https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/issue/feed วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา 2025-06-19T09:02:46+07:00 บรรณาธิการวารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา (Editor in chief) jsn.jsat@gmail.com Open Journal Systems <p>วารสารของสมาคมญี่ปุ่นศึกษาแห่งประเทศไทยเป็นวารสารทางวิชาการด้านญี่ปุ่นศึกษาในระดับชาติ มีความเป็นอิสระจากสถาบันการศึกษาทั้งหลาย ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2011 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับนักวิชาการด้านญี่ปุ่นศึกษาจากสถาบันต่างๆ ได้มีโอกาสในการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของตน รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นศึกษาให้แก่แวดวงวิชาการในสังคมไทยด้วย เนื้อหาของวารสารครอบคลุมทั้งด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์</p> https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/277698 สัญลักษณ์ รัชสมัยและเทพเจ้าในบทละครโนของเสะอะมิ 2025-02-06T15:55:54+07:00 วินัย จามรสุริยา winaitaiyo@hotmail.com <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อความแสดงสัญลักษณ์ของรัชสมัย บทบาทของพืชที่แสดงสัญลักษณ์ และบทบาทของเทพเจ้าในบทละครโนของเสะอะมิ 8 เรื่อง ได้แก่ อุกน โอะอิมะท์ซุ ฌิงะ ทะกะซะโงะ ฟูจิซัน โฮโจงะวะ ยุมิยะวะตะ และโยโร ผลการศึกษาพบว่า การวิเคราะห์ข้อความแสดงสัญลักษณ์แสดงให้เห็นรูปแบบของรัชสมัย 3 แบบ ได้แก่ รัชสมัยที่สงบ รัชสมัยที่ยาวนาน และรัชสมัยที่อุดมสมบูรณ์ และการวิเคราะห์บทบาทของพืชพบว่า พืชแสดงสัญลักษณ์ของรัชสมัยที่สงบและรัชสมัยที่ยาวนาน ส่วนการวิเคราะห์บทบาทของเทพเจ้าพบว่า บทบาทที่โดดเด่นคือ การปกป้องคุ้มครองรัชสมัยซึ่งมี 5 รูปแบบ ได้แก่ รัชสมัยที่สงบ รัชสมัยที่ยาวนาน รัชสมัยที่อุดมสมบูรณ์ รัชสมัยที่เจริญรุ่งเรือง และรัชสมัยที่มีการปกครองตามวิถีที่ถูกต้อง นอกเหนือจากการปกป้องคุ้มครองรัชสมัยแล้วเทพเจ้ายังปกป้องคุ้มครองผู้ปกครองและปกป้องคุ้มครองสิ่งอื่น</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/277114 ความสัมพันธ์ระหว่างเทพหญิงกับไฟในวรรณกรรมเรื่อง โคะจิกิ : กรณีศึกษาเทพอิสะนะมิและโคะโนะฮะนะโนะซะกุยะบิเมะ 2025-01-03T17:28:22+07:00 สรอรรถ จันทรโต zardzaza70@gmail.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเทพหญิงกับไฟที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง <em>โคะจิกิ </em>โดยมุ่งเน้นศึกษาเทพอิสะนะมิเเละโคะโนะฮะนะโนะซะกุยะบิเมะ รวมทั้งวิเคราะห์คติความเชื่อที่สะท้อนผ่านความสัมพันธ์ดังกล่าว ผลการศึกษาพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเทพอิสะนะมิเเละโคะโนะฮะนะโนะซะกุยะบิเมะกับไฟมีความเเตกต่างกัน โดยในกรณีของเทพอิสะนะมิ ไฟเเสดงถึงการทำลายล้าง เนื่องจากเทพเเห่งไฟได้ทำให้อวัยวะเพศของนางถูกเผาไหม้เเละทำให้นางเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสัมพันธ์กับกระบวนการคลอดบุตรของผู้หญิง เนื่องจากเป็นกระบวนการที่เจ็บปวด ทรมาน และอาจทำให้เสียชีวิต ซึ่งสามารถเปรียบได้กับการทำลายล้างของไฟ อีกทั้งไฟในกรณีของนางที่เเสดงถึงการทำลายล้างและนำมาสู่การเสียชีวิตของนาง อาจสะท้อนถึงคติความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ว่ามลทินจากความตายสามารถถ่ายทอดผ่านไฟได้ ซึ่งคติความเชื่อดังกล่าวปรากฏในพิธีศพของชาวญี่ปุ่น การที่<em>โคะจิกิ</em>ให้ไฟในกรณีของนางแสดงถึงการทำลายล้างซึ่งสัมพันธ์กับมลทินจากความตาย อาจเป็นเพราะต้องการเน้นย้ำว่านางไม่มีบทบาทในการให้กำเนิดทายาทแห่งเทพสวรรค์ ในทางกลับกัน ไฟในกรณีของโคะโนะฮะนะโนะซะกุยะบิเมะเเสดงถึงชีวิตใหม่ เนื่องจากนางได้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ออกมาในขณะที่เปลวไฟกำลังลุกโชน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสะท้อนถึงคติความเชื่อที่ว่าผู้หญิงคือผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ อีกทั้งไฟที่เเสดงถึงชีวิตใหม่ในกรณีนี้ ยังอาจหมายถึงชีวิตใหม่ของนางที่ปราศจากคำครหาภายหลังการใช้ไฟพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยความสัมพันธ์ดังกล่าวอาจสะท้อนถึงคติความเชื่อเรื่องชีวิตใหม่ที่บริสุทธิ์ภายหลังการใช้ไฟชำระ ซึ่งเชื่อมโยงถึงขนบธรรมเนียมเเละประเพณีของชาวญี่ปุ่นที่มีการใช้ไฟเป็นเครื่องชำระ การที่<em>โคะจิกิ</em>ให้ไฟในกรณีของนางแสดงถึงชีวิตใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงถึงชีวิตใหม่ของนางที่ปราศจากคำครหา และการใช้ไฟเป็นเครื่องชำระให้บริสุทธิ์ อาจเป็นเพราะต้องการเน้นย้ำถึงคุณลักษณะอันบริสุทธิ์ของนางในฐานะผู้ให้กำเนิดทายาทแห่งเทพสวรรค์ นอกจากนี้ การที่<em>โคะจิกิ</em>นำเสนอความสัมพันธ์ของเทพหญิงทั้งสององค์กับไฟในแง่ของการทำลายล้างและชีวิตใหม่ อาจเป็นเพราะต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่ว่าผู้หญิงมีความสัมพันธ์กับไฟในทั้งสองมิตินี้</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/276688 โอมากาเสะ(お任せ): อัตลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นในไทย 2025-01-13T12:01:21+07:00 ศนิ ไทรหอมหวล sani_sn@mju.ac.th พิณนภา หมวกยอด pinnapa_my@mju.ac.th <p>งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาความเป็นมา อัตลักษณ์ และวัฒนธรรมของอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะในไทย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากเอกสารและการสัมภาษณ์ เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ประกอบด้วย ผู้ปรุงอาหาร 7 คน และผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น 8 คน จาก 4 ภูมิภาค โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า จุดกำเนิดของโอมากาเสะในประเทศไทยมีรากฐานมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม โดยมีร้าน Fillets ในกรุงเทพฯ อ้างถึงความเป็นผู้บุกเบิกในฐานะร้านโอมากาเสะแบบสแตนด์อโลนแห่งแรก และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ต่อมามีการปรับรูปแบบให้หลากหลายและเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อัตลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะในไทยจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) แบบดั้งเดิม ที่ยึดมั่นในการรักษาเอกลักษณ์ของรสชาติแบบเอโดะมาเอะ 2) แบบผสมผสาน ที่นำเสนอนวัตกรรมผ่านการใช้วัตถุดิบจากนานาชาติหรือเทคนิคการปรุงร่วมสมัย สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นในสังคมไทย การศึกษาครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับอัตลักษณ์อาหารญี่ปุ่น และเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่นในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดภายใต้บริบทของความหลากหลายทางวัฒนธรรม</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/277259 แรงจูงใจในการทำงาน ปัญหาและอุปสรรคภายใต้การทำงานข้ามวัฒนธรรม : กรณีศึกษาบัณฑิตสาขาภาษาญี่ปุ่นและการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2025-01-13T16:31:50+07:00 เสาวลักษณ์ สาระพงษ์ saowalak.h@ubu.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการทำงาน ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากการทำงานข้ามวัฒนธรรมของบัณฑิตสาขาภาษาญี่ปุ่นและการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูล 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) บัณฑิตที่ทำงานบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย จำนวน 15 คน และ 2) บัณฑิตที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 15 คน ผลการศึกษาพบว่า แรงจูงใจของบัณฑิตที่ทำงานบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยระบุตรงกันมากที่สุด คือ ปัจจัยส่วนบุคคลที่ต้องการทำงานที่ตรงกับสาขาที่เรียน ส่วนแรงจูงใจของบัณฑิตที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่นระบุตรงกันมากที่สุด คือ ปัจจัยส่วนบุคคลที่ต้องการสัมผัสการใช้ชีวิตและหาประสบการณ์การทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ผลการศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการทำงานข้ามวัฒนธรรมพบอุปสรรค 2 ด้าน ได้แก่ 1) อุปสรรคด้านความรู้และความคิด อันมีสาเหตุมาจากการไม่เข้าใจหรือไม่รู้ภาษาที่ใช้ร่วมกัน การขาดความรู้วัฒนธรรมนั้น ๆ โดยเฉพาะเรื่องหลักโฮ-เร็น-โซ และความแตกต่างทางการรับรู้และวิธีคิดในเรื่องความตรงต่อเวลา กระบวนการหรือขั้นตอนในการทำงาน การปฏิบัติตัวในที่ทำงาน บทบาทและความรับผิดชอบของผู้ที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนสูง หลักในการให้บริการ และ 2) อุปสรรคด้านทัศนคติและความรู้สึกนั้นพบว่าทั้ง 2 กลุ่มต่างนำเอาวัฒนธรรมของตนเองเป็นศูนย์กลางในการประเมินชาวญี่ปุ่น ก่อให้เกิดทัศนคติในแง่ลบ</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/277878 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกสถานประกอบการเพื่อฝึกประสบการณ์วิชาชีพ : กรณีศึกษา นิสิตสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยบูรพา 2025-02-21T07:40:07+07:00 ปานเสก อาทรธุระสุข pansekying@hotmail.com โคเฮ นาคาดะ kohei.na@go.buu.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกสถานประกอบการเพื่อฝึกประสบการณ์วิชาชีพของนิสิตสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการเตรียมความพร้อมเพื่อการทำงาน รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามและการสัมภาษณ์จากนิสิตชั้นปีที่ 4 และปีที่ 3 รวม 80 คน ปัจจัยที่นำมาวิเคราะห์ 1) ด้านส่วนบุคคล 2) ด้านเศรษฐกิจ 3) ด้านสถานประกอบการ 4) ด้านสังคมและวัฒนธรรม พบว่า ปัจจัยด้านส่วนบุคคลส่งผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด รองลงมา คือ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านสถานประกอบการ ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม เมื่อศึกษาแต่ละปัจจัย พบว่า ค่าเฉลี่ยสูงสุดของด้านปัจจัยส่วนบุคคล คือ การพัฒนาทักษะวิชาชีพที่ต้องการ รองลงมาคือ เป้าหมายการทำงานในอนาคต ความพร้อมทางสุขภาพร่างกายและจิตใจ ความสนใจในวัฒนธรรมและสังคมประเทศนั้น ๆ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ พบว่า ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ รายได้หรือเบี้ยเลี้ยงจากสถานที่ฝึกปฏิบัติงาน ค่าใช้จ่ายที่พักและค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทุนสนับสนุน ปัจจัยด้านสถานประกอบการ ค่าเฉลี่ยระดับมากที่สุด ได้แก่ ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ค่าเฉลี่ยระดับมาก ได้แก่ ความน่าสนใจและลักษณะงาน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ โอกาสในการจ้างงานหลังฝึกปฏิบัติงาน ชื่อเสียงของสถานประกอบการ ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม ค่าเฉลี่ยระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านความปลอดภัยของสถานที่ฝึกปฏิบัติงาน ค่าเฉลี่ยระดับมาก ได้แก่ โอกาสในการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ การสนับสนุนจากครอบครัวหรือเพื่อน ความคุ้นเคยกับภาษา และวัฒนธรรมของประเทศตามลำดับ</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/277110 การสำรวจการใช้ภาษาญี่ปุ่นของนักบริบาลผู้สูงอายุชาวไทยในประเทศญี่ปุ่น 2025-01-06T07:45:50+07:00 ปฏิยุทธ์ ธันวานนท์ patiyoot.pato@gmail.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 4 ประการได้แก่ 1) เพื่อสำรวจความถี่ในการใช้งานรูปประโยคและไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นของนักบริบาลผู้สูงอายุที่เป็นชาวไทยในประเทศญี่ปุ่น 2) เพื่อจัดลำดับรูปประโยคและไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นที่นักบริบาลชาวไทยใช้งาน มากที่สุดระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น 3) เพื่อวิเคราะห์การใช้งานรูปประโยคและไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นของนักบริบาลชาวไทย 4) เพื่อสำรวจกลุ่มคำศัพท์ที่นักบริบาลคนไทยใช้งานระหว่างการปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น โดยกลุ่มตัวอย่างได้มาจากการเลือกแบบเฉพาะเจาะจงจากชาวไทยที่ปฏิบัติงานเป็นนักบริบาลผู้สูงอายุอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 6 คน ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่าสามปี เครื่องมือที่ใช้คือ 1) แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับความถี่ของภาษาญี่ปุ่นที่ถูกใช้ในการปฏิบัติงานบริบาลผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น 2) แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับสภาพปัญหาที่นักบริบาลชาวไทยพบระหว่างการปฏิบัติงานจริง และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่ารูปประโยคและไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นที่นักบริบาลชาวไทยใช้ระหว่างการปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นมีทั้งหมด 13 กลุ่มตามการใช้งานได้แก่ 1) การขอร้อง 2) การคาดคะเน 3) การแสดงทรรศนะ 4) การเปรียบเทียบ 5) การบอกเล่าประสบการณ์การ 6) การแสดงความสามารถ 7) การอนุญาต 8) การแสดงเงื่อนไข 9) การถูกกระทำ 10) การให้คำแนะนำ 11)การแสดงเจตนา 12) การห้าม 13) การถ่ายทอดข้อความ ซึ่งทั้งหมดเป็นรูปประโยคและไวยากรณ์ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานไปจนถึงระดับกลาง เมื่อเปรียบเทียบโดยใช้การสอบวัดระดับความรู้ 日本語能力試験 หรือ JLPT พบว่าเป็นรูปประโยคและไวยากรณ์ในระดับ N4 จนถึง N3</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/276560 การศึกษาผลการใช้หลักสูตรออนไลน์ระบบเปิดสำหรับมวลชน (MOOC) เพื่อเสริมสร้างความรู้ภาษาญี่ปุ่นในบริบทการทำงานของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาและคนทำงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 2025-01-02T12:24:15+07:00 ธัญญารัตน์ สงวนศรี s.thanyarat@gmail.com <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการใช้หลักสูตรออนไลน์ระบบเปิดสำหรับมวลชน (MOOC) เพื่อเสริมสร้างความรู้ภาษาญี่ปุ่นในบริบทการทำงานของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาและคนทำงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยประเมินจากคะแนนทดสอบก่อนและหลังเรียน และการประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนหลังทดลองเข้าเรียนจริง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา จำนวน 20 คนและพนักงานบริษัทญี่ปุ่นในเขต EEC จำนวน 40 คน โดยมีผู้สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขรวมจำนวน 50 คน พบว่า 1) คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 2) ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของผู้เรียนอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.59) เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัย ได้แก่ หลักสูตรออนไลน์ BUU MOOC รายวิชา ภาษาญี่ปุ่นในบริบทการทำงาน และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนหลังเรียนจบหลักสูตร งานวิจัยนี้จะนำไปสู่การสร้างโอกาสทางการศึกษาเพื่อพัฒนากำลังคนด้านภาษาญี่ปุ่นในบริบทการทำงาน ให้แก่ผู้ที่ขาดโอกาสทางการเรียนภาษาญี่ปุ่นในหลักสูตรที่เน้นทักษะทางภาษาญี่ปุ่น และเข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่าย ไร้ขีดจำกัด</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/278325 ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้คำศัพท์กับความเข้าใจในการอ่าน : อิทธิพลจากความสามารถทางภาษาและข้อความ 2025-02-25T09:11:40+07:00 ยูคิเอะ โฮริบะ horiba@kanda.kuis.ac.jp ธัญญารัตน์ สงวนศรี s.thanyarat@gmail.com <p>งานวิจัยนี้ศึกษาว่าความสัมพันธ์ระหว่างความกว้างและความลึกของความรู้คำศัพท์กับความเข้าใจในการอ่านได้รับอิทธิพลจากปัจจัยของผู้อ่าน (ความสามารถทางภาษา) และปัจจัยของข้อความ (ประเภทของข้อความ) หรือไม่ ผู้เรียนชาวไทย จำนวน 91 คน ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาต่างประเทศได้อ่านและจดจำบทความอธิบายสองเรื่อง (เรื่องที่เป็นเนื้อหาทั่วไป และเรื่องที่เป็นเนื้อหาทางวิชาการ) ความกว้างของคำศัพท์ถูกประเมินโดยใช้แบบทดสอบการให้คำนิยาม ขณะที่ความลึกของคำศัพท์ถูกประเมินโดยใช้แบบทดสอบความสัมพันธ์ของคำ ผลการวิจัยพบว่า เมื่อความสามารถทางภาษาสูงขึ้น ทั้งความรู้คำศัพท์และความเข้าใจในการอ่านก็เพิ่มขึ้น โดยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ความกว้างของคำศัพท์มีความสัมพันธ์กับความเข้าใจในการอ่านมากกว่าความลึกของคำศัพท์ สำหรับผู้เรียนที่มีระดับความสามารถทางภาษาขั้นสูง บทบาทของความลึกของคำศัพท์ โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับการใช้คำร่วมกัน (collocations) และการเกิดร่วมกันของคำ (cooccurrences) มีความสำคัญมากขึ้นในการทำความเข้าใจข้อความ โดยเฉพาะข้อความทางวิชาการ การศึกษานี้เสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมให้ผู้เรียนตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างคำศัพท์กับการอ่าน ตลอดจนความสำคัญของการบูรณาการคำศัพท์เข้ากับเนื้อหาในระหว่างการอ่าน</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/274853 บทบาทของปกหนังสือ : การศึกษาหน้าปก ริง คำสาปมรณะ (2545) ฉบับพิมพ์ครั้งแรก 2024-09-02T13:24:55+07:00 ทนพร ตรีรัตน์สกุลชัย treeratsakulchai@gmail.com <p>ปกหนังสือคือส่วนแรกสุดของหนังสือที่ถ่ายทอดสารที่สำคัญของหนังสือให้แก่ผู้อ่าน เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดที่โน้มน้าวใจให้ตัดสินใจซื้อและยังสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมหนึ่งกับอีกวัฒนธรรมหนึ่ง บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหมายบนหน้าปกนวนิยายญี่ปุ่นร่วมสมัย<em> ริง</em> <em>คำสาปมรณะ </em>(2545) ฉบับพิมพ์ครั้งแรก หนังสือที่มีบทบาทสำคัญในการเปิดตลาดนวนิยายญี่ปุ่นร่วมสมัยในช่วงต้นทศวรรษ 2540 โดยใช้แนวคิด Multimodal Critical Discourse Analysis (MCDA) ผสานกับแนวทางการวิเคราะห์ตัวหมายของ Long Li, Xi Li และ Jun Miao (2019) จากการศึกษาพบว่าบรรณาธิการให้ความสำคัญกับปกหนังสืออย่างยิ่งโดยจะเห็นได้จากการคัดสรรผู้ออกแบบปกและความพยายามสร้างสรรค์ปก<em> ริง </em><em>คำสาปมรณะ </em>ให้แตกต่างจากปกหนังสือนวนิยายอื่นในตลาด องค์ประกอบต่างๆ บนปกได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความคิดและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่าน เน้นย้ำถึงความสยดสยองของเนื้อเรื่องและคุณค่าของนวนิยายเรื่องนี้ อีกทั้งปกยังเชื่อมโยงความน่ากลัวของผีซะดะโกะในภาพยนตร์ นอกจากนี้ ปก<em> ริง</em> <em>คำสาปมรณะ </em>ยังแฝงด้วยองค์ประกอบที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงกระแสนิยมของวัฒนธรรมญี่ปุ่นในสังคมไทยที่ส่งอิทธิพลต่อผู้ออกแบบชาวไทยในการคัดสรรและปรับใช้สิ่งบ่งชี้ทางวัฒนธรรมให้ใกล้เคียงกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ชาวไทยรับรู้ในเวลานั้น</p> 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsn/article/view/281163 บรรณาธิการแถลง 2025-06-11T10:45:54+07:00 ยุพกา ฟูกุชิม่า fhumykf@ku.ac.th 2025-06-19T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา