https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/issue/feed KASEM BUNDIT JOURNAL 2024-11-13T14:58:05+07:00 Assoc.Prof. Nathabhol Khanthachai, Ph.D. journal@kbu.ac.th Open Journal Systems Kasem Bundit Journal https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/272952 อิทธิพลของการรับรู้คุณค่าตราสินค้า การสื่อสารการตลาด และคุณภาพการบริการต่อ ความพึงพอใจศูนย์ปฏิบัติการนักกีฬาจังหวัดชลบุรี 2024-07-01T10:48:15+07:00 สราลี สนธิ์จันทร์ saralee@go.buu.ac.th วิรัตน์ สนธิ์จันทร์ saralee@go.buu.ac.th <p><strong>วัตถุประสงค์</strong> เพื่อศึกษาอิทธิพลของการรับรู้คุณค่าตราสินค้า การสื่อสารการตลาด และคุณภาพการบริการที่มีต่อความพึงพอใจศูนย์ปฏิบัติการชลบุรีเฮาส์ของนักกีฬาจังหวัดชลบุรี <strong>วิธีการวิจัย</strong> การวิจัยการสำรวจด้วยตัวอย่างจำนวน 160 คน ด้วยแบบสอบถาม ที่มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.98 <strong>ผลการวิจัย </strong>กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้คุณค่าตราสินค้า การรับรู้การสื่อสารการตลาด การรับรู้คุณภาพการบริการ และมีความพึงพอใจศูนย์ปฏิบัติการชลบุรีเฮาส์ อยู่ในระดับมาก ซึ่งการรับรู้คุณค่าตราสินค้า การสื่อสารการตลาด และคุณภาพการบริการ มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในศูนย์ปฏิบัติการชลบุรีเฮาส์ของนักกีฬาจังหวัดชลบุรี โดยคุณภาพการบริการ เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ คุณค่าตราสินค้า และการสื่อสารการตลาด เป็นอันดับสุดท้าย <strong>นัยทางทฤษฎี/นโยบาย</strong> ศูนย์ปฏิบัติการชลบุรีเฮาส์ ควรให้ความสำคัญและพัฒนาคุณภาพการบริการทั้ง 5 ด้าน อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้เข้ารับบริการ นอกจากนี้ผลการวิจัยยังเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนธุรกิจด้านกีฬา และพัฒนาการให้บริการในศูนย์ปฏิบัติการด้านกีฬาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/273572 ความพึงพอใจของชาวบ้านต่อการดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคงสวรรค์เมืองใหม่ 2024-09-03T13:40:55+07:00 ประสาน บุญโสภาคย์ Prasarn.boo@kbu.ac.th <p><strong>วัตถุประสงค์</strong> เพื่อศึกษาหลักคิดและวิธีดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคงสวรรค์เมืองใหม่ และวิเคราะห์ความพึงพอใจของชาวบ้านต่อการดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคงสวรรค์เมืองใหม่ <strong>วิธีการวิจัย </strong>การสำรวจจากตัวอย่างและการวิจัยเอกสาร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือชาวบ้านในโครงการบ้านมั่นคงสวรรค์เมืองใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 129 คน ใช้แบบสอบถามในการรวบรวมข้อมูล <strong>ผลการวิจัย </strong>ชาวบ้านในโครงการบ้านมั่นคง สวรรค์เมืองใหม่มีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคง สวรรค์เมืองใหม่ในระดับพึงพอใจมากทุกด้าน ยกเว้นระบบกำจัดขยะและการรักษาความสะอาดและคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ซึ่งชาวบ้านมีความพึงพอใจเพียงในระดับปานกลาง ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่าชาวบ้านซึ่งมีเพศและสถานภาพการสมรสแตกต่างกัน มีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคงแห่งนี้ไม่แตกต่างกัน ส่วนชาวบ้านซึ่งมีอายุ ระดับการศึกษาและอาชีพแตกต่างกัน มีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคงสวรรค์เมืองใหม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 <strong>นัยทางทฤษฎี/นโยบาย</strong> คณะกรรมการชุมชนบ้านมั่นคงสวรรค์เมืองใหม่ควรปรับปรุงระบบกำจัดขยะและการรักษาความสะอาดและคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โครงการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงขึ้น รัฐบาลควรเพิ่มเงินงบประมาณสนับสนุนให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำและดำเนินงานโครงการบ้านมั่นคงสวรรค์เมืองใหม่ ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศมากขึ้น</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/273836 The influence of service marketing mix on Korean cuisine traveling intention among the generation Z of Thai population 2024-08-15T12:26:33+07:00 Tunyaluk Anekjumnongporn tanekjumnongporn@gmail.com Pongsavake Anekjumnongporn pongsavake.a@gmail.com Tarntawan U-napark tarntawan.u@bu.ac.th Sun Mi Yoo sunmi.yoo@kbu.ac.th Je Hyuk Woo jehyuk.woo@kbu.ac.th Chorong Kim chorong.kim@kbu.ac.th <p><strong>PURPOSES:</strong> To investigate the level of Korean cuisine traveling intention, compare Korean cuisine traveling intention with social-economic background, and study the influence of service marketing mix on Korean cuisine traveling intention among generation Z of Thai population. <strong>METHODS:</strong> It was a sample survey research. The questionnaires were collected from 709 respondents who were generation Z of Thai population which were selected by multistage sampling technique. <strong>RESULTS</strong>: It was found that generation Z of Thai population had a high level of Korean cuisine traveling intention. Generation Z of Thai population who had different genders were different in Korean cuisine traveling intention significantly (p&lt;0.05). The service marketing mix influenced Korean cuisine traveling intention among generation Z of Thai population significantly (p&lt;0.01). <strong>THEORETICAL/POLICY IMPLICATIONS</strong>: Travel agencies or people involved in the tourism business could use the research results as guidelines for appropriately organizing Korean cuisine traveling for generation Z of Thai population.</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/273758 ตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันของผู้ใช้บริการศูนย์การค้าในกรุงเทพมหานคร 2024-09-02T10:06:44+07:00 วรารัตน์ บุณยานนท์ wararat.chaisuekun@gmail.com วรรษิดา บุญญาณเมธาพร wararat.chaisuekun@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์ </strong><strong>: </strong>เพื่อศึกษาคุณภาพการบริการ กลยุทธ์ทางการตลาด ความพึงพอใจ ความผูกพันของผู้ใช้บริการ และสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันของผู้ใช้บริการศูนย์การค้าในเขตกรุงเทพมหานคร <strong>วิธีการวิจัย</strong><strong> : </strong>การวิจัยเชิงสำรวจจากตัวอย่าง เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ใช้บริการศูนย์การค้าในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน เลือกตัวอย่างแบบกลุ่มอุบัติการณ์ <strong>ผลการวิจัย</strong> กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง Generation Z สถานภาพโสด สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัท รายได้ 15,000 - 30,000 บาท ต่อเดือนใช้บริการศูนย์การค้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งส่วนใหญ่วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 18.01 – 20.00 น. ใช้เวลาอยู่ที่ศูนย์การค้า 1 - 2 ชม. เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางมากับเพื่อน ค่าใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ 2,001 - 3,000 บาท ต่อครั้ง รับข้อมูลข่าวสารศูนย์การค้าผ่านโซเซียลมีเดีย เช่น Facebook, Tiktok, Line วัตถุประสงค์หลักของการใช้บริการที่ศูนย์การค้า คือ การซื้อสินค้า สาเหตุของความผูกพันของผู้ใช้บริการศูนย์การค้า เขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ คุณภาพการบริการ กลยุทธ์ทางการตลาด และความพึงพอใจ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 <strong>นัยทางทฤษฎี</strong><strong>/นโยบาย</strong> ผู้ประกอบการสามารถนำผลที่ได้จากวิจัยไปเป็นแนวทางรักษาและเพิ่มคุณภาพการบริการ กลยุทธ์ทางการตลาด ความพึงพอใจ และความผูกพันของผู้ใช้บริการศูนย์การค้า เพื่อวางแผนกลยุทธ์ในการดึงดูดผู้ใช้บริการกลุ่มใหม่ รักษาฐานผู้ใช้บริการกลุ่มเดิม ตอบสนองความต้องการผู้ใช้บริการได้ตรงจุด และทำให้ผู้ใช้บริการใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/273570 แผนกลยุทธ์สำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดนครนายก 2024-09-02T13:22:40+07:00 วงศ์วิภา โถสุวรรณจินดา vongvipha_t@hotmail.com ประเสริฐ โยธิคาร์ sertty_ssk@hotmail.com มรกต บุญศิริชัย morakot.bo@pnru.ac.th ณัฐกานต์ รองทอง natthakan20@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์</strong> เพื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเสนอแนะแผนกลยุทธ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดนครนายก <strong>วิธีการวิจัย</strong> ดำเนินการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 15 คน และแจกแบบสอบถามนักท่องเที่ยว จำนวน 400 คน <strong>ผลการวิจัย</strong> จุดแข็งของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดนครนายก คือ มีภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก จุดอ่อน คือ แหล่งท่องเที่ยวไม่ได้รับการปรับปรุงอย่างเพียงพอ โอกาส คือ มีนักท่องเที่ยวกลุ่มรักสุขภาพเพิ่มมากขึ้น แต่อุปสรรค คือขาดการสนับสนุนด้านงบประมาณ ในด้านพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยว พบว่าส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อพักผ่อน และความต้องการของนักท่องเที่ยวในภาพรวมอยู่ในระดับมาก พิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านสิ่งดึงดูดใจมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือที่พัก กิจกรรม สิ่งอำนวยความสะดวก และการเข้าถึงตามลำดับ <strong>นัยทางทฤษฎี/นโยบาย</strong> แผนกลยุทธ์ประกอบด้วยกลยุทธ์การจัดการตลาดเชิงรุก การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงรุก การพัฒนาศักยภาพชุมชนแหล่งท่องเที่ยว และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วิสัยทัศน์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดนครนายก ได้แก่ “แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร รวมถึงการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสมุนไพรพืชท้องถิ่น ภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยที่เป็นเลิศ และมีกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้มาตรฐาน”</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/272333 ความสามารถทางการแข่งขันในโซ่อุปทานของผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย 2024-08-30T14:20:34+07:00 กัญญ์กณิษฐ์ กมลกิตติวงศ์ kamolkittiwong@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์ :</strong> ศึกษาความสามารถทางการแข่งขันในโซ่อุปทาน การบูรณาการภายในโซ่อุปทานและความพร้อมในการใช้การจัดการโซ่อุปทานของผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย <strong>วิธีการวิจัย :</strong> ส่วนที่ 1 เป็นการสัมภาษณ์กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 30 คน นำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยกระบวนการลำดับขั้นเชิงการวิเคราะห์ ส่วนที่ 2 เป็นการใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูลกลุ่มร้านค้าออนไลน์จำนวน 74 ร้านค้า <strong>ผลการวิจัย :</strong> ความสามารถทางการแข่งขันในโซ่อุปทานของผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยที่มีความสำคัญที่สุด คือ ด้านต้นทุน ด้านความยั่งยืน ด้านความแตกต่างทางการแข่งขัน และด้านโครงสร้างองค์กร ตามลำดับ ในทัศนของผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ด้านการบูรณาการระหว่างองค์กร มีน้ำหนักมากกว่าการบูรณาการภายในองค์กร ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความพร้อมในการใช้การจัดการโซ่อุปทานในพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ <strong>นัยทางทฤษฎี/นโยบาย :</strong> ผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ควรนำผลการวิจัยไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการโซ่อุปทานในธุรกิจกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/275188 รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะหลักของแรงงานไทยระดับปฏิบัติการในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2024-11-05T10:09:04+07:00 ณหทัย เถื่อนวิถี nahathai.thuanwithi@gmail.com นิตยา สินเธาว์ nitppm2@gmail.com ขจรศักดิ์ เจ้ากรมทอง kajohnsak.cha@kbu.ac.th <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อศึกษาการจัดการความรู้ และการจัดการทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์และอิทธิพลต่อสมรรถนะหลักของแรงงานระดับปฏิบัติการในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และเสนอรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะหลักของแรงงานระดับปฏิบัติการในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) <strong>วิธีการวิจัย</strong><strong>:</strong> การสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 154 คน ร่วมกับการสัมภาษณ์เชิงลึกในประเด็นเกี่ยวกับการจัดการความรู้ การจัดการทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ และแนวทางการพัฒนาสมรรถนะหลักของแรงงานไทยระดับปฏิบัติการกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวนทั้งสิ้น 12 คน และการสอบทานตัวแบบจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 6 คน <strong>ผลการวิจัย</strong>: รูปแบบสมรรถนะหลักของแรงงานไทยระดับปฏิบัติการ ประกอบด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การสื่อสารและการจัดการ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน การจัดการความรู้มีอิทธิพลต่อสมรรถนะหลักของแรงงานไทยระดับปฏิบัติการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ &lt; 0.001 การจัดการทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ มีอิทธิพลต่อสมรรถนะหลักของแรงงานไทยระดับปฏิบัติการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ &lt; 0.01 <strong>นัยทางทฤษฎี/นโยบาย</strong><strong>: </strong>การจัดการความรู้และการจัดการทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ที่ดีขององค์กรสามารถพัฒนาสมรรถนะหลักของแรงงานไทยระดับปฏิบัติการได้</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/274852 การบริหารจัดการชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนจังหวัดระยอง 2024-09-02T10:19:00+07:00 ปรัชญา ประเสริฐสุด pjudymeepool@gmail.com สุชีพ พิริยสมิธย์ pjudymeepool@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>:</strong> เพื่อศึกษาและวิเคราะห์วิถีในการดำเนินชีวิตของชุมชน จังหวัดระยอง ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และนำเสนอแนวทางการจัดการชุมชน จังหวัดระยองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เป็นชุมชนต้นแบบอย่างยั่นยืน <strong>วิธีการวิจัย</strong>: การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม <strong>ผลการวิจัย</strong><strong>: </strong>ชุมชนจังหวัดระยอง ทั้ง 3 แห่ง มีความรู้ความเข้าใจในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างดี และใช้ประโยชน์ของชุนชนที่เข้มแข็งในการดำเนินชีวิตครอบครัว <strong>นัยทางทฤษฎี/นโยบาย</strong><strong>: </strong>การจัดการชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการบริหารจัดการกิจกรรมของชุมชน ทำให้ชาวบ้านทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการจัดการด้านผู้นำและภาวะผู้นำ ที่ต้องใช้อำนาจหน้าที่ในการสั่งการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ใช้หลักการนำแบบประชาธิปไตย โดยรับฟังความคิดเห็นของลูกบ้านทุกคน ทำให้การบริหารจัดการชุมชนประสบความสำเร็จตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jkbu/article/view/276042 Hayes, A. F. (2018). Introduction to mediation, moderation, and conditional process analysis: A regression-based approach. The Guildford Press, pp. 692 2024-11-05T10:24:45+07:00 ณัฐพล ขันธไชย nkhanthachai@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์ </strong>: เพื่อนำเสนอวิธีการทางสถิติในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงแทรกกลาง เชิงกำกับและกระบวนการเงื่อนไข <strong>วิธีการ</strong>: การวิจัยเชิงวิพากษ์เอกสารจากตำรา <strong>ผลการศึกษา</strong> : เอกสารตำราเล่มนี้นำเสนอวิธีการวิเคราะห์ทางสถิติของความสัมพันธ์เชิงแทรกกลาง เชิงกำกับ และกระบวนการเงื่อนไขของตัวแปร ด้วยตัวอย่างและโปรแกรมทางสถิติสำเร็จรูป ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ในการวิเคราะห์ผลการวิจัยทางสังคมศาสตร์ <strong>นัยทางทฤษฎี/นโยบาย</strong> : ตำรานี้นำเสนอองค์ความรู้ของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ลึกซึ้งกว่าเดิม และสามารถนำไปประยุกต์ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยทางสังคมศาสตร์ขั้นสูง</p> 2024-11-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 KASEM BUNDIT JOURNAL