วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD
<p><strong>วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา</strong> เป็นวารสารสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่มีการเผยแพร่ผลงานวิชาการครอบคลุมเนื้อหาด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ด้านรัฐศาสตร์ ด้านบริหารการศึกษา ด้านบริหารธุรกิจ ด้านการจัดการ ด้านศิลปศาสตร์ ด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ด้านการเงิน การบัญชี และธนาคาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านโลจิสติกส์ สำหรับกระบวนการพิจารณาบทความเพื่อตีพิมพ์ ทุกบทความจะต้องได้รับการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Reviewer) จำนวน 3 ท่าน ในลักษณะปกปิด แบบไม่เห็นชื่อผู้เขียนและผู้ประเมิน (Double-blinded review) </p>
วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
th-TH
วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
3027-7833
-
กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และนวัตกรรมการตลาดที่มีผลต่อความจงรักภักดี ในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภค ในเขตกรุงเทพมหานคร
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/282562
<p>การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และนวัตกรรมการตลาดของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร และ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และนวัตกรรมการตลาดที่ส่งผลต่อความภักดีในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร โดยพัฒนากรอบแนวคิดตามแนวคิดและทฤษฎี กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และนวัตกรรมการตลาดซึ่งส่งผลต่อความจงรักภักดีในการซื้อสินค้าออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างสำหรับการวิจัยครั้งนี้ คือ ประชาชนที่มีอายุระหว่าง 20 – 40 ปี ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 400 คน ตามสูตรการคำนวณขนาดตัวอย่างของ Taro Yamane (1973) ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิและเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม หาคุณภาพเครื่องมือด้วยการหาค่า IOC และ ค่าสัมประสิทธ์ Cronbach’s Alpha ตลอดจนวิเคราะห์องค์ประกอบนวัตกรรมการตลาดที่ส่งผลต่อความภักดีในการซื้อสินค้าออนไลน์ด้วยสมการถดถอยเชิงพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li>ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และนวัตกรรมการตลาดของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครอยู่ในระดับมาก</li> <li>กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และนวัตกรรมการตลาดสามารถร่วมกันพยากรณ์ต่อความจงรักภักดีในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครในภาพรวม ได้ร้อยละ 62.90 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยที่กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และนวัตกรรมการตลาด มีอิทธิพลทางบวกต่อความจงรักภักดีในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครในภาพรวม ซึ่งปัจจัยด้านนวัตกรรมการตลาด (β = .561) เป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักการพยากรณ์มากที่สุด และรองลงมาคือปัจจัยด้านกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล (β = .278)</li> </ol>
นนทพร ปั่นทรัพย์
วิไลลักษณ์ รักบำรุง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
1
9
-
การพัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจโดยใช้กระบวนการขยายมโนทัศน์ ผ่านกิจกรรมทางภาษาสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/278926
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการขยายมโนทัศน์ผ่านกิจกรรมทางภาษา (Extending Concepts through Language Activities: ECOLA) ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยใช้รูปแบบการวิจัย<br />แบบทดลองกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลัง (One-group pretest-posttest design) กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนสาธิตมัธยมในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการขยายมโนทัศน์ผ่านกิจกรรมทางภาษา จำนวน 3 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ หน่วยการเรียนรู้บันเทิงคดีร้อยกรองประเภทเรื่องราว หน่วยการเรียนรู้สารคดีร้อยกรอง และหน่วยการเรียนรู้บทร้อยกรองแนวสัจนิยม โดยแต่ละหน่วยการเรียนรู้มีการจัดกิจกรรมตามกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน <br />ได้แก่ การระบุวัตถุประสงค์การสื่อสาร การอ่านในใจเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ การตกผลึกความรู้จากการเขียน การอภิปรายผลการอ่าน และการเขียนและเปรียบเทียบผลการอ่านก่อนและหลังการเรียน สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบวัดความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจซึ่งวัดใน 4 ระดับ ได้แก่ ระดับข้อเท็จจริง ระดับวิเคราะห์ ระดับประเมินค่า และระดับการประยุกต์ โดยวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ dependent sample t-test</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนหลังการเรียนรู้ด้วยกระบวนการขยายมโนทัศน์ผ่านกิจกรรมทางภาษา เท่ากับ 27.43 (S.D. = 2.30) สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ซึ่งเท่ากับ 21.27 (S.D. = 5.28) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณารายระดับการอ่านเพื่อความเข้าใจพบว่าคะแนนในทุกระดับ ได้แก่ ระดับข้อเท็จจริง วิเคราะห์ ประเมินค่า และประยุกต์ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกันแสดงให้เห็นว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการขยายมโนทัศน์ผ่านกิจกรรมทางภาษามีประสิทธิภาพในการส่งเสริมความเข้าใจของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นได้อย่างมีนัยสำคัญ</p>
ณัฐนันท์ สาริโก
สันติวัฒน์ จันทร์ใด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
10
23
-
ความสุขในการปฏิบัติงานที่มีต่อความผูกพันต่อองค์กรและพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรของพนักงานบริษัทภูเก็ตอันดามัน คอนกรีต จำกัด
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/277349
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับของความสุขในการปฏิบัติงาน ความผูกพันต่อองค์กรและพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กร และ 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของความสุขในการปฏิบัติงานต่อความผูกพันต่อองค์กรและพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรของพนักงานบริษัท ภูเก็ตอันดามันคอนกรีต จำกัด งานวิจัยนี้เป็นวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรในการวิจัย ได้แก่ พนักงานบริษัทภูเก็ตอันดามันคอนกรีต จำนวน 215 คน ทำการเก็บข้อมูลจากประชากรทั้งหมดโดยใช้แบบสอบถามและทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย การวิเคราะห์สัมประสิทธ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ </p> <p>ผลการศึกษา พบว่า ระดับความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างต่อความสุขในการปฏิบัติงาน ความผูกพันต่อองค์กร พฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ความสุขในการปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อความผูกพันต่อองค์กรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเฉพาะด้านการหาความรู้ ด้านคุณธรรม ด้านการใช้เงินเป็น ด้านการผ่อนคลาย และด้านครอบครัวดี มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อความผูกพันต่อองค์กร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และความสุขในการปฏิบัติงาน มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเฉพาะด้านคุณธรรม ด้านครอบครัวดี ด้านการหาความรู้ ด้านสุขภาพดี และด้านการผ่อนคลาย มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p>
ภูวนัย บัวอ่อน
อนุศรา สาวังชัย
ศิรวิทย์ ศิริรักษ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
24
35
-
คุณภาพบริการและสมรรถนะด้านความรู้ของพนักงานที่มีต่อความพึงพอใจในการใช้บริการด้านการเงินของผู้ใช้บริการสหกรณ์ออมทรัพย์ แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/277500
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาระดับของปัจจัยคุณภาพบริการ ปัจจัยสมรรถนะด้านความรู้ของพนักงาน และปัจจัยความพึงพอใจและ 2.เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพบริการและสมรรถนะด้านความรู้ที่มีต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสหกรณ์ออมทรัพย์ แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต การวิจัยครั้งนี้ เป็นวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือสมาชิกที่ใช้บริการของสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่งจำนวน 289 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือวิจัย ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สถิติสหสัมพันธ์และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ</p> <p>ผลการศึกษาพบว่าระดับความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างต่อปัจจัยคุณภาพบริการและปัจจัยสมรรถนะด้านความรู้ของพนักงานในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และปัจจัยความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า คุณภาพบริการมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสหกรณ์ออมทรัพย์ แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ เมื่อพิจารณาในแต่ละองค์ประกอบ พบว่า ด้านประสิทธิผลและการให้ความมั่นใจแก่ลูกค้า ด้านการเข้าถึง ด้านราคา ด้านความเป็นรูปธรรมของการบริการ ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการ ด้านความน่าเชื่อถือ มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความพึงพอใจอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ นอกจากนี้ สมรรถนะด้านความรู้ของพนักงานมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อความพึงพอใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและเมื่อพิจารณาในแต่ละองค์ประกอบ พบว่า ความรู้เกี่ยวกับสินเชื่อ ความรู้เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความพึงพอใจอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ</p>
วริษา สมาธิ
อนุศรา สาวังชัย
ศิรวิทย์ ศิริรักษ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
36
47
-
ความสัมพันธ์ของความสัมพันธ์ของอัตราส่วนสภาพคล่องและความสามารถในการทำกำไรที่ส่งผลต่อความมั่งคั่งของกลุ่มบริษัทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/280893
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนสภาพคล่องและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และความมั่งคั่งของบริษัทก่อสร้าง 2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนสภาพคล่องและความสามารถในการทำกำไรความมั่งคั่งของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยด้านการดำเนินงาน เช่น การบริหารสินทรัพย์ การจัดการต้นทุน และการหมุนเวียนของสินทรัพย์ กับผลประกอบการในรูปของกำไรสุทธิ และผลกระทบต่อระดับความมั่งคั่งของกิจการ ซึ่งวัดจากมูลค่าตลาดและอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น</p> <p>งานวิจัยนี้ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ โดยรวบรวมข้อมูลจากรายงานทางการเงินของบริษัทในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 บริษัท ในช่วงปี พ.ศ. 2563 ถึง พ.ศ.2567 และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis)</p>
ธวัลรัตน์ ศรีใจยา
จิรพงษ์ จันทร์งาม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
48
57
-
การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบระบบการบริหารความสัมพันธ์ กับลูกค้าของธุรกิจนำเที่ยว
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/279966
<p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์และออกแบบ UX/UI ของแอปพลิเคชันต้นแบบระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าสำหรับธุรกิจนำเที่ยว โดยประยุกต์ใช้ Design Thinking และ 2) เพื่อพัฒนาต้นแบบแอปพลิเคชันระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าสำหรับธุรกิจนำเที่ยว กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้ ได้แก่ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่อยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง ใช้บริการบริษัทนำเที่ยวอย่างต่ำ 2 ครั้งต่อปี จำนวน 6 คน ที่อยู่ในช่วงอายุ 31-50 ปี และบุคลากรที่ทำงานอยู่ภายในบริษัทนำเที่ยวอย่างน้อย 3 ปี จำนวน 6 คน ที่อยู่ในช่วงอายุ 25-35 ปี รวมทั้งหมด 12 คน ใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก โดยสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง และสัมภาษณ์กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า การวิจัยได้นำกระบวนการ Design Thinking มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบ โดยวิเคราะห์ความต้องการของนักท่องเที่ยวและบุคลากรบริษัทนำเที่ยว รวม 12 คน พบว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ความปลอดภัยในการเดินทาง ข้อมูลแผนการเดินทางที่ละเอียด และระบบติดตามสถานะทริปแบบเรียลไทม์ เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และจากการวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ผู้วิจัยได้ออกแบบและพัฒนาต้นแบบแอปพลิเคชัน "tpath" <br />โดยมุ่งเน้นการสื่อสารแบบเรียลไทม์ การนำเสนอข้อมูลแผนการเดินทางที่ครบถ้วน และประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น ภายในแอปมีการออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละกลุ่ม พร้อมฟังก์ชันหลักที่ตอบโจทย์ความปลอดภัย ความสะดวกในการสื่อสาร และการบริหารจัดการการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ</p>
สุวนันท์ ขันธิกุล
ฐิศิรักน์ โปตะวณิช
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
58
70
-
การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบเพื่อรับฝากดูแลสุนัขและแมว ในเขตกรุงเทพมหานคร
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/280099
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความต้องการการใช้แอปพลิเคชันรับฝากดูแลสัตว์เลี้ยงของเจ้าของสัตว์เลี้ยงและผู้ให้บริการฝากเลี้ยงสัตว์เลี้ยง และ 2) เพื่อออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบสำหรับบริการรับฝากดูแลสัตว์เลี้ยง โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยเจ้าของสัตว์เลี้ยงและผู้ให้บริการอย่างละ 10 คน ซึ่งมีประสบการณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ปี และอายุระหว่าง 20–50 ปี ข้อมูลถูกรวบรวมผ่านแบบสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสอบถาม วิเคราะห์ความต้องการเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบด้วยโปรแกรม Figma และนำไปทดสอบกับผู้ใช้งาน 3 กลุ่ม ได้แก่ เจ้าของสัตว์เลี้ยง ผู้ให้บริการ และผู้เชี่ยวชาญด้าน UX/UI</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ผู้ใช้งานมีความต้องการฟังก์ชันที่สามารถค้นหาผู้ให้บริการใกล้เคียง แสดงรายละเอียดของสัตว์เลี้ยงได้ครบถ้วน และมีการจัดวางเมนูที่ชัดเจนใช้งานง่าย แอปพลิเคชันต้นแบบที่พัฒนาขึ้นสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระดับความพึงพอใจของผู้ใช้ทั้งในด้านเนื้อหา การออกแบบ<br />และประสบการณ์ใช้งานอยู่ในระดับมาก คะแนนประเมินประสิทธิภาพระบบโดยรวมอยู่ในระดับ “ดีมาก” สะท้อนถึงความพร้อมของแอปพลิเคชันต้นแบบในการพัฒนาสู่การใช้งานจริง</p>
จุฑารัตน์ มีสุข
เสาวลักษณ์ พันธบุตร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
71
82
-
การออกแบบและพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันระบบฐานข้อมูลทรัพยากรท้องถิ่น และแผนที่ทรัพยากรท้องถิ่น จังหวัดนครสวรรค์
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/279749
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อวิเคราะห์และออกแบบระบบฐานข้อมูลทรัพยากรท้องถิ่นและแผนที่ทรัพยากรท้องถิ่น ผ่านทางเว็บไซต์ 2. เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลทรัพยากรท้องถิ่นและแผนที่ทรัพยากรท้องถิ่น และ 3. ประเมินความพึงพอใจในการใช้งานระบบฐานข้อมูลทรัพยากรท้องถิ่นและแผนที่ทรัพยากรท้องถิ่น<br />โดยทำการศึกษาและค้นคว้าองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ โดยภาษาที่ใช้ในการพัฒนาคือ PHP และ MySQL ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้เป็นเจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จำนวน 2 ราย และประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ 200 ราย โดยผลของการวิเคราะห์พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อการใช้งานระบบฐานข้อมูลทรัพยากรท้องถิ่นและแผนที่ทรัพยากรท้องถิ่น<br />ในภาพรวมระดับค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.19 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.01 เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่าความพึงพอใจในด้านเนื้อหา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.16 รองลงมาเป็นอันดับสองคือด้านความพึงพอใจด้านการออกแบบและการจัดรูปแบบ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.16 และสุดท้ายด้านความพึงพอใจด้านความสะดวก และการนำไปใช้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.25</p>
กัญญาภัค อ่ำเจริญ
ไอรา ฉิมพาณิชย์
ภูริพัศ เหมือนทอง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
83
94
-
การออกแบบเว็บไซต์ต้นแบบสำหรับผู้ชื่นชอบซีรีส์จีนของกลุ่ม Generation Z ในประเทศไทย
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/279754
<p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์ความต้องการคุณลักษณะการใช้งานของเว็บไซต์จากกลุ่มเป้าหมาย 2) เพื่อออกแบบเว็บไซต์ต้นแบบสำหรับผู้ชื่นชอบซีรีส์จีนของกลุ่ม Generation Z ในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างจากผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ที่มีความสนใจในการติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับซีรีส์จีน อาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นผู้ที่เกิดในปี พ.ศ. 2540-2547 จำนวน 400 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยใช้แบบสอบถามความต้องการและความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณลักษณะการใช้งานของเว็บไซต์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์จีนของกลุ่ม Generation Z ในประเทศไทย วิเคราะห์ข้อมูล ใช้การวิจัยเชิงปริมาณผ่านแบบสอบถาม และใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงเว็บไซต์ต้นแบบ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่าวิเคราะห์ความต้องการคุณลักษณะการใช้งานของเว็บไซต์โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 20–22 ปี นิยมรับชมซีรีส์จีนผ่าน WeTV และติดตามข่าวสารจาก TikTok และ Twitter (X) ความต้องการเว็บไซต์เน้นการใช้งานที่ง่าย รวดเร็ว ปลอดภัย มีระบบค้นหา การแนะนำซีรีส์ ฟีเจอร์ให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม รวมถึงความสำคัญต่อการออกแบบที่ทันสมัย สื่อถึงความเป็นจีน คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และออกแบบเว็บไซต์ต้นแบบสำหรับผู้ชื่นชอบซีรีส์จีนของกลุ่ม Generation Z ได้แนวทางออกแบบเว็บไซต์ที่มีระบบนำทางชัดเจน ใช้งานง่าย รองรับทุกอุปกรณ์ มีเนื้อหาคุณภาพและระบบมีส่วนร่วมของผู้ใช้ สะท้อนอัตลักษณ์ซีรีส์จีนทั้งในด้านภาพลักษณ์และประสบการณ์ใช้งาน รวมทั้งผ่านการทดสอบและปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญด้าน UX/UI การตลาดสื่อสังคมออนไลน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านซีรีส์จีน และผู้ใช้งานจริง เพื่อให้ได้เว็บไซต์ต้นแบบที่ตอบสนองต่อความต้องการของ Generation Z อย่างครบถ้วน</p>
ณิชกานต์ รุ่งชีวา
นพดล อินทร์จันทร์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
95
109
-
การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบสำหรับกลุ่มคนไทยที่ชื่นชอบ ศิลปิน K-POP กรณีศึกษาวง BTS
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/279823
<p>บทความนี้การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความต้องการเกี่ยวกับคุณลักษณะการใช้งานแอปพลิเคชันจากกลุ่มเป้าหมาย 2) เพื่อออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบสำหรับกลุ่มคนไทยที่ชื่นชอบศิลปิน K-POP กรณีศึกษาวง BTS รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้แนวคิดการออกแบบเชิงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และกระบวนการคิดเชิงออกแบบ พื้นที่วิจัย คือ กลุ่มแฟนคลับชาวไทยของศิลปิน K-POP วง BTS กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ แฟนคลับ Generation Y และ Generation Z รวม 20 คน อายุระหว่าง 20–42 ปี และผู้เชี่ยวชาญด้าน UX/UI <br />ด้าน K-POP และด้านธุรกิจ รวม 5 คน รวมทั้งสิ้น 25 คน ใช้วิธีการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยที่ใช้ คือ การสัมภาษณ์เชิงลึก เป็นแบบสัมภาษณ์ 4 ฉบับ ครอบคลุมทั้งกลุ่มแฟนคลับและผู้เชี่ยวชาญ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหา และบรรยายเชิงพรรณนา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1. กลุ่มตัวอย่างมีความต้องการคุณลักษณะของแอปพลิเคชันใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การออกแบบ UX/UI ที่ใช้งานง่ายและสะท้อนเอกลักษณ์ศิลปิน การเชื่อมต่อกับสื่อสังคมออนไลน์ การเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกต้องและทันเวลา และพื้นที่สำหรับการแสดงออกและการมีส่วนร่วมในชุมชนแฟนด้อม 2. การออกแบบต้นแบบแอปพลิเคชัน “Beyond The Stars” มีองค์ประกอบชัดเจน 3. การทดสอบต้นแบบกับกลุ่มตัวอย่างจริงพบว่า แอปพลิเคชันมีความโดดเด่นด้านการออกแบบ UX/UI ตรงตามความคาดหวังของผู้ใช้ สามารถตอบโจทย์การใช้งานของแฟนด้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์ความรู้จากงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการออกแบบแอปพลิเคชันที่ตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของแฟนคลับ K-POP ชาวไทย โดยเฉพาะการผสมผสาน UX/UI กับการสร้างพื้นที่คอมมูนิตี้ออนไลน์ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มแฟนคลับที่ยั่งยืนและรองรับวัฒนธรรมดิจิทัลได้ในอนาคต</p>
สิริยาพร จันทร์ภู่
อรรถศิษฐ์ พัฒนะศิริ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
110
125
-
การรายงานผลการตรวจสอบ และคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายในที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตรวจสอบภายในของหน่วยงาน ด้านสุขภาพระดับประเทศ
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/276638
<p>การวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาการรายงานผลการตรวจสอบและคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายในที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตรวจสอบภายในของหน่วยงานด้านสุขภาพระดับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศึกษาว่าปัจจัยด้านการรายงานผลการตรวจสอบ และปัจจัยด้านคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายในมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ ใช้วิธีการเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามที่แจกให้กับผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 300 คนจากหน่วยงานด้านสุขภาพระดับประเทศ การเก็บรวบรวมข้อมูลเกิดขึ้นระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2567 โดยใช้ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์เบื้องต้นและการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณในการทดสอบสมมติฐาน ผลการวิจัย พบว่าคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายใน ต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กร และงานตรวจสอบภายในต้องได้รับความเป็นอิสระ เพื่อปฏิบัติงานได้ตามจรรยาบรรณของผู้ตรวจสอบภายใน และงานตรวจสอบภายในต้องมีการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง และการรายงานผลที่ทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาการรายงานผลการตรวจสอบ และคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายในที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตรวจสอบภายในของหน่วยงานด้านสุขภาพระดับประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลของปัจจัยด้านการรายงานผลการตรวจสอบที่มีต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน 2) ศึกษาผลของปัจจัยด้านคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายในที่มีต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน การวิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงปริมาณ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามที่แจกให้กับผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 300 คน ซึ่งปฏิบัติงานในหน่วยงานด้านสุขภาพระดับประเทศ ระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2567 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณในการทดสอบสมมติฐาน ผลการวิจัย พบว่า</p> <ol> <li>การรายงานผลตรวจสอบภายในมีอย่างเป็นทางการและเป็นลายลักษณ์อักษรครอบคลุมเนื้อหาครบถ้วน ถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ของหน่วยรับตรวจ และผู้ตรวจสอบภายในสามารถส่งรายงานผลการตรวจสอบเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดตามแผนการตรวจสอบเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย</li> <li>คุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายในที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร และมีการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง มีความเป็นอิสระ เพื่อให้ปฏิบัติงานได้ตามจรรยาบรรณของผู้ตรวจสอบภายใน</li> </ol>
สิรีภา จันทรเกษม
ฐิตาภรณ์ สินจรูญศักดิ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc/4.0
2025-08-31
2025-08-31
8 2
126
136