Lawarath Social E-Journal
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo
<p>LAWARATH SOCIAL E – JOURNAL</p> <p>ISSN (online) 2697-5211</p>
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี
en-US
Lawarath Social E-Journal
2697-5211
-
วัฒนธรรมองค์การภาครัฐกับการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/282184
<p> บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลการศึกษาเชิงเอกสารเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์การภาครัฐในการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และเสนอแนะแนวทางปฏิบัติเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติอันนำไปสู่การปรับเสริมวัฒนธรรมองค์การภาครัฐตามหลักสิทธิมนุษยชน ว่าด้วยความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ </p> <p> ผลการศึกษาพบว่า วัฒนธรรมองค์การภาครัฐยังมีการเลือกปฏิบัติกับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศอยู่ ด้วยพฤติกรรมอคติ ดูหมิ่น เหยียดหยาม รวมถึงการใช้อำนาจอุปถัมภ์เพื่อช่วยเหลือ เกื้อหนุนพวกพ้อง แย่งโอกาสจากอย่างไม่เป็นธรรม โดยปัจจัยต้นเหตุ คือ ทัศนคติของบุคคลในองค์การแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายยอมรับคนที่มีความหลากหลายทางเพศกับฝ่ายอคติหรือรังเกียจฝังลึก แสดงออกใน 2 พฤติกรรม คือ ต่อต้านการเลือกปฏิบัติและการอุปถัมภ์ เพื่อให้ส่งเสริมความเสมอภาค เท่าเทียมกับคนทุกเพศสภาพกับกลุ่มพฤติกรรมเลือกปฏิบัติหรืออุปถัมภ์เฉพาะพวกตน ข้อแนะนำสำหรับขจัดการเลือกปฏิบัติและการอุปถัมภ์ โดยองค์การภาครัฐควรยึดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โยงกับพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 ควบคู่กับการสร้างทัศนคติด้วยการสื่อสารมวลชนในการสร้างค่านิยมตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อปรับเสริมวัฒนธรรมองค์การภาครัฐต่อบุคลากรในองค์การอย่างเท่าเทียม</p>
ณัฐนิดา จบศรี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
225
240
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276119
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาการตัดสินใจในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 2. ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 3. เปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ ภูมิลำเนา สถานภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัว (รายได้ต่อเดือน) รายได้ต่อเดือนก่อนสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก และสถานภาพก่อนสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 กับการตัดสินใจในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 โดยงานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย ประชากรในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 ที่อยู่ในสังกัดกองพันนักเรียนที่ 3 กองร้อยนักเรียนที่ 2 และกองร้อยนักเรียนที่ 4 จำนวน 327 นาย ซึ่งมาจากทหารกองประจำการ และพลเรือนทั่วประเทศ โดยผู้วิจัยได้ทำการศึกษาทั้งกลุ่มประชากร</p> <p> จากผลการศึกษาพบว่า 1. ปัจจัยด้านทัศนคติ มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 2. ปัจจัยด้านทัศนคติ ความต้องการ และความคาดหวังในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อการตัดสินใจในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. ปัจจัยส่วนบุคคล ซึ่งประกอบด้วย ภูมิลำเนา สถานภาพทางรายได้ครอบครัว (ต่อเดือน) รายได้ส่วนตัวก่อนเข้ามาเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก และสถานภาพก่อนเข้ามาเป็นนักเรียนนายสิบทหารบกที่แตกต่างกัน มีการตัดสินใจในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.055 </p>
วัศพล ผินนารี
จิดาภา ถิรศิริกุล
ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
1
18
-
การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคสตอรี่ไลน์ เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276723
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคสตอรี่ไลน์ เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียนการใช้เทคนิคสตอรี่ไลน์ เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจหลังการใช้เทคนิคสตอรี่ไลน์ เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนบ้านชีวิทยา จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 1 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 25 คน ได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จำนวน 13 แผน มีค่าเท่ากับ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.74, S.D. = 0.24) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .89 สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่า t แบบ Dependent</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1. การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า ได้แผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 13 แผน มีผลการประเมินเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญอยู่ระหว่าง 0.67–1.00 2. นักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมเทคนิคสตอรี่ไลน์หลังเรียน (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 20.50, S.D. = 0.81) สูงกว่าก่อนเรียน (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 11.95, S.D. = 0.75) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า หลังจากนักเรียนได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทำให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และ 3. การประเมินความพึงพอใจพบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.67, S.D. = 0.61)</p>
พรรณ์ทิพย์ เพ็ชรวิจิตร
อรชุมา ยวงทอง
อัศวพงษ์ ศรียาวงศ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
19
38
-
古龙武侠小说《多情剑客无情剑》中李寻欢 “侠士” 形象探讨
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276221
<p><strong> </strong>本文采用文献分析和文本细读分析的研究方法,从侠文化内涵特征下的侠义精神角度探讨了李寻欢的 “侠士” 形象特征。通过此次研究结果发现:李寻欢是一个仁义两全的 “仁” 侠与 “义” 侠,是一个至诚高节的 “至诚” 侠与 “高节” 侠,其“侠士”形象与其他小说中的 “侠士” 形象也有所异同。李寻欢无论面对何人何事,始终以仁义为先,其为人正直诚信,心胸宽广,他的人格魅力与品质,无不彰显出中华民族悠久的传统美德,成为世人敬仰的楷模,尽管李寻欢是古龙笔下的虚构人物,但他的形象特征所蕴含的侠义精神、高尚品质和人生态度,都是值得学习和借鉴的。本次课题为研究 “侠士” 形象的学者提供了一个方向参考依据。</p>
Guanlin Li
Juree Suchonvanich
QingYuan Zheng
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
39
54
-
แนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นของ องค์การบริหารส่วนตำบลพุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276884
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น 2. วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วม และ 3. นำเสนอแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมดังกล่าว กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 379 คน และผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 7 คน ที่ได้รับการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยได้แก่แบบสอบถาม 4 ส่วน รวม 46 ข้อ และการสัมภาษณ์เชิงลึก ข้อมูลถูกวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการถดถอยพหุผล</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยด้านที่มีการมีส่วนร่วมสูงสุดคือ การรับผลประโยชน์ รองลงมาคือ การติดตามและประเมินผล ส่วน การดำเนินงาน และ การตัดสินใจ มีระดับต่ำกว่า 2. ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ การสื่อสาร และ ความผูกพันต่อชุมชน ในขณะที่ วิถีชีวิตของประชาชน มีความสัมพันธ์เชิงเหตุ-ผลในระดับที่นัยสำคัญ (p < 0.05) และ 3) แนวทางพัฒนาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้แก่ การจัดประชุมประชาคมอย่างสม่ำเสมอ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลผ่านช่องทางที่หลากหลาย การพัฒนาโครงการที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพชีวิต และการจัดการติดตามผลอย่างโปร่งใสการศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบรรลุผลลัพธ์ที่ยั่งยืนซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ</p>
ชลิดา แสนวิเศษ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
55
72
-
การพัฒนาคู่มือการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ในการจัดการของชุมชนลาวแง้ว ตำบลทองเอน อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276246
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคู่มือการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการจัดการของชุมลาวแง้ว ตำบลทองเอน อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีอย่างเป็นระบบ โดยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม กลุ่มเป้าหมายคือผู้นำชุมชนลาวแง้วทองเอน 16 คน ผู้แทนภาครัฐ/เอกชน 4 คน และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี 4 คน รวม 24 คน โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3 ประเภท คือ แบบสังเกตแบบมีส่วนร่วม แบบสัมภาษณ์ และการบันทึกการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา สามารถพัฒนาคู่มือการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการจัดการ สามารถนำไปขยายผลไปยังชุมชนอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> <p> โดยผลการวิจัยพบว่า มี 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างการมีส่วนร่วม (การสร้างความรู้ความเข้าใจ รวบรวม เชื่อมโยงอัตลักษณ์ และสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชน การออกแบบพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชน) ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาศักยภาพเพื่อการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว (การพัฒนากรรมการชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว การพัฒนาเยาวชนสู่การเป็นมัคคุเทศก์/นักเล่าเรื่องชุมชน การเพิ่มทักษะการแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยว การยกระดับภูมิปัญญาให้เป็นสินค้าที่ระลึกทางวัฒนธรรม การพัฒนาอาหารพื้นถิ่นลาวแง้วทองเอน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน การเพิ่มทักษะการจัดทำสื่อเรียนรู้อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา และวิถีชุมชนลาวแง้วทองเอน การออกแบบและพัฒนาภูมิทัศน์ของชุมชน) ขั้นตอนที่ 3 การส่งเสริมช่องทางการตลาดท่องเที่ยว (การจัดพิมพ์แผ่นพับประชาสัมพันธ์ชุมชนท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมลาวแง้วทองเอน การออกแบบและจัดทำสื่อส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยว การเชื่อมโยงการตลาดท่องเที่ยวกับภาคธุรกิจ) และ ขั้นตอนที่ 4 การสื่อสารสร้างการรับรู้ (การจัดกิจกรรมเปิดชุมชนท่องเที่ยว).</p>
กานดา เต๊ะขันหมาก
กาสัก เต๊ะขันหมาก
พนิตสุภา ธรรมประมวล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
73
94
-
การสร้างรูปแบบการออกกำลังกายด้วยศิลปะมวยไทยโบราณลพบุรีที่มีผลต่อสุขภาพกาย และจิต สำหรับประชาชนวัยทำงานในเขตตำบลโก่งธนู อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/278131
<p> บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างรูปแบบการออกกำลังกายด้วยศิลปะมวยไทยโบราณลพบุรี ที่มีผลต่อสุขภาพกายและจิต สำหรับประชาชนวัยทำงาน ในเขตตำบลโก่งธนู อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 2. เพื่อศึกษาผลการออกกำลังกายด้วยศิลปะมวยไทยโบราณลพบุรี ที่มีผลต่อสุขภาพกายและจิต กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชากรวัยทำงานที่อายุระหว่าง 45-59 ปี ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่วิจัย ในตำบลโก่งธนู หมู่ที่ 1-14 จำนวน 30 คน โดยสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 15 คน โดยใช้เกณฑ์การคัดเข้า - ออกเข้าร่วมงานวิจัย เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1) รูปแบบการออกกำลังกายด้วยศิลปะมวยไทยโบราณลพบุรี 2) แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย สำหรับประชาชนทั่วไป อายุ 19-59 ปี 3) แบบประเมินภาวะสุขภาพจิต ใช้แบบวัดความเครียดสวนปรุง (SPST-20) สถิติที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Independent Sample T-test จะเปรียบเทียบก่อนและหลังการทดลอง</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1. รูปแบบการออกกำลังกายด้วยศิลปะมวยไทยโบราณลพบุรี ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผ่านขั้นตอนการทดลองและปรับปรุงแก้ไข ทำให้ได้รูปแบบการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้ออกกำลังกายสำหรับประชาชนวัยทำงานได้ 2. ผลการออกกำลังกายด้วยศิลปะมวยไทยโบราณลพบุรี ทำให้สมรรถภาพทางกาย รายการนั่งงอตัวไปข้างหน้า และการยืน-นั่งบนเก้าอี้ 60 วินาที หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ จากการประเมินสุขภาพจิต พบว่า ค่าเฉลี่ยความเครียดของกลุ่มตัวอย่างหลังการทดลอง ลดลงจากค่าเฉลี่ยก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
คธาวุธ ศรียา
ฐิติรัฐ คล่องดี
คมกริช บุญเขียว
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
95
112
-
跨文化视角下汉语教材中饮食文化的内容分析—— 以泰国《初级汉语》、《中级汉语》教材为例
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276442
<p> 本文通过对泰国《初级汉语》和《中级汉语》两套教材中饮食文化相关内容的统计与分析,探讨其在培养跨文化交际能力方面的作用。研究采用内容分析法,对教材中的饮食相关词汇、课文内容及文化背景进行分类与归纳,总结出教材在文化内容设计中的优缺点。</p> <p> 研究结果显示,这两套教材具有以下特点:其一,词汇编排遵循由易到难的原则,符合学习者语言能力的逐步发展;其二,通过对话形式将饮食文化融入实际场景,增强了学习的趣味性与实用性;其三,内容设计注重中泰饮食文化的差异与共性,为学生理解和适应跨文化交流提供了支持。然而,研究也发现,教材在文化覆盖面、词汇分布均衡性、内容趣味性以及文化背景深度等方面存在一定不足。为此,本文建议通过扩展饮食文化内容、优化词汇分布、提升内容趣味性及加深跨文化对比分析,以进一步完善教材设计,为国际中文教育提供更高质量的教学资源。</p>
荣 吴
烁妍 林
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
113
128
-
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความรักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/282107
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และ 2. ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย แบ่งตามขั้นตอนการวิจัย ดังนี้ ขั้นที่ 1 ครูผู้สอนจำนวน 41 คน และนักเรียน จำนวน 516 คน ขั้นที่ 2 ได้แก่ ครูผู้สอนจำนวน 41 คน ผู้เชี่ยวชาญประเมินรูปแบบเสริมสร้างความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จำนวน 10 คน และ ผู้เชี่ยวชาญประเมินเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินรูปแบบ จำนวน 5 คน ขั้นที่ 3 ได้แก่ ครูผู้สอน จำนวน 41 คน นักเรียน จำนวน 516 คน และผู้ปกครอง จำนวน 286 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินตนเอง และแบบสังเกตพฤติกรรม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ที่พัฒนาขึ้น ชื่อว่า TRU Model ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 องค์ประกอบ ได้แก่ T = Theoretical Foundations คือ องค์ประกอบที่เน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ R = Research & Experience องค์ประกอบที่เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ผ่านการปฏิบัติจริง การสำรวจ และการมีส่วนร่วมกับชุมชน และ U = Unity & Positive Psychology องค์ประกอบที่เน้นการปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ความสามัคคี และการเห็นคุณค่าตนเองและผู้อื่น มีผลการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2. ผลการใช้รูปแบบเสริมสร้างความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พบว่า 1) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 2) ผลการประเมินตนเองของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีพฤติกรรมโดยรวมในระดับมาก และ 3) ผลการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนโดยครูและผู้ปกครอง พบว่า พฤติกรรมของนักเรียนโดยรวมอยู่ในระดับมาก</p>
วีรวิชญ์ บุญส่ง
ศศิวิมล สุทธิสาร
กันยา บาร์นท์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
129
150
-
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในการตัดสินใจเลือกเหล่าทหารราบนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276565
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกเหล่าทหารราบของนักเรียนนายสิบทหารบก (นนส.ทบ.) รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเลือกเหล่าทหารราบของ นนส.ทบ. รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 โดยงานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย ประชากรในการวิจัย ได้แก่ นนส.ทบ. รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 2,201 นาย กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 338 นาย โดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test F-test และสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน</p> <p> จากผลการศึกษาพบว่า 1. การตัดสินใจเลือกเหล่าทหารราบของ นนส.ทบ. รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ 2. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเลือกเหล่าทหารราบของ นนส.ทบ. รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านส่วนบุคคล ได้แก่ ช่วงอายุของ นนส.ทบ. และรายได้ของครอบครัว (ต่อเดือน) มีความสัมพันธ์การตัดสินใจเลือกเหล่าทหารราบของ นนส.ทบ. รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และปัจจัยด้านแรงจูงใจ ประกอบด้วย ความต้องการทางกายภาพ ความต้องการความมั่นคง ความต้องการทางสังคม ความต้องการเป็นที่ยอมรับและได้รับการนับถือ และปัจจัยความต้องการความก้าวหน้า มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อปัจจัยแนวความคิดในการตัดสินใจการเลือกเหล่าทหารราบของ นนส.ทบ. รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
สุวิทย์ ชัยแหม่ง
จิดาภา ถิรศิริกุล
ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
151
168
-
แนวทางการพัฒนาเชิงบริหารผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276893
<p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับการพัฒนาเชิงบริหารกับผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2. เพื่อศึกษาการพัฒนาเชิงบริหารที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ 3. เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาเชิงบริหารผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นบุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี 215 คน และผู้ให้ข้อมูลหลัก 15 คน สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การถดถอยเชิงพหุ และการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการพัฒนาเชิงบริหาร ในภาพรวม มีการพัฒนาเชิงบริหารอยู่ในระดับมาก และระดับผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอบ้านลาด ในภาพรวม มีผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานอยู่ในระดับมาก 2. การพัฒนาเชิงบริหาร ที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ ด้านการวางแผน และด้านการบังคับบัญชาสั่งการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3. แนวทางการพัฒนาเชิงบริหารผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ควรมีการประยุกต์หลักการบริหาร ด้านการวางแผน โดยควรมีการวางแผนในการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ และด้านการบังคับบัญชาสั่งการ ควรมีการจัดแผนการปฏิบัติงานรายบุคคล และแบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจน มาบูรณาการร่วมกันกับ การดำเนินงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย</p>
นิรุทธิ์ สุขศรี
รักเกียรติ หงส์ทอง
ศุภณัฏฐ์ ทรัพย์นาวิน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
169
184
-
ทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ กองวิทยาการ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือของเยาวชน ปีการศึกษา 2567
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/276685
<p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ กองวิทยาการ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือของเยาวชน ปีการศึกษา 2567 2. เปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลกับทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ กองวิทยาการ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือของเยาวชน ปีการศึกษา 2567 3. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเชิงจิตวิทยากับทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ กองวิทยาการ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือของเยาวชน ปีการศึกษา 2567 การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากประชากรนักเรียนจ่าโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ กองวิทยาการ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ ปีการศึกษา 2567 จำนวน 206 นาย ประกอบด้วย นักเรียนจ่าชั้นปีที่ 1 จำนวน 107 นาย และนักเรียนจ่าชั้นปีที่ 2 จำนวน 99 นาย สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Independent Sample T-test One way ANOVA และค่าทดสอบสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า ทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ อยู่ในระดับมาก ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อระดับทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนของนักเรียนจ่า ได้แก่ รายได้ของครอบครัวที่แตกต่างกันมีทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ แตกต่างกัน ส่วนปัจจัยส่วนบุคคล ในส่วนของชั้นปี ระดับการศึกษา เกรดเฉลี่ย และภูมิลำเนา ที่แตกต่างกันมีทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนของนักเรียนจ่าไม่แตกต่างกัน และสิทธิพลเมืองมีความสัมพันธ์กับทัศนคติในการตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีข้อเสนอแนะที่เน้นส่งเสริมให้ความรู้กับนักเรียนจ่าในเรื่องของ ความสำคัญของการศึกษา การใช้ภาษาต่างประเทศ การใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการเรียนการสอน และทักษะทางดิจิตอล</p>
วิเศรษฐ์ แสงทอง
จิดาภา ถิรศิริกุล
ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
185
210
-
泰国籍汉语学习者汉语学习动机、学习焦虑与学习倦怠的研究—以泰国高校中文学院为例
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawarathjo/article/view/277818
<p> 本研究目的在于探讨学习动机、学习焦虑与学习倦怠之间的关系,重点分析两所泰国大学中文学院学生的学习动机与学习倦怠之间的关联,并验证学习焦虑的中介作用。采用立意抽样法,通过在线问卷收集数据,回收了 325 份 ,去除无效问卷,有效问卷为 240 份。並使用SPSS和Mplus 进行分析,</p> <p> 研究结果表明:1. 学习动机对学习倦怠产生负向影响;2. 学习焦虑在学习动机与学习倦怠之间起到部分中介作用。本研究强调了缓解学习焦虑的关键意义,这不仅能够增强学习动机,还能显著降低学习倦怠的发生。研究成果为汉语教学实践提供了理论依据,同时也为在泰汉语教育政策的优化提供了实证支持,以便提升泰国籍汉语学习者的学习成效。</p>
浤玮 罗
怡彣 周
ลิขสิทธิ์ (c) 2025
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
7 2
211
224