https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/issue/feed
วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
2024-12-14T17:07:35+07:00
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูภณัช รัตนชัย
j.sociallaw@gmail.com
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น </strong></p> <p><strong>ISSN (เดิม)</strong><br />ISSN 2586-8802 (Print)<br />ISSN 2651-2157 (Online)</p> <p><strong>ISSN (ใหม่) เริ่มใช้ตั้งแต่ 31 ตุลาคม 2566</strong><br />ISSN 2985-2552 (Online)</p> <p><strong>วัตถุประสงค์ (Aims)</strong><br />คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้จัดทำวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่นขึ้น เพื่อให้เป็นวารสารวิชาการสำหรับนักศึกษา อาจารย์ นักวิจัย และนักวิชาการทั้งภายในและภายนอก เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการในรูปแบบของบทความวิชาการและบทความวิจัย เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการในสาขานิติศาสตร์และศาสตร์ที่เกี่ยวกับสังคมศาสตร์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น จัดตีพิมพ์เผยแพร่สู่วงการวิชาการและสาธารณชนผู้สนใจทั่วไป พร้อมทั้งต้องการยกระดับให้เป็นวารสารระดับชาติและนานาชาติ</p> <p><strong>ขอบเขต (scope)</strong><br />วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น รับพิจารณาบทความวิชาการ บทความวิจัย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยขอบเขตเนื้อหาทางวิชาการของวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น จะครอบคลุมเนื้อหาด้านนิติศาสตร์และศาสตร์ที่เกี่ยวกับสังคมศาสตร์ ได้แก่ ด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และสังคมวิทยา</p> <p><strong>ประเภทบทความที่รับ (ํTypes of Articles)</strong></p> <p>1. บทความทางวิชาการ (Article) 2. บทความงานวิจัย (Research Article)</p> <p><strong>กำหนดการออกเผยแพร่ (Publication Frequency)</strong></p> <p>มีกำหนดตีพิมพ์เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ คือ </p> <p>ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม-มิถุนายน<br />ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์</strong></p> <p> วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเสนอบทความ และค่าตีพิมพ์เผยแพร่บทความในวารสาร</p> <p><strong>ต้นฉบับทุกเรื่องที่พิมพ์เผยแพร่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) </strong><strong>ด้วยรูปแบบ Semi-Blind Peer Review เฉพาะสาขานิติศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบัน จำนวน 3 คน</strong></p>
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/276692
สารบัญ
2024-12-14T16:45:32+07:00
รุ่งฤทัย เต็มไป
rungruethai.tamp@gmail.com
<p>-</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/276693
คำแนะนำสำหรับผู้เขียน
2024-12-14T16:48:13+07:00
รุ่งฤทัย เต็มไป
rungruethai.tamp@gmail.com
<p>-</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/276694
หน้าปกวารสารด้านหลัง
2024-12-14T16:50:15+07:00
รุ่งฤทัย เต็มไป
rungruethai.tamp@gmail.com
<p>-</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/271877
อำนาจหน้าที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล : กรณีแต่งตั้งนิติบุคคลเอกชนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล
2024-04-12T13:01:37+07:00
กุลธิดา ตุ้มวารี
kultida.tumwari@gmail.com
พินิจ ทิพย์มณี
Tipmanee_dpu@hotmail.com
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา อำนาจหน้าที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กรณีแต่งตั้งนิติบุคคลเอกชนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เนื่องจากนิติบุคคลเอกชนหลายรายไม่สามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 มาตรา 13 (7) กำหนดให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ในการจัด สรรสลากให้แก่ตัวแทนจำหน่ายและกำหนดวิธีจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หากแต่การจัดสรรสลากดังกล่าวนั้น ไม่ได้ให้อำนาจนิติบุคคลเอกชนเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วย แต่อย่างใด ทำให้นิติบุคคลเอกชนต้องรับซื้อสลากจากตัวแทนจำหน่ายรายย่อยมาจำหน่ายต่อในราคาที่สูงกว่าที่กำหนดไว้ นำไปสู่ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา ก่อให้ เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ได้กำหนดวิธีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ไว้โดยชัดแจ้ง ทำให้นิติบุคคลเอกชนไม่สามารถจำหน่ายสลากบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้โดยชอบ</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า เห็นควรให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลใช้อำนาจในการกำหนดคุณสมบัติการเป็นตัวแทนจำหน่ายของนิติบุคคลเอกชนให้มีความชัดเจน เพิ่มโควตาให้นิติบุคคลเอกชนได้รับการจัดสรรสลาก และควรออกใบอนุญาตขึ้นทะเบียนผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจำหน่ายสลากออนไลน์ของนิติบุคคลเอกชนให้มีความชัดเจนเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา เครือรัฐออสเตรเลีย และ สหราชอาณาจักร ที่กำหนดให้การจำหน่ายสลากกินแบ่งเป็นการค้าที่เสรี โดยผู้ค้าสลากทุกคนต้องมีใบอนุญาตจำหน่ายสลาก จึงทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการซื้อสลากหลายทอดจนเป็นเหตุทำให้สลากเกินราคา</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/274134
แนวทางการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีปกครอง
2024-08-19T09:55:50+07:00
จารุวรรณ บุญไชย
i_aom2304@outlook.co.th
ภิญญาพัชญ์ ติบวงษา
pinyapat@pnru.ac.th
สิทธิกร ศักดิ์แสง
ssksank@gmail.com
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา หาแนวทางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีปกครอง โดยการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการวิจัยเอกสาร โดยศึกษากฎหมายไทยเปรียบเทียบกับสาธารณรัฐฝรั่งเศส สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสหรัฐอเมริกา</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีปกครอง ซึ่งในสาธารณรัฐฝรั่งเศส สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสหรัฐอเมริกามีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีปกครอง เพื่อช่วยลดปริมาณคดีในศาล ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย ประเทศไทยจึงควรมีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีปกครองเช่นเดียวกับต่างประเทศ โดยมีรูปแบบที่มีความเหมาะสมกับบริบทสังคมไทย</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า เห็นควรแก้ไขมาตรา 66/1 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 โดยให้ศาลปกครอง มีอำนาจไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีปกครอง และให้ร่างระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีปกครอง พ.ศ. ....</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/271315
ปัญหาทางกฎหมายในการใช้สิทธิของผู้เสียหายตามมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
2024-07-10T11:35:59+07:00
เฌอปราง วัชรฌานนท์
cherprang.wut@gmail.com
จิตรดารมย์ รัตนวุฒิ
lawman@sru.ac.th
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษากฎหมายมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรงของราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ และกรณีผู้เสียหายเป็นผู้ฟ้องคดี โดยใช้วิธีการวิจัยทางเอกสาร ค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือ ตำรา บทความทางวิชาการ บทความวิจัย กฎหมายของราชอาณาจักรไทย และกฎหมายต่างประเทศ นำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ เพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 </p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ระบบกฎหมายของราชอาณาจักรไทยเปิดโอกาสให้รัฐและผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาได้อย่างกว้างขวาง ต่างจากหลายประเทศที่ให้รัฐเท่านั้นเป็นผู้ฟ้องคดีแทนผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม กฎหมายของราชอาณาจักรไทยไม่ได้ให้ผู้เสียหายมีส่วนร่วมในการพิจารณากำหนดมาตรการ ซึ่งอาจส่งผลให้มาตรการที่ใช้ไม่เหมาะสมและขัด กับเจตนารมณ์ของกฎหมายในการคุ้มครองสังคม ปัญหาสำคัญที่พบ คือ การขาดการมี ส่วนร่วมของผู้เสียหายในกระบวนการกำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ซึ่งไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการยื่นคำร้องขอใช้มาตรการดังกล่าว</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 มาตรา 19 ให้ทั้งอัยการและโจทก์มีสิทธิร้องขอใช้มาตรการ และให้ผู้เสียหายมีส่วนร่วมในกระบวน การกำหนดมาตรการ</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/272356
ยุทธศาสตร์การจัดการเมืองน่าเที่ยวอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา: ชุมชนในเขตเทศบาลตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2024-08-14T11:43:31+07:00
ทนุ บัวชื่น
tanu650525@gmail.com
ชนัญชิดา ทิพย์ญาณ
chsnanchida@gmail.com
วิศาล ศรีมหาวโร
wisanhumansru@gmail.com
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา บริบทที่มีความสัมพันธ์และพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการเมืองน่าเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่มีลักษณะเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) การเก็บรวบรวมข้อมูลบุคคลที่มีส่วนได้เสียกับยุทธศาสตร์การจัดการเมืองน่าเที่ยวของชุมชนเขตเทศบาลตำบลบ้านใต้ คัดเลือกประชากรเป้าหมายโดยใช้แบบเจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือการวิจัย เป็นการวิเคราะห์เอกสาร สัมภาษณ์เชิงลึก สนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมเพื่อค้นหายุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ (SWOT Analysis และ Blue Ocean) และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า การพัฒนาชุมชนตำบลบ้านใต้ตามแนวทางยุทธศาสตร์และพัฒนายุทธศาสตร์ให้สอดล้องกับบริบทด้านการท่องเที่ยวของพื้นที่ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาด้านการศึกษา ศาสนา และศิลปกรรม ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการบริหารจัดการภาครัฐ และยุทธศาสตร์ที่ 7 ด้านประชาคมอาเซียน การนำยุทธศาสตร์มาต่อยอดเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริบทพื้นที่และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้รับประโยชน์สูงสุด เพื่อพัฒนาพื้นที่ชุมชนบ้านใต้ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวอย่างยั่งยืน</p> <p>ข้อเสนอแนะ คือ องค์กรภาครัฐและเอกชน จัดทำ MOU มีส่วนร่วมการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านใต้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และมีความสุขเมื่อมาเยือนพื้นที่ตำบลบ้านใต้บนโครงสร้างพื้นฐานและตามแนวทางยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชนตำบลบ้านใต้ให้เป็นเมืองน่าเที่ยวอย่างยั่งยืน</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/274292
แนวทางการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตำบลบางใบไม้ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี : กรณีศึกษาล่องเรือชุมชน
2024-08-19T11:30:47+07:00
Chittraporn Chutong
Kritsamad.pun@sru.ac.th
จิตราพร ชูทอง
chittraporn.chu@sru.ac.th
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความต้องการและแนวทางการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และ (2) เสนอแนว ทางการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กรณีศึกษาล่องเรือชุมชน ผ่าน 3 กิจกรรม ได้แก่ ล่องเรืออุโมงค์ใบจาก ล่องเรือชมวิถีชีวิตลัดเลาะคลองร้อยสาย และล่องเรือชมหิ่งห้อย กลุ่มเป้าหมายแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มชุมชน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวล่องเรือชุมชน 3 กิจกรรม ๆ ละ 5 คน รวมจำนวน 15 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง และ (2) นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ท่องเที่ยวล่องเรือชุมชน 3 กิจกรรม ๆ ละ 3 คน รวมจำนวน 9 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ประเด็นคำถามสอบถามความต้องการ และแนวทางการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ เพื่อการท่องเที่ยวในชุมชน ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า (1) ความต้องการในการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ บทสนทนาในชีวิต ประจำวัน สถานที่ท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก และสินค้า (2) แนวทางการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เน้นการพัฒนาทักษะการฟังและการพูด โดยมีแนวทางในการพัฒนา 4 ขั้นตอน ดังนี้ หนังสือรวมคำศัพท์ และหนังสือรวมประโยคที่ใช้ในการสื่อสาร (เอกสาร/ออนไลน์) YouTube ออกเสียงคำศัพท์ และประโยค หนังสือรวบรวมข้อมูลการใช้เทคโนโลยีช่วยแปลภาษา และการฝึกปฏิบัติกับชาวต่างชาติ</p> <p>ข้อเสนอแนะจากการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ การพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษา อังกฤษ ควรได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดตั้งงบประมาณใน การพัฒนา การดำเนินการสร้างป้ายหรือข้อมูลพื้นฐาน และดำเนินการพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/274236
การพัฒนากฎหมายเพื่อป้องกันการตกแต่งบัญชีโดยทุจริตของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2024-07-31T16:42:13+07:00
ดาวใจ บุญจันทร์
daojai.boo@spumail.net
รุ่งแสง กฤตยพงษ์
rungsaeng@kss.co.th
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) แนวคิดหลักการเกี่ยวกับการตกแต่งบัญชีโดยทุจริตของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (2) มาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันการตกแต่งบัญชีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปรียบเทียบกับกฎหมายของต่างประเทศ (3) ปัญหาผลกระทบจากการตกแต่งบัญชีโดยทุจริตของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และ (4) แนวทางแก้ไขและพัฒนากฎหมายที่ใช้ในการป้องกันการเกิดการตกแต่งบัญชีโดยทุจริตของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยรวบรวมข้อมูลจากหนังสือ บทความ วิทยานิพนธ์ รายงานการวิจัย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ไม่ได้บัญญัติให้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่มีความอิสระในการใช้อำนาจกำกับดูแลตรวจสอบการสอบบัญชีไว้เป็นการเฉพาะ ทำให้เกิดปัญหาความเชี่ยวชาญของผู้ตรวจสอบบัญชีและขาดความเป็นเอกภาพ เนื่องจากอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายประเทศไทยไม่ได้ให้ความ สำคัญกับมาตรการที่เกี่ยวกับการจัดการผลประโยชน์ที่จะกระทบต่อบทบาทความเป็นอิสระของผู้สอบบัญชีและสำนักงานสอบบัญชีตลาดทุนยังไม่ใช่เป้าหมายในการกำกับดูแลตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ทั้ง ๆ คือ ส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือของนักลงทุน</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ควรแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 8/1 ให้มีสำนักงานกำกับดูแลด้านการบัญชีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มาตรา 8/2 กำหนดอำนาจหน้าที่สำนักงานกำกับดูแลบัญชี มาตรา 62/1 ออกกฎกระทรวงความเป็นอิสระผู้สอบบัญชีกำหนดกิจกรรมต้องห้าม และเพิ่มเติมมาตรา 62/2 กำหนดบทลงโทษสำนักงานสอบบัญชี หากผู้สอบในสังกัดทำผิดการกระทำความผิดตามร่างพระราชบัญญัตินี้</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/272168
หลักการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2024-08-14T09:58:26+07:00
พิชศาล พันธุ์วัฒนา
pitsarn_ph@rpca.ac.th
<p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสถานการณ์ทั่วไปสัตว์ป่าไทย ปัจจัยคุกคามสัตว์ป่า สถานการณ์และผลกระทบจากการลักลอบค้าสัตว์ป่าในปัจจุบัน และหลักการของหน่วยงานป้องกันลักลอบค้าสัตว์ป่าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ปัจจุบันสัตว์ป่าไทยยังคงถูกคุกคามจากการทำลายที่อยู่อาศัย ขยายพื้นที่เพาะปลูก พื้นที่อยู่อาศัย และการล่าโดยตรงจากมนุษย์ โดยสัตว์จำพวกนกเป็นกลุ่มสัตว์ที่มีการลักลอบค้าในตลาดการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายมากที่สุด รองลงมา คือ กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งปัญหาสำคัญของการดำเนินงาน ด้านป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย พบว่า การปรับตัวของผู้ค้าสัตว์ป่าที่เริ่มใช้กลวิธีในการคัดกรองลูกค้ารวมถึงการระมัดระวังตัวในการขนส่งและแลกเปลี่ยนสัตว์ป่ามากขึ้น</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า แนวทางป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำต้อง ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนและหลักการงานข่าว เพื่อมุ่งป้องกันการลักลอบการค้าสัตว์ป่าผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งทางไลน์ เฟชบุ๊ก ทวิตเตอร์ รวมถึงการสร้างแนวร่วมประชาชนโดยประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเหตุผ่านหมายเลขโทรศัพท์สายด่วน หรือผ่านระบบสื่อสังคมออนไลน์</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/274235
ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินและการระงับข้อพิพาทในโครงการจัดสรรที่ดิน
2024-08-19T10:38:07+07:00
สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต
sanyalux@thairail-logistics.com
<p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินในกรณีการใช้ประโยชน์ในที่ดินจัดสรรและการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยวิเคราะห์ร่วมกับแนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเทียบเคียงกับกฎหมายของต่างประเทศ เพื่อนำมาเป็นฐานคิดสำคัญในการเขียนบทความวิชาการเรื่องนี้</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 มีปัญหาที่สำคัญอยู่ 2 ประการ ได้แก่ (1) ปัญหาการกำหนดให้มีการจัดทำระเบียบที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์สาธารณูปโภค การอยู่อาศัย และการจราจรภายในที่ดินจัดสรรไว้หลังจากขั้นตอนของการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเสร็จแล้ว ทำให้ผู้ซื้อไม่มีโอกาสได้พิจารณาเงื่อนไขหรือข้อจำกัดสิทธิใด ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และจำต้องอยู่ภายใต้ระเบียบที่ออกมาในภายหลัง แม้จะกระทบต่ออำนาจการใช้กรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งของตนและของส่วนกลางก็ตาม และส่งผลให้เกิดปัญหาข้อพิพาทต่าง ๆ ตามมา และ (2) ปัญหาในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องไม่ได้กำหนดให้มีกลไกการระงับข้อพิพาทดังกล่าวที่เกิดขึ้นไว้เป็นการเฉพาะ และต้องใช้วิธีการระงับข้อพิพาททั่วไป โดยการใช้สิทธิทางศาล ทำให้ไม่สามารถยุติข้อพิพาทนั้นได้โดยเร็ว ซึ่งทั้ง 2 กรณี ดังกล่าวแตกต่างจากของต่างประเทศ</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า ให้ผู้จัดสรรที่ดินมีหน้าที่ต้องกำหนดระเบียบเกี่ยวกับข้อจำกัดสิทธิต่าง ๆ ของผู้ซื้อตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นขอรับใบอนุญาตในการจัดสรรที่ดิน เพื่อให้ผู้ซื้อได้ทราบถึงข้อจำกัดสิทธิต่าง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และให้มีบทบัญญัติว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ไว้เป็นการเฉพาะ เพื่อใช้เป็นกลไกสำหรับการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้น</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/272517
มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสัตว์ กรณีการฆ่าสัตว์เพื่อการบริโภค
2024-08-07T10:44:32+07:00
พิชยา มณีนาวา
pichaya.man2@sru.ac.th
<p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการคุ้มครองสัตว์ในกรณีการฆ่าสัตว์เพื่อการบริโภคตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 โดยการศึกษาแนวคิดทฤษฎีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมตามเจตนารมณ์ที่เกี่ยวกับการดูแลสัตว์ให้มีสวัสดิภาพที่ดีขึ้น</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 เป็นกฎหมายที่มุ่งคุ้มครองสัตว์ตามแนวคิดเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ และยอมรับสิทธิของมนุษย์ในการใช้ประโยชน์จากสัตว์ แต่ต้องใช้รูปแบบและวิธีการที่เหมาะสมและปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม การฆ่าสัตว์เพื่อการบริโภคถือเป็นการได้ประโยชน์จากสัตว์ แต่ต้องไม่กระทำอย่างทารุณโหดร้ายและต้องปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม มาตรา 21 (2) ได้กำหนดรูปแบบและวิธีการฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ให้เหมาะสมตามหลักสวัสดิภาพสัตว์และเป็นไปในทางเดียวกันกับกฎหมายในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม รูปแบบและวิธีการดังกล่าวใช้เฉพาะในการฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์เท่านั้น และไม่นำมาใช้กับการฆ่าสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร ตามมาตรา 21 (1)</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า เพื่อคุ้มครองสัตว์และจัดสวัสดิภาพของสัตว์อย่างเหมาะสม การฆ่าสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารตามมาตรา 21(1) ควรมีหลักเกณฑ์และวิธีการเช่นเดียวกับที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เรื่อง การประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. 2564 หรือให้ข้อยกเว้นการฆ่าสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารดังกล่าว ต้องเป็นการฆ่าอย่างมีมนุษยธรรม ไม่เป็นการทารุณโหดร้าย หรือทำให้สัตว์ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/271743
ความสำคัญของสัญวิทยาและมายาคติ ต่อการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ยุคหลังสมัยใหม่
2024-08-14T12:48:02+07:00
สุริยานนท์ พลสิม
suripho@kku.ac.th
<p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอบทวิเคราะห์ว่าด้วยทฤษฏี สัญวิทยากับมายาคติต่อความสำคัญในการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมของรัฐประศาสนศาสตร์ยุคหลังสมัยใหม่ รวมถึงมุ่งศึกษาอิทธิพลของสัญวิทยาและมายาคติต่อการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมของรัฐประศาสนศาสตร์ยุคหลังสมัยใหม่ด้วย</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ในภาวะสังคมยุคหลังสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ เป็นสังคมแห่งสัญญะ และปรากฏการณ์ทางสังคมต่างถูกเคลือบฉาบไปด้วยมายาคติ การศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ยุคหลังสมัยใหม่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยระเบียบ วิธีการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมแบบสัญวิทยาและการวิเคราะห์มายาคติร่วมกับวิธีการศึกษาแบบอื่น ๆ ตลอดจนสัญวิทยาและมายาคติยังเป็นแนวคิดที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาปรากฏการณ์ทางรัฐประศาสนศาสตร์หลังสมัยใหม่ใน 5 ประการ</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า ระเบียบวิธีการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ยุคหลังสมัยใหม่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญกับการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์เชิงวิพากษ์มากขึ้น โดยการบูรณาการแนวคิด เรื่อง สัญวิทยาและมายาคติ จะช่วยขยายพรม แดนองค์ความรู้ และระเบียบวิธีของสาขารัฐประศาสนศาสตร์ให้กว้างขวางขึ้น</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/276689
ส่วนหน้าวารสาร
2024-12-14T16:34:46+07:00
รุ่งฤทัย เต็มไป
rungruethai.tamp@gmail.com
<p>-</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/276690
บทบรรณาธิการ
2024-12-14T16:39:14+07:00
ภูภณัช รัตนชัย
unique2554@gmail.com
<p>-</p>
2024-12-14T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024