พัฒนาการของแนวคิด “เหอ (和)” (ความกลมกลืน) ในประเทศจีน. วารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 13(1). 228-271.
อันธิฌา แสงชัย. (2557) มิติสุนทรียศาสตร์ในจริยศาสตร์ขงจื่อ. ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Chen Yuanyuan. (2022). An Analysis of Confucianism Value Identity in the Crossover Drama “Love Through Time and Space”. Lawarath Social E-Journal. 4(2). 157-172