วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD
<p><strong>วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา</strong> เป็นวารสารสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่มีการเผยแพร่ผลงานวิชาการครอบคลุมเนื้อหาด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ด้านรัฐศาสตร์ ด้านบริหารการศึกษา ด้านบริหารธุรกิจ ด้านการจัดการ ด้านศิลปศาสตร์ ด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ด้านการเงิน การบัญชี และธนาคาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านโลจิสติกส์ สำหรับกระบวนการพิจารณาบทความเพื่อตีพิมพ์ ทุกบทความจะต้องได้รับการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Reviewer) จำนวน 3 ท่าน ในลักษณะปกปิด แบบไม่เห็นชื่อผู้เขียนและผู้ประเมิน (Double-blinded review) </p>
วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
th-TH
วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
3027-7833
-
ความคาดหวังและการรับรู้ของประชาชนต่อนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/276428
<p>การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคาดหวังของประชาชน และ 2) ศึกษาการรับรู้ต่อนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตในจังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 400 คนจากประชากร 895,362 คน ซึ่งได้จากสูตรของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) ใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล และวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ประชาชนคาดหวังให้นโยบายตอบสนองต่อสถานภาพทางการเงิน (= 3.58, <br />S.D. = 1.11) และสภาพแวดล้อมด้านที่อยู่อาศัย (= 3.54, S.D. = 1.20) อีกทั้งควรใช้งานง่ายและให้ประโยชน์ (= 3.71, S.D. = 1.08) โดยประสบการณ์จากโครแงการคนละครึ่งช่วยเสริมพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง (= 3.70, S.D. = 1.09) อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลยังมีอยู่ (= 2.99, S.D. = 1.24) ด้านการรับรู้ พบว่าประชาชนเข้าใจวัตถุประสงค์ของนโยบาย (= 3.40, S.D. = 1.16) และขั้นตอนการลงทะเบียน (= 3.45, S.D. = 1.19) แต่เห็นว่าข้อมูลจากภาครัฐยังไม่ชัดเจนเพียงพอ <br />(= 3.12, S.D. = 1.19)</p> <p>งานวิจัยนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกด้านความคาดหวังและการรับรู้ของประชาชน อันเป็นประโยชน์ต่อการออกแบบนโยบายที่ตรงกับความต้องการและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในโครงการ ผลการค้นพบนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกในระดับนโยบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการนำโปรแกรมกระเป๋าเงินดิจิทัลไปใช้ในเศรษฐกิจระดับจังหวัด</p>
คุณาภูมิ สำราญมาก
วณิชา เรือนแก้ว
ภคมน เจริญสลุง
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
1
12
-
แนวทางการพัฒนาความสุขทางการเรียนตามหลักไตรสิกขาสำหรับนิสิตนักศึกษา ของสถาบันอุดมศึกษาไทย
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/279609
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่คาดหวังในการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ตามหลักไตรสิกขาสำหรับนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาไทย และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ตามหลักไตรสิกขาสำหรับนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาไทย ผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย รวมทั้งหมด 420 คน ประกอบด้วย 1) ผู้บริหารและคณาจารย์ จำนวน 10 คน 2) นิสิตนักศึกษา จำนวน 400 คน และ 3) ผู้บริหารและคณาจารย์ จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งมีโครงสร้างเพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่คาดหวัง 2) แบบสอบถามในการประเมินสภาพปัจจุบันและสภาพที่คาดหวังของการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ตามหลักไตรสิกขาสำหรับนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาไทย โดยใช้แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับของลิเคริ์ท โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .933 และ 3) แบบสอบถามแนวทางการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ตามหลักไตรสิกขาสำหรับนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาไทย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน <br />และค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNI <sub>modified</sub> ) ผลการวิจัย พบว่า 1) นิสิตนักศึกษามีความต้องการจำเป็นของการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อแยกเป็นรายด้าน พบว่า ในด้านร่างกาย (กายภาวนา) มีความต้องการมากที่สุด (ค่า PNI = 0.11) รองลงมาคือ ด้านจิตใจ <br />(จิตตภาวนา) และ ด้านสมาธิ (จิตตสิกขา) มีค่า PNI เท่ากัน (ค่า PNI = 0.09) ด้านอารมณ์ (ปัญญาภาวนา) <br />และด้านปัญญา (ปัญญาสิกขา) มีค่า PNI เท่ากัน (ค่า PNI = 0.08) ส่วนความต้องการจำเป็นของการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ที่มีค่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ย มี 2 ด้าน คือ ด้านสังคม (สีลภาวนา) และด้านศีล (สีลสิกขา) มีค่า PNI เท่ากัน (ค่า PNI = 0.07) 2) ผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ตามหลักไตรสิกขาสำหรับนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาไทย ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา คณาจารย์ผู้สอน และนิสิตนักศึกษาเห็นด้วยกับการนำหลักไตรสิกขาไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาความสุขทางการเรียนรู้ในสถาบันอุดมศึกษาไทย</p>
รณชัย บริสุทธิ์
จักรกฤษณ์ โปณะทอง
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
13
35
-
คุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์ วัฒนธรรมองค์การ การจัดการความรู้ด้านต้นทุนผลิตภัณฑ์และความสามารถเชิงพลวัตที่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/273845
<p>จุดประสงค์ของการทำวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาระดับของคุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์ วัฒนธรรมองค์การ การจัดการความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ ความสามารถเชิงพลวัต และความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์ วัฒนธรรมองค์การ การจัดการความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ และความสามารถเชิงพลวัตที่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และ 3) เพื่อพัฒนารูปแบบความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล งานวิจัยนี้ใช้การวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ ในการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือพนักงานระดับหัวหน้างานด้านการผลิตและให้บริการเครื่องปรับอากาศในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 400 ตัวอย่าง ขนาดของกลุ่มตัวอย่างกำหนด โดยใช้เกณฑ์ 20 เท่าของตัวแปรสังเกต ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยแบบจำลองสมการโครงสร้าง ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบแบบเจาะลึก กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลักคือผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจด้านการผลิตและให้บริการเครื่องปรับอากาศในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 18 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์ วัฒนธรรมองค์การ การจัดการความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ และความสามารถเชิงพลวัตที่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ในระดับมาก 2) คุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์ วัฒนธรรมองค์การ การจัดการความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ และความสามารถเชิงพลวัตที่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) รูปแบบความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีชื่อว่า DO-PDS Model ( D = Desirable Leadership Characteristic, O = Organizational Culture, P = Product Cost Knowledge Management, D = Dynamic Capabilities, S = Success of Business Organization ) นอกจากนี้ผลการวิจัยเชิงคุณภาพยังพบว่า ในการสร้างความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นั้นผู้ประกอบการต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมสินค้า เทคโนโลยีระบบบริการออนไลน์ วางแผนสื่อสารการตลาด ครบวงจร มีการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สามารถรองรับการบริการให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลของงานวิจัยนี้สามารถนำไปปรับใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายในการดำเนินธุรกิจเพื่อส่งเสริมความสำเร็จในการแข่งขันขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อย่างยั่งยืนต่อไป</p> <p> ผลการศึกษาพบว่าตัวแบบสมการโครงสร้างมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (c<sup>2</sup> = 142.656, df = 70, p-value = 0.000, c<sup>2</sup> / df = 2.038, GFI = 0.955, AGFI = 0.922, NFI = 0.960, IFI = 0.979, CFI = 0.979, RMR = 0.056, SRMR = 0.0404, RMSEA = 0.051, PCLOSE (p-value for test of close fit) = 0.428 และ CN = 254) ส่วนผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ตัวแปรผู้นำที่พึงประสงค์ วัฒนธรรมองค์การ การจัดการความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ และความสามารถเชิงพลวัตมีอิทธิพลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจเครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 0.01 0.001 และสามารถร่วมกันพยากรณ์ได้ร้อยละ 44</p>
ชวภณ เจริญสิน
ณธกร คุ้มเพชร
ธนพล ก่อฐานะ
พาโชค เลิศอัศวภัทร
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
36
49
-
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการยอมรับต้นแบบนวัตกรรม ระบบบริหารจัดการโรงแรมและการจองที่พักบนเทคโนโลยี Cloud Computing กรณีศึกษากลุ่มโรงแรมที่พักทุกขนาดบนเกาะล้าน จังหวัดชลบุรี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/273928
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับของปัจจัยการยอมรับเทคโนโลยีด้านการรับรู้ถึงประโยชน์ ด้านการใช้งานง่าย ด้านทัศนคติที่มีต่อการใช้งาน ด้านความตั้งใจใช้งานและระดับของการยอมรับนวัตกรรมระบบบริหารจัดการโรงแรมและการจองที่พักบนเทคโนโลยี Cloud Computing 2) เพื่อศึกษาปัจจัยการยอมรับเทคโนโลยีแต่ละด้านที่ส่งผลต่อการยอมรับต้นแบบนวัตกรรมระบบบริหารจัดการโรงแรมและการจองที่พักบนเทคโนโลยี Cloud Computing กรณีศึกษากลุ่มโรงแรมที่พักทุกขนาดบนเกาะล้าน จังหวัดชลบุรี การใช้ระเบียบววิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) และวิธีวิจัยสถิติเชิงอนุมาน (Inferential statistics) ผู้วิจัยได้มีการสร้างมาตรวัดระดับของตัวแปรในรูปแบบของแบบสอบถามเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลสำหรับการวิจัยโดยแบบสอบถามมีมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ซึ่งแบบสอบถามที่พัฒนาขึ้นมานั้นผู้วิจัยได้ทำการตรวจสอบความเที่ยงตรงและหาค่าความเชื่อมั่นแล้วจึงนำไปใช้ในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นพนักงานระดับหัวหน้างานของสถานประกอบการให้บริการด้านที่พักที่เป็นสมาชิกกลุ่มโรงแรมหรือที่พักบนเกาะล้าน จังหวัดชลบุรี โดยขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการคำนวณคือ 385 คน จากนั้นนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ซึ่งทำการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงทำการวิเคราะห์ตามกระบวนการของการวิเคราะห์ถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ (Multiple Linear Regression) เพื่อหาอิทธิพลของตัวแปรอิสระที่มีต่อตัวแปรตามและหารูปแบบความสัมพันธ์รวมถึงทำการทดสอบสมมติฐานทางการวิจัย</p> <p>ผลจากการวิจัยพบว่า 1. กลุ่มตัวอย่างที่เก็บรวมรวมข้อมูลพบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 272 คน คิดเป็นร้อยละ 70.65 มีอายุอยู่ในช่วงที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 20 ปี จำนวน 189 คน คิดเป็นร้อยละ 49.09 มีระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรี จำนวน 152 คน คิดเป็นร้อยละ 39.48 มีอายุการทำงานในช่วง 11 ถึง 15 ปี จำนวน 142 คน คิดเป็นร้อยละ 36.88 และมีรายได้ต่อเดือนในช่วง 9,001 บาท ถึง 15,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 51.17</p> <ol start="2"> <li>ผลการศึกษาระดับตัวแปรการยอมรับเทคโนโลยีด้านการรับรู้ถึงประโยชน์การใช้งาน พบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.70 อยู่ในระดับมาก ตัวแปรการยอมรับเทคโนโลยีด้านการรับรู้ความง่ายในการใช้งานพบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.60 อยู่ในระดับมาก ตัวแปรการยอมรับเทคโนโลยีด้านทัศนคติในการใช้งานพบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.51 อยู่ในระดับมาก ตัวแปรการยอมรับเทคโนโลยีด้านพฤติกรรมที่มีแนวโน้มที่จะใช้งานมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 อยู่ในระดับปานกลาง และตัวแปรการยอมรับต้นแบบนวัตกรรมการบริหารจัดการการจองที่พักบน Cloud Computing พบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.50 อยู่ในระดับมาก</li> <li>ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ (Multiple Linear Regression) พบว่าข้อมูลที่เก็บมานั้นผ่านการตรวจสอบเงื่อนไขข้อตกลงเบื้องต้นในการดำเนินการ และเมื่อทำการวิเคราะห์แล้วทำให้พบว่าตัวแปรอิสระทุกตัวถูกนำเข้าสมการซึ่งพบว่ามีอิทธิพลต่อตัวแปรตามทั้งหมด โดยตัวแปรอิสระสามารถร่วมกันพยากรณ์ตัวแปรตามได้แม่นยำร้อยละ 47.1</li> </ol>
ณัฐพนธ์ พันธุ์กระทึก
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
50
62
-
นวัตกรรมการจัดการ การรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ การรับรู้คุณค่าตราสินค้าและการรับรู้คุณภาพบริการที่ส่งผลต่อความภักดีของลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/273942
<p>ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่พัฒนาจากความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ผู้พัฒนาโครงการจะต้องนำเสนอจุดเด่นที่ตรงใจลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจและการบอกต่อมากที่สุด การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับนวัตกรรมการจัดการ การรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ การรับรู้คุณค่าตราสินค้า การรับรู้คุณภาพบริการและความภักดีของลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2) ศึกษาอิทธิพลของนวัตกรรมการจัดการ การรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ การรับรู้คุณค่าตราสินค้า และการรับรู้คุณภาพบริการที่ส่งผลต่อความภักดีของลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และ 3) สร้างรูปแบบความภักดีของลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ ในการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือประชากรที่เคยซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 400 คน ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1) นวัตกรรมการจัดการ การรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ การรับรู้คุณค่าตราสินค้า และการรับรู้คุณภาพบริการและความภักดีของลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ในระดับมาก 2) นวัตกรรมการจัดการ การรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ การรับรู้คุณค่าตราสินค้า และการรับรู้คุณภาพบริการที่ส่งผลต่อความภักดีของลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) รูปแบบความภักดีของลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีชื่อว่า M3PL Model เป็นรูปแบบที่เน้นการก่อสร้างและคุณภาพของวัสดุก่อสร้างด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้มีมาตรฐานสูงสุด มีการให้บริการหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า การซื้อซ้ำ และบอกต่อสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่</p>
วรฐ จินตนานุวัฒน์
ณธกร คุ้มเพชร
ธนพล ก่อฐานะ
ชมภู สายเสมา
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
63
74
-
การเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงนวัตกรรมของข้าราชการรัฐสภา
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/274082
<p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาระดับของผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงความพึงพอใจในงาน การมีส่วนร่วมในการทำงาน และพฤติกรรมเชิงนวัตกรรมของข้าราชการรัฐสภา 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงความพึงพอใจในงาน การมีส่วนร่วมในการทำงานที่ส่งผลต่อพฤติกรรมเชิงนวัตกรรมของข้าราชการรัฐสภา 3) เพื่อพัฒนาแบบจำลองการเสริมสร้างพฤติกรรม เชิงนวัตกรรมของข้าราชการรัฐสภา วิจัยแบบผสมผสาน ศึกษาประชากร คือข้าราชการรัฐสภา กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 300 คน ใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสมการโครงสร้าง กลุ่มตัวอย่างเชิงคุณภาพ จำนวน 17 คน โดยวิธีการสัมภาษณ์ วิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ตัวแปรแฝงที่ทำการศึกษา มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.33– 4.66 โดยที่ปัจจัย ผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด เท่ากับ 4.66 การมีส่วนร่วมในการทำงานมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 ความพึงพอใจในงานมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.40 และพฤติกรรมเชิงนวัตกรรม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 ด้านภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .254 ความพึงพอใจ ในงาน เท่ากับ .331 การมีส่วนร่วมในการทำงาน เท่ากับ .365 มีอิทธิพลทางตรงต่อมีอิทธิพลทางตรงต่อพฤติกรรมเชิงนวัตกรรม H1=.254 H2=.331 H3=.365 H4=.747 H5=.272 H6=.673 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 โดยผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นมีชื่อว่า “T J W I Model” (T=Transformational Leadership, J=Job Satisfaction, W=Work Engagement,<br />I =Innovative Work Behavior) ผลการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า ในการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงนวัตกรรมของข้าราชการรัฐสภา ควรมีการสร้างนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงาน</p>
สุทธิกานต์ คงมี
สุพัตรา ปราณี
ธนพล ก่อฐานะ
บัณฑิต ผังนิรันดร์
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
75
86
-
Teachers 'Competence and University International Students' Performance: Students' Willingness as Mediator
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/274800
<p>The pursuit of enhancing teachers' competence is essential in advancing the university international students' performance. Higher education institutions are dedicated to fostering an environment that promotes both student engagement and academic excellence, recognizing the pivotal role of teachers' competence in this process. This study delves into the impact of teachers' competence on the university international students' performance, with a focus on the mediating role of students' willingness. The research constructs a structural equation model to explore the relationships between the various teachers' competence and international students' performance</p> <p>The empirical validation, involving a sample of 240 international students, confirms the proposed model, demonstrating that teachers' competence has a significant positive impact on students' academic outcomes. Furthermore, the study reveals that students' willingness to learn serves as a crucial mediator in this relationship, highlighting the importance of creating a learning environment that encourages student motivation and participation. This scholarly inquiry not only deepens our understanding of the factors influencing the academic success of international students but also provides critical insights for educational policymakers and university administrators seeking to improve teaching effectiveness and student learning experiences.</p>
Wenjiao Du
Kuncharee Kakhai
Tanapol Kortana
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
87
99
-
กลยุทธ์ทางการตลาดของร้านอาหารเพื่อสุขภาพ Hide Dinning อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/275532
<p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ <br />และปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในการตัดสินใจเลือกใช้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพของผู้บริโภค<br />ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของร้านอาหารเพื่อสุขภาพ Hide Dinning อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ผ่านการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก การวิเคราะห์แรงกดดันทางการแข่งขัน การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์กร และการวิเคราะห์การเลือกกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด</p> <p>ผลการศึกษา พบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ส่วนใหญ่เคยรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และมีความถี่ในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ในช่วงเวลา <br />17.01-19.00 น. มากที่สุด สาเหตุหรือวัตถุประสงค์การเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อดูแลสุขภาพมากที่สุด รองลงมา คือ เพื่อควบคุมน้ำหนัก ค่าใช้จ่ายที่จ่ายต่อมื้อต่อคน 100 - 200 บาท ช่องทางที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ คือ สื่อออนไลน์ และเพื่อน/บุคคลที่รู้จักแนะนำ ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในการตัดสินใจเลือกใช้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น <br />ให้ความสำคัญระดับมากที่สุดในด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านการจัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาด <br />ด้านพนักงาน ด้านกระบวนการให้บริการ และด้านลักษณะทางกายภาพ จากนั้นการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทั่วไป การวิเคราะห์แรงกดดันทางการแข่งขัน การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์กร และการวิเคราะห์การเลือกกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด เพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของร้านอาหารเพื่อสุขภาพในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1 การนำเสนอเมนูตามความต้องการเฉพาะ และกลยุทธ์ที่ 2 สร้างการรับรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และคอนเทนต์</p>
ปฐวริญญ์ วรฉัตร
ศักดิ์ชัย เจริญศิริพรกุล
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
100
113
-
แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเลิศของกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/274283
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับของ การจัดการเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาบุคลากร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ความผูกพันองค์กร และการพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเป็นเลิศ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของ การจัดการเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาบุคลากร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ความผูกพันองค์กร ที่ส่งผลต่อการพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเป็นเลิศ และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเป็นเลิศของกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานระหว่างเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณมีกลุ่มตัวอย่างคือ ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 300 ตัวอย่าง สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยแบบจำลองสมการโครงสร้าง สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึก ประกอบด้วย ผู้บังคับการ ผู้กำกับการ สารวัตรหน่วยปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร จำนวน 15 คน <br />และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเป็นเลิศ การใช้เทคโลยโลยีสารสนเทศ การพัฒนาบุคลากร และการจัดการเชิงกลยุทธ์ มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 2) การพัฒนาบุคลากรมีอิทธิพลเชิงสาเหตุรวมต่อการพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเป็นเลิศ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ความผูกพันองค์กร และการจัดการเชิงกลยุทธ์ ตามลำดับ และ 3) ได้แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเป็นเลิศของกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีลักษณะเป็นภาพแผนภูมิประกอบด้วยการพัฒนาบุคลากร ที่มีอิทธิพลรวมมากที่สุดเป็นฐานผลักดันอยู่ล่างสุด ส่วนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ความผูกพันองค์กรอยู่ตรงกลาง และกการจัดการเชิงกลยุทธ์ ส่งเสริมอยู่ในระดับบนด้วย นอกจากนั้การพัฒนาประสิทธิภาพสู่ความเป็นเลิศของกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องประกอบด้วย การบริหารจัดการ การวางแผน การควบคุม ผลการวิจัยมีประโยชน์ต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาองค์กร สามารถนำองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปกำหนดประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ กลยุทธ์ นโยบาย แผนงาน และโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาองค์กรได้</p>
ภูริเดช ลิ้นปราชญา
กาญจนา โพธิวิชยานนท์
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
114
130
-
การศึกษาการบริหารความเสี่ยงและการลงทุนในสินทรัพย์ที่ส่งผลต่อมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/274240
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารความเสี่ยงและการลงทุนในสินทรัพย์ส่งผลต่อมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จำนวน 42 บริษัท ในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2563 – 2565 ใช้วิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณในการทดสอบ ผลการวิเคราะห์ทั้งหมดพบว่าอัตราส่วนกหนี้สินหมุนเวียนต่อสินทรัพย์รวม ส่งผลเชิงบวกต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและมูลค่าหลักทรัพย์ตามบัญชี อัตราส่วนการหมุนเวียนของลูกหนี้ส่งผลเชิงบวกต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ผลการวิจัยในธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี พบว่า อัตราส่วนกหนี้สินหมุนเวียนต่อสินทรัพย์รวม ส่งผลเชิงบวกต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและมูลค่าหลักทรัพย์ตามบัญชี อัตราส่วนการหมุนเวียนของลูกหนี้ส่งผลเชิงบวกต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด นักลงทุนสามารถนำบทวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน ไปใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ให้แก่พอร์ตการลงทุนของตัวเองและสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ</p>
กวินนาท เรืองแสง
ประเวศ เพ็ญวุฒิกุล
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
131
140
-
แนวทางการบริหารทางการศึกษาผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธในกรุงเทพมหานคร
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/274282
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพแผนพัฒนาการศึกษา การบริหารการศึกษา ปัญญาวุฒิธรรม พฤติกรรมการศึกษา และผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณภาพแผนพัฒนาการศึกษา การบริหารการศึกษา ปัญญาวุฒิธรรม พฤติกรรมการศึกษา ที่ส่งต่อผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธ และ <br />3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารทางการศึกษาผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธในกรุงเทพมหานคร การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานระหว่างเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณมีกลุ่มตัวอย่างคือ ครูพระสอนศีลธรรม และบุคลากรครูของกลุ่มบริหารวิชาการ และกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จำนวน 420 ตัวอย่าง สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยแบบจำลองสมการโครงสร้าง สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึก ประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน ครูพระสอนศีลธรรมของโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำ สพม. เขต 2 กรุงเทพมหานคร จำนวน 18 คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) การบริหารการศึกษา พฤติกรรมการศึกษา ผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธ ปัญญาวุฒิธรรม และคุณภาพแผนพัฒนาการศึกษา มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 2) คุณภาพแผนพัฒนาการศึกษา มีอิทธิพลเชิงสาเหตุรวมต่อผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ พฤติกรรมการศึกษา ปัญญาวุฒิธรรม และ การบริการศึกษา ตามลำดับ และ 3)ได้แนวทางการบริหารทางการศึกษาผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธในกรุงเทพมหานคร มีลักษณะเป็นภาพแผนภูมิประกอบด้วยคุณภาพแผนพัฒนาการศึกษา ที่มีอิทธิพลรวมมากที่สุดเป็นฐานผลักดันอยู่ล่างสุด ส่วนพฤติกรรมการศึกษา <br />และปัญญาวุฒิธรรม อยู่ตรงกลาง และการบริการศึกษา ส่งเสริมอยู่ในระดับบนด้วย นอกจากนั้นผลสัมฤทธิ์โรงเรียนวิถีพุทธในกรุงเทพมหานคร ต้องประกอบด้วย ความรู้ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ และการสังเคราะห์ ผลการวิจัยมีประโยชน์ต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการศึกษาทุกระดับสามารถนำองค์ความรู้ ที่เกิดขึ้นไปกำหนดประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ กลยุทธ์ นโยบาย แผนงาน และโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาการที่นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของโรงเรียนวิถีพุทธโดยจะเกิดประโยชน์สูงสุด แก่ผู้เรียน ซึ่งประกอบด้วย การเกิดความรู้ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ และการสังเคราะห์ได้</p>
ณัฐติมา ลิ้นปราชญา
กาญจนา โพธิวิชยานนท์
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
141
157
-
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศจีนของผู้บริโภค ในกรุงเทพมหานคร
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/275395
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความตั้งใจซื้อเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศจีน สิ่งกระตุ้น ส่วนประสมทางการตลาด การรับรู้คุณค่า และความพึงพอใจ และ 2) วิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศจีนของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ศึกษาใน กรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครและมีประสบการณ์ซื้อเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศจีน จำนวน 340 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา<br />และการวิเคราะห์แบบจำลองสมการโครงสร้าง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ระดับความตั้งใจซื้อเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศจีน สิ่งกระตุ้น ส่วนประสมทางการตลาด การรับรู้คุณค่า และความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก โดยการรับรู้คุณค่ามีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือ สิ่งกระตุ้น ส่วนประสมทางการตลาด ความพึงพอใจ และความตั้งใจซื้อเสื้อผ้านำเข้า ตามลำดับ และความตั้งใจซื้อเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศจีนได้รับอิทธิพลจากสิ่งกระตุ้นมากที่สุด รองลงมาคือ ความพึงพอใจ และ ส่วนประสมทางการตลาด ตามลำดับ ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้นำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับผู้ประกอบการ SMEs และธุรกิจนำเข้า ในการปรับแนวทางการสื่อสารทางการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ชาวไทย</p>
อจิรภาส์ มีเพิ่มพูนศรี
วิชิต สุรดินทร์กูร
นลินี สุรดินทร์กูร
สุรางค์รัตน์ เพิ่มพูนศรีศิลป์
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
158
172
-
ปัจจัยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมการจัดการ ภาพลักษณ์องค์กร และชื่อเสียงองค์กรที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/274523
<p>จุดประสงค์ของการทำวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาระดับตัวแปรความรับผิดชอบต่อสังคม ตัวแปรนวัตกรรมการจัดการ ตัวแปรภาพลักษณ์องค์กร ตัวแปรชื่อเสียงขององค์กรและประสิทธิภาพของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของตัวแปรความรับผิดชอบต่อสังคม ตัวแปรนวัตกรรมการจัดการ ตัวแปรภาพลักษณ์องค์กร ตัวแปรชื่อเสียงขององค์กรที่มีต่อประสิทธิภาพของประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม 3) เพื่อสร้างแบบจำลองตัวแบบประสิทธิภาพของบริษัทธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้วิธีการกระบวนการตัวแบบสมการโครงสร้างเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และทดสอบสมมติฐาน ประชากรในการศึกษาครั้งนี้เป็นพนักงานของบริษัทซึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ซึ่งมีการดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศจำนวน 400 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล</p> <p> ผลการศึกษาพบว่าตัวแบบสมการโครงสร้างมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (c<sup>2</sup> = 180.419, <br />df = 89, p-value = 0.220, c<sup>2</sup> / df = 2.027, GFI = 0.948, AGFI = 0.921, NFI = 0.957, IFI = 0.978, <br />CFI = 0.978, RMR = 0.042, SRMR = 0.0375, RMSEA = 0.051, PCLOSE (p-value for test of close fit) = 0.439 และ CN = 248) ส่วนผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ตัวแปรความรับผิดชอบต่อสังคม ตัวแปรนวัตกรรมการจัดการ ตัวแปรภาพลักษณ์องค์กร ตัวแปรชื่อเสียงขององค์กรมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพของประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 0.01 0.001 <br />และสามารถร่วมกันพยากรณ์ได้ร้อยละ 47</p>
นภดนัย วิชัยสาร
ญาณัญฏา ศิรภัทร์ธาดา
พาโชค เลิศอัศวภัทร
ชมภู สายเสมา
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
173
188
-
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/274522
<p>งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อการยอมรับเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยการยอมรับในเทคโนโลยี และปัจจัยคุณภาพเว็บไซต์ ส่งผลต่อการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ.มีกลุ่มตัวอย่าง คือ ประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร และใช้จำนวน 400 คน ใช้การวิเคราะห์ด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 202 คน มีอายุ 21 – 30 ปี การศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระดับปริญญาตรี อาชีพส่วนใหญ่เป็นพ่อบ้านหรือแม่บ้าน รายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่า 25,001 บาท 2) ปัจจัยด้านการยอมรับเทคโนโลยี มีความคิดเห็นในภาพรวมทั้งหมดอยู่ในระดับมาก โดย ด้านการรับรู้ถึงประโยชน์ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องสามารถทำการเรียนการสอนจากสถานที่ไหนก็ได้ ด้านความง่ายในการใช้งาน ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องง่ายต่อการใช้งานทำให้เกิดความต้องการเรียนรู้เพิ่มขึ้น ด้านทัศนคติต่อการใช้งาน ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องเป็นเครื่องมือที่ดีในการช่วยเรียนรู้ได้ง่าย ด้านการนำมาใช้จริง ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความสะดวกในการเรียน 3) ปัจจัยด้านคุณภาพเว็บไซต์ มีความคิดเห็นในภาพรวมทั้งหมดอยู่ในระดับมาก โดย ด้านข้อมูล ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน ด้านการบริการ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องมีการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน ด้านระบบ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน 4) ปัจจัยการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ มีความคิดเห็นในภาพรวมทั้งหมดอยู่ในระดับมาก โดยการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องตอบโจทย์ความต้องการ และมีความสะดวกสบายให้กับผู้เรียน 5) ปัจจัยทางประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ส่งผลต่อการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 แต่อาชีพ ไม่ส่งผลต่อการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ 6) ปัจจัยด้านการยอมรับเทคโนโลยี และปัจจัยด้านคุณภาพเว็บไซต์ส่งผลต่อการยอมรับการใช้งานเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ ได้ร้อยละ 39.0 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ ± .598</p>
มธุมิศร์ ลิ้มสุวรรณ
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
189
198
-
นโยบายด้านการเมืองการปกครองของประเทศสิงคโปร์ในบริบทอาเซียน
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/276697
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษานโยบายด้านการเมืองการปกครองของประเทศสิงคโปร์ในปัจจุบัน 2) เพื่อศึกษาบทบาทของประเทศสิงคโปร์ในบริบทประชาคมอาเซียน และ 3) เพื่อสรุปแนวทางที่สำคัญของนโยบายทางการเมืองของประเทศสิงคโปร์ที่ส่งผลให้ประเทศประสบความสำเร็จในบริบทประชาคมอาเซียน <br />การวิจัยเป็นแบบการวิจัยเชิงเอกสาร ทบทวนแนวความคิด ทฤษฎี และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า 1) ประเทศสิงคโปร์ระบบการเมืองการปกครองที่ผสมผสานระหว่างการประชาธิปไตยที่มีการควบคุมโดยพรรคการเมืองหลัก (Parliamentary Democracy System) 2) บทบาทของประเทศสิงคโปร์มุ่งเน้นความสำคัญของ <br />3 เสาหลักในบริบทอาเซียน เสาหลักที่ 1 ประชาคมการเมืองและความมั่นคงของอาเซียน (ASEAN Political - Security Community : APSC) การวางตัวเป็นกลางเพื่อความมั่นคงของประเทศ มุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพและประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส เสาหลักที่ 2 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) การมุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การค้าเสรี และการลงทุนจากกลุ่มประเทศในอาเซียน เสาหลักที่ 3 ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC) มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและนวัตกรรม การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สนับสนุนโครงการ ASEAN Connectivity การมีบทบาทในด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3) แนวทางของนโยบายทางการเมืองของประเทศสิงคโปร์ ประกอบด้วย 3.1) การเมืองแบบประชาธิปไตยที่มุ่งเน้นเสถียรภาพและประสิทธิภาพ โดยมีความเป็นกลางทางการทูต 3.2) การส่งเสริมเศรษฐกิจเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค มุ่งพัฒนานวัตกรรมและการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้าเสรีและเทคโนโลยี 3.3) การส่งเสริมด้านสังคมโดยการขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคในสังคม รวมทั้งการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน</p>
นลินี ณ นคร รักธรรม
Copyright (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-04-30
2025-04-30
8 1
199
214