วารสารกิจการสื่อสารดิจิทัล

กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงองค์กรในประเทศไทยสู่องค์กรดิจิทัล

ญาศินี เกิดผลเสริฐ — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาความสำคัญและกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงองค์กรในประเทศไทยสู่องค์กรดิจิทัล ตลอดจนศึกษาบทบาทของสำนักงาน กสทช. ต่อการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่องค์กรดิจิทัล โดยใช้วิธีการศึกษาจากเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า การเปลี่ยนแปลงองค์กรไปสู่องค์กรดิจิทัลมีความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการดำเนินงาน ลดขั้นตอนการทำงาน และลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงาน สำหรับกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงองค์กรในประเทศไทยสู่องค์กรดิจิทัล องค์กรจะต้องมีเครื่องมือสำคัญประกอบด้วย อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง การประมวลผลแบบคลาวด์ ข้อมูลขนาดใหญ่ ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีความปลอดภัย บล็อกเชน เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้ หากจะขับเคลื่อนสู่ความเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ต้องมี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ ความคิดแบบดิจิทัล ทักษะทางดิจิทัล การทำให้เป็นดิจิทัล และวัฒนธรรมองค์กรดิจิทัล ด้านบทบาทสำคัญที่สำนักงาน กสทช. ในฐานะองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของประเทศในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงองค์กรในประเทศไทยสู่องค์กรดิจิทัล คือ การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านกิจการดาวเทียมจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาต การจัดประมูลคลื่นความถี่ รวมทั้งการสนับสนุนให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสารเพื่อรองรับเทคโนโลยีเพื่อยกระดับกิจการสื่อสารของประเทศไทย

การคุ้มครองผู้บริโภคของสาธารณรัฐฝรั่งเศส พ.ศ. 2566: การจัดการการตลาดทางโทรศัพท์และโทรศัพท์หลอกลวง

รุจีลักษณ์ สีลาเขต — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาประวัติและวิวัฒนาการของกฎหมาย รวมถึงบทบาทของภาครัฐและเอกชนในการควบคุมการตลาดทางโทรศัพท์และโทรศัพท์หลอกลวงของสาธารณรัฐฝรั่งเศส และศึกษาแนวทางการควบคุมการตลาดทางโทรศัพท์และการสกัดกั้นโทรศัพท์หลอกลวงในสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ได้ผล ศึกษาด้วยวิธีวิจัยเอกสารจากงานวิจัยและบทความที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลการศึกษาพบว่า กฎหมายของสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่คุ้มครองผู้บริโภคเรื่องการถูกหลอกลวงทางโทรศัพท์อย่างเป็นรูปธรรม คือ กฎหมายอามงใน ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) ที่ใช้ระบบบล็อกเทล และกฎหมายเพิ่มเติมใน ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) และฉบับอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น กฎหมายอาญาเกี่ยวกับการไปรษณีย์และการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายสารสนเทศและเสรีภาพส่วนบุคคล นอกจากนั้นยังพบว่า ภาครัฐและเอกชนมีบทบาทร่วมกันในการควบคุมการตลาดทางโทรศัพท์และโทรศัพท์หลอกลวง เช่น การร่างข้อเสนอกระบวนการดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับการคุ้มครองข้อมูลสหภาพยุโรปโดยทั่วไปในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) การพัฒนาระบบอัลกอริทึมเพื่อสกัดกั้นโทรศัพท์หลอกลวง ตลอดจนการรายงานข่าวเตือนภัยประชาชนจากสื่อมวลชนและภาคประชาชน สำหรับแนวทางการควบคุมการตลาดทางโทรศัพท์และการสกัดกั้นโทรศัพท์หลอกลวงในสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ประกอบด้วย การประกาศกฎหมายมาตรการใหม่ของสหภาพยุโรป และการปรับแก้กฎหมายให้ผู้ประกอบการธุรกิจคอลเซนเตอร์ที่ถูกกฎหมายต้องลงทะเบียนอย่างถูกต้อง

ปัญหากฎหมายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ ในการสรรสร้างเนื้อหาภาพและเสียงในกิจการโทรทัศน์

อิทธิพล วรานุศุภากุล — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการผลิตเนื้อหาภาพและเสียงในกิจการโทรทัศน์ และวิเคราะห์ปัญหากฎหมายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้วิธีวิจัยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเนื้อหาในกิจการโทรทัศน์ทั้งภาพและเสียงด้วยปัญญาประดิษฐ์ใน 4 รูปแบบ ได้แก่ การค้นหาและตรวจสอบข้อมูล การสรรสร้างแนวคิดและหัวข้อ การสรรสร้างและการแก้ไขเนื้อหา และการสรรสร้างคำบรรยายแทนเสียง ตลอดจนการแปลภาษา จากนั้นศึกษากฎหมายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว ผลการศึกษาพบว่า ปัจจุบันมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ผลิตเนื้อหาภาพและเสียงในกิจการโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เนื่องจากรวดเร็วและคุณภาพดี ซึ่งเนื้อหาที่เกิดจากปัญญาประดิษฐ์ไม่ว่าจะเกิดขึ้นอย่างอิสระหรือมนุษย์มีส่วนร่วม มักส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูล ผู้สร้างปัญญาประดิษฐ์ และผู้ใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในประเด็นการคุ้มครองงานสร้างสรรค์ของผู้ใช้งานปัญญาประดิษฐ์ โดยเมื่อเกิดข้อพิพาทจะพิจารณาน้ำหนักการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานในงานสร้างสรรค์นั้น ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลเนื้อหาภาพและเสียงในกิจการโทรทัศน์ ควรศึกษาผลกระทบประเด็นการทำซ้ำหรือดัดแปลงตามกฎหมายลิขสิทธิ์ การละเมิดต่อชื่อเสียง การละเมิดสิทธิมนุษยชน การละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และประเด็นอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสื่อสาร รวมถึงควรศึกษาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้

การพัฒนาบ้านอัจฉริยะสำหรับผู้สูงอายุด้วยเทคโนโลยีไอโอทีและระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินอัตโนมัติ: กรณีศึกษาจังหวัดนครพนม

ทิพาภรณ์ หอมดี, อนิรุทธิ์ ผงคลี, วชิรกรณ์ เสนาวัง — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาการออกแบบและพัฒนาบ้านอัจฉริยะสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คิดเป็นร้อยละ 28.71 ของประชากรทั้งหมดและมีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ศึกษาโดยใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน ประกอบด้วย การเก็บข้อมูลความต้องการบ้านของผู้สูงอายุเชิงปริมาณ จำนวน 436 ราย การสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 24 ราย และการสนทนากลุ่มกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 8 ราย จากนั้นวิจัยเชิงทดลองโดยบูรณาการเทคโนโลยีไอโอทีและระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินอัตโนมัติ รวมทั้งประเมินระบบการใช้งานและแอปพลิเคชัน ผลการศึกษานำไปสู่การพัฒนาบ้านต้นแบบพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 100 ตารางเมตร ที่ติดตั้งระบบอัจฉริยะ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ระบบความปลอดภัยอัตโนมัติ เช่น เซนเซอร์ตรวจจับการล้มและการเคลื่อนไหวผิดปกติ ระบบติดตามสุขภาพ เช่น การวัดสัญญาณชีพ และระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินอัตโนมัติที่เชื่อมต่อกับศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ผลการทดสอบระบบเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่า ระบบการใช้งานในบ้านอัจฉริยะมีความแม่นยำในการตรวจจับเหตุฉุกเฉินร้อยละ 95 มีเวลาตอบสนองเฉลี่ย 2 นาที 50 วินาที และมีอัตราการแจ้งเตือนผิดพลาดเพียงร้อยละ 5 นอกจากนี้ ผลการประเมินความพึงพอใจพบว่า ผู้สูงอายุร้อยละ 80 รู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งผู้ดูแลเห็นว่าระบบช่วยลดภาระในการดูแลได้อย่างมีนัยสำคัญ

การพัฒนาแผ่นตรวจวัดแรงกดทับร่างกายด้วยปัญญาประดิษฐ์เพื่อป้องกันแผลกดทับ

สิริชัย ธรรมารักษ์วัฒนะ, นวลลออ ธวินชัย — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาการพัฒนาและทดสอบประสิทธิภาพแผ่นตรวจวัดแรงกดทับร่างกายด้วยปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยอัมพาตครึ่งตัวส่วนบน ระดับ C3–C5 ตามระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บไขสันหลังของ American Spinal Injury Association ระดับ A–C โดยใช้การวิจัยแบบภาคตัดขวาง ผู้เข้าร่วมทดลองถูกจัดให้อยู่ในท่านอนหงายและนอนตะแคงขวาเป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อท่า รวมทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง จากนั้นข้อมูลแรงกดที่เกิดขึ้นบนปุ่มกระดูกต่าง ๆ ถูกวิเคราะห์ด้วยอัลกอริทึมเอไอที่พัฒนาขึ้น เพื่อควบคุมการทำงานของถุงลมในการปรับแรงกดบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ ผลการศึกษาพบว่า จุดที่มีแรงกดสูงสุดคือบริเวณกระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บในท่านอนหงาย และบริเวณกระดูกสะโพกในท่านอนตะแคงขวา สำหรับการประเมินความพึงพอใจการใช้งานระบบ พบว่า ผู้ดูแลมีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และผู้ป่วยร้อยละ 88 ไม่เกิดแผลกดทับหลังจากการทดลองครบ 4 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า อุปกรณ์ต้นแบบสามารถตรวจวัดและควบคุมแรงกดทับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยที่มีภาวะเคลื่อนไหวจำกัด อีกทั้งยังเป็นแนวทางในการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีเอไอเพื่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน

การพัฒนาศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมและการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ

Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการสวัสดิการของผู้สูงอายุและศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้สูงอายุต่อการใช้งานเทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลในประเทศไทย ใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน โดยเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุจำนวน 2,005 คน ทั่วประเทศ และสัมภาษณ์เชิงลึกผู้สูงอายุ 40 คน จาก 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น ลำปาง พระนครศรีอยุธยา และสงขลา ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพและสกัดเนื้อหาออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีพื้นฐาน การยอมรับและความเข้าใจต่อเทคโนโลยีสุขภาพ ความพึงพอใจต่อการใช้งานเทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพจากการใช้เทคโนโลยี และศักยภาพของเทคโนโลยีต่อการดูแลสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุ จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติการถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการสวัสดิการของผู้สูงอายุ 2 อันดับแรกคือ ปัญหาด้านสุขภาพโดยมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ (B = 0.121, p < 0.001) และความกังวลในการใช้เทคโนโลยี (B = 0.048, p = 0.024) อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีสามารถลดความกังวลได้อย่างมีนัยสำคัญ (B = 2.358, p = 0.026) สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุพึงพอใจการใช้งานเทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลเพิ่มขึ้นคือ การเข้าถึงบริการสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพ (B = -0.073, p = 0.001) แต่ไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อความพึงพอใจในการใช้งานเทคโนโลยี (B = -0.011, p = 0.279)

การรับรู้ ทัศนคติ และความต้องการกำกับดูแลการโฆษณาแฝงทางโทรทัศน์ ในระบบดิจิทัลของผู้ชมรายการโทรทัศน์

บุหงา ชัยสุวรรณ, พรรณพิลาศ กุลดิลก, ชัชญา สกุณา, ฐิติรัตน์ เจนศิริรัตนากร — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาการรับรู้ ทัศนคติ ที่มีต่อการโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ระบบดิจิทัล และศึกษาความต้องการการกำกับดูแลโฆษณาแฝงในรูปแบบต่าง ๆ ที่ปรากฏในรายการโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ศึกษาด้วยวิธีวิจัยเชิงสำรวจกลุ่มผู้ชมรายการโทรทัศน์ระบบดิจิทัล จำนวน 4,946 คน จากทั่วประเทศ โดยการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่ผู้บริโภครับรู้เป็นโฆษณาแฝง 2 อันดับแรก คือ การมีภาพสินค้า บรรจุภัณฑ์ หรือโลโกสินค้า พร้อมทั้งพิธีกรหรือตัวแสดง กล่าวถึงสินค้านั้นในเนื้อหารายการ และการมีโลโกหรือกราฟิกชื่อสินค้าขึ้นในส่วนต่าง ๆ ของจอโทรทัศน์ ไม่ว่าจะมีการพูดถึงหรือไม่พูดถึงสินค้าหรือชื่อทางการค้านั้น ๆ ก็ตาม โดยผู้บริโภคยอมรับการมีโฆษณาแฝงในเนื้อหาของรายการ เนื่องจากเข้าใจเรื่องความอยู่รอดของรายการโทรทัศน์ อีกทั้งคิดว่าการมีโลโกสินค้าหรือตราสินค้าต่าง ๆ แทรกอยู่ในเนื้อหารายการเป็นเรื่องปกติ สำหรับรูปแบบการโฆษณาแฝงที่ผู้ชมรายการยอมรับได้มากที่สุด คือ การนำเสนอสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหารายการ เนื่องจากรู้สึกไม่ถูกคุกคามจากโฆษณาแฝงมากเกินไป ทั้งนี้ ผู้บริโภคต้องการให้เข้มงวดกับการกำกับดูแลโฆษณาแฝงในรายการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กมากที่สุด รองลงมาคือรายการข่าว และรายการที่มุ่งเน้นนำเสนอสาระความรู้

การรับรู้ประโยชน์และแรงผลักดันจากครอบครัวที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจเชิงพฤติกรรม ที่จะใช้งานสื่อสังคมของผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย

ธนโชค กาญจนนันทวงศ์, กิตติศักดิ์ แก้วนิลประเสริฐ, นฤบาล ยมะคุปต์ — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาการพัฒนาแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้างความสัมพันธ์ของปัจจัยการรับรู้ประโยชน์

และแรงผลักดันจากครอบครัว และศึกษาเส้นทางอิทธิพลของปัจจัยการรับรู้ประโยชน์และแรงผลักดันจากครอบครัวที่มีต่อความตั้งใจเชิงพฤติกรรมที่จะใช้งานสื่อสังคมของผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณด้วยแบบสอบถามออนไลน์ โดยสุ่มตัวอย่างตามสะดวก ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคใต้และใช้งานสื่อสังคมในชีวิตประจำวัน จำนวน 400 คน จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลด้วยแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้างกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน ผลการศึกษาพบว่า การรับรู้ประโยชน์และแรงผลักดันจากครอบครัว สามารถอธิบายความแปรปรวนของความตั้งใจเชิงพฤติกรรมที่จะใช้งานสื่อสังคมได้ร้อยละ 59.50 กล่าวคือ ประสิทธิภาพการทำนายของโมเดลการรับรู้ประโยชน์และแรงผลักดันจากครอบครัว มีความสามารถในการอธิบายความตั้งใจเชิงพฤติกรรมที่จะใช้งานสื่อสังคมได้ในระดับปานกลาง สำหรับผลการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์เส้นทาง พบว่า การรับรู้ประโยชน์มีอิทธิพลต่อความตั้งใจเชิงพฤติกรรมที่จะใช้งานสื่อสังคมอยู่ที่ 0.488 และแรงผลักดันจากครอบครัวมีอิทธิพลต่อความตั้งใจเชิงพฤติกรรมที่จะใช้งานสื่อสังคมอยู่ที่ 0.114 อธิบายได้ว่า การที่ผู้สูงอายุจะมีความตั้งใจเชิงพฤติกรรมที่จะใช้งานสื่อสังคมขึ้นอยู่กับการรับรู้ประโยชน์ของสื่อสังคมหรือการได้รับแรงผลักดันจากครอบครัวหรือทั้งสองปัจจัยร่วมกัน

หอฟอกอากาศเทคนิคสครับเบอร์ ชนิดสเปรย์น้ำผสมผสานระบบน้ำปั่นป่วนและควบคุมการทำงาน ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง

ณัฐกิตติ์ จิตรเอื้อตระกูล, เอกสิทธิ์ วันสม, ธราพงษ์ วิทิตศานต์, จิรายุ เสมกันทา — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

การศึกษานี้เป็นการพัฒนาการใช้หอฟอกอากาศดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้วยน้ำและใช้เทคนิคผสมผสาน ศึกษาโดยใช้วิธีวิจัยเชิงทดลอง 3 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรก ออกแบบและพัฒนาหอฟอกอากาศโดยใช้เทคนิคสครับเบอร์ชนิดสเปรย์น้ำผสมผสานระบบน้ำปั่นป่วน ขั้นตอนที่สอง พัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง จัดเก็บข้อมูลและควบคุมติดตามการทำงานของหอฟอกอากาศดักจับฝุ่นละอองด้วยน้ำ เช่น เซนเซอร์ควบคุมความเร็วลม เซนเซอร์ควบคุมระดับการไหลของน้ำ เซนเซอร์ควบคุมค่าความเป็นกรดด่าง เซนเซอร์ควบคุมค่าอุณหภูมิความชื้น รวมถึงเซนเซอร์ควบคุมระดับค่าความเข้มข้นของฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศ และขั้นตอนสุดท้าย ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของหอฟอกอากาศภายใต้สภาวะควบคุมในห้องทดสอบ ผลการศึกษาพบว่า หอฟอกอากาศดักจับฝุ่นละอองด้วยน้ำ สามารถดักจับฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศ ในพื้นที่กึ่งปิดได้ถึงร้อยละ 80 อีกทั้งสามารถควบคุมและติดตามประสิทธิภาพการทำงานได้ในระยะไกล โดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง หอฟอกอากาศด้วยน้ำจึงเหมาะสมที่จะนำไปใช้งานในพื้นที่สาธารณะกึ่งปิด เช่น สถานีขนส่งมวลชน จุดรอรถบริการสาธารณะ อาคารจอดรถ

The Court of Justice of the European Union’s First Judgment on Network Neutrality Principles: A Case Study of Zero-Rating Practices

สุวลักษณ์ ขันธ์ปรึกษา — Mon, 03 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความนี้ศึกษาหลักการความเป็นกลางทางเครือข่ายและบริการเข้าถึงเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตแบบไม่มีค่าใช้จ่าย วิเคราะห์กรณีศึกษาคำพิพากษาของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป และให้ข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันของไทยในประเด็นดังกล่าว โดยใช้วิธีวิจัยเอกสาร ผลการศึกษาพบว่า บริการเข้าถึงเนื้อหาอินเทอร์เน็ต

แบบไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นกลไกทางการตลาดที่ให้ประโยชน์กับผู้บริโภคและผู้ให้บริการเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตบางกลุ่ม แต่ขัดกับหลักการความเป็นกลางทางเครือข่ายที่เน้นการไม่เลือกปฏิบัติในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปมีคำตัดสินว่า แพ็กเกจโทรศัพท์ที่ผู้ซื้อสามารถใช้บริการหรือเข้าถึงบางแอปพลิเคชันโดยไม่จำกัดและไม่นับการเข้าถึงข้อมูลรวมกับปริมาณข้อมูลของแพ็กเกจที่ซื้อ เมื่อปริมาณข้อมูลของแพ็กเกจหมดลง ผู้ให้บริการใช้มาตรการปิดกั้นหรือลดความเร็วการเข้าถึงบริการหรือแอปพลิเคชันอื่นที่ไม่ได้รวมในแพ็กเกจ พฤติการณ์ลักษณะนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยความเป็นกลางทางเครือข่าย เมื่อพิเคราะห์บริบทของประเทศไทยพบว่า การควบรวมกิจการของคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดโทรคมนาคมทำให้ตลาดกระจุกตัวสูง ส่งผลลบทั้งต่อคู่แข่งรายย่อยและผู้บริโภค ผู้กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมควรสนับสนุนการทำวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเครือข่ายและบริการเข้าถึงเนื้อหาอินเทอร์เน็ตแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังการควบรวม