วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj <p><strong>วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น </strong><br />ISSN 2985-2552 (Online)</p> <p><strong>วัตถุประสงค์ (Aims)</strong><br />คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้จัดทำวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่นขึ้น เพื่อให้เป็นวารสารวิชาการสำหรับนักศึกษา อาจารย์ นักวิจัย และนักวิชาการทั้งภายในและภายนอก เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการในรูปแบบของบทความวิชาการและบทความวิจัย เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการในสาขานิติศาสตร์และศาสตร์ที่เกี่ยวกับสังคมศาสตร์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น จัดตีพิมพ์เผยแพร่สู่วงการวิชาการและสาธารณชนผู้สนใจทั่วไป พร้อมทั้งต้องการยกระดับให้เป็นวารสารระดับชาติและนานาชาติ</p> <p><strong>ขอบเขต (scope)</strong><br />วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น รับพิจารณาบทความวิชาการ บทความวิจัย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยขอบเขตเนื้อหาทางวิชาการของวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น จะครอบคลุมเนื้อหาด้านนิติศาสตร์และศาสตร์ที่เกี่ยวกับสังคมศาสตร์ ได้แก่ ด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และสังคมวิทยา</p> <p><strong>ประเภทบทความที่รับ (ํTypes of Articles)</strong></p> <p>1. บทความทางวิชาการ (Article) 2. บทความงานวิจัย (Research Article)</p> <p><strong>กำหนดการออกเผยแพร่ (Publication Frequency)</strong></p> <p>มีกำหนดตีพิมพ์เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ คือ </p> <p>ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม-มิถุนายน<br />ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์</strong></p> <p> วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเสนอบทความ และค่าตีพิมพ์เผยแพร่บทความในวารสาร</p> <p><strong>ต้นฉบับทุกเรื่องที่พิมพ์เผยแพร่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) </strong><strong>ด้วยรูปแบบ Semi-Blind Peer Review เฉพาะสาขานิติศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบัน จำนวน 3 คน</strong></p> <p>** Blind Peer Review หมายความว่า ต้องไม่มีการเปิดเผยชื่อและข้อมูลใด ๆ (รวมถึงต้นสังกัด) ของผู้ทรงคุณวุฒิ ถ้าหากอยากเปิดเผยกองบรรณาธิการต้องพิจารณาดำเนินการอย่างน้อย 2 ข้อ ดังนี้<br />1) ระบุให้ชัดเจนบนเว็บไซต์ของวารสารว่าเป็นการ Semi-Blind Peer Review กล่าวคือ เปิดเผยข้อมูลบางส่วน เช่น ชื่อ-สกุล หรือ ต้นสังกัดผู้ประเมิน เป็นต้น<br />2) แจ้งและขอความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ทรงคุณวุฒิขณะเชิญพิจารณาบทความ ** </p> คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (Faculty of Law Suratthani Rajabhat University) th-TH วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น 2985-2552 <p class="" data-start="0" data-end="290">บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร ทั้งนี้ ข้อมูล เนื้อหา และข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว กองบรรณาธิการไม่มีความจำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ</p> <p class="" data-start="292" data-end="545">เนื้อหา ข้อมูล รูปภาพ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารฯ อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น การนำไปเผยแพร่ ดัดแปลง หรือใช้ประโยชน์ในลักษณะใด ๆ ไม่ว่าเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารก่อน</p> ส่วนหน้าวารสาร https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/281619 <p>-</p> รุ่งฤทัย เต็มไป ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 บทบรรณาธิการ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/281620 <p>-</p> ภูภณัช รัตนชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 การบังคับชำระหนี้ด้วยสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าในคดีล้มละลาย https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/277742 <p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาการบังคับคดีด้วยสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าในคดีล้มละลาย ทั้งนี้ การบังคับคดีล้มละลายในประเทศไทยยังมีปัญหาที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ ปัญหาเรื่องความรู้ ความเชี่ยวชาญของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ การประเมินมูลค่า และการขายทอดตลาดทรัพย์สิน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ ตำรา บทความวิชาการและการสัมภาษณ์เชิงลึกแก่ผู้ทรงคุณวุฒิ</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคู่มือการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ มิได้บัญญัติในเรื่องคุณสมบัติของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการที่จะทำให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถจัดการสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ตลอดจนไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดบัญญัติให้แนวทางการขายทรัพย์สินโดยวิธีการอื่นในคดีล้มละลาย ทั้ง ๆ ที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 123 เปิดโอกาสให้สามารถขายทรัพย์สินโดยวิธีการอื่นได้หากได้รับความเห็นชอบจากกรรมการเจ้าหนี้ แม้คู่มือการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาจะให้แนวทางในการประเมินมูลค่าสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าไว้ แต่ก็เป็นการแนะนำวิธีการอย่างกว้าง ทำให้ผู้ปฏิบัตินำไปใช้ได้ยากในทางปฏิบัติ</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีล้มละลายและการชำระบัญชี พ.ศ. 2520 โดยกำหนดเรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อำนาจและหน้าที่ การกำหนดค่าบำเหน็จ การกำกับ ดูแล การวางเงินประกัน รวมถึงคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ช่วยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และการขายด้วยวิธีการพิเศษ ตลอดจนปรับปรุงคู่มือการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกรมทรัพย์สิน ทางปัญญาให้เหมาะสมสอดคล้องกับลักษณะของสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าให้มากยิ่งขึ้น</p> กฤษฎา อภินวถาวรกุล ประพิน นุชเปี่ยม วริยา ล้ำเลิศ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 1 30 มาตรการกฎหมายเกี่ยวกับการคลุมฮิญาบของผู้ต้องขังหญิงในประเทศไทย https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/276095 <p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการคลุมฮิญาบของผู้ต้องขังหญิง สภาพปัญหาอันเกิดจากการแต่งกายของผู้ต้องขังหญิงมุสลิมในเรือนจำที่ไม่สอดคล้องกับมาตรการทางกฎหมายในระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ต้องขัง พ.ศ. 2538 มาตรการทางกฎหมายต่างประเทศว่าด้วยบริบทของการคลุมฮิญาบผู้ต้องขังหญิงมุสลิมเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศไทย ได้แก่ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิของผู้ต้องขังหญิงมุสลิมในเรื่องของการสวมฮิญาบ โดยใช้วิธีการศึกษาวิจัยเอกสาร</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ในต่างประเทศมีมาตรการเรื่องผู้ต้องขังหญิงมุสลิมคลุมฮิญาบ แต่มาตรการทางกฎหมายของไทยมิได้มีการกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับ การกำหนดให้ผู้ต้องขังหญิงมุสลิมคลุมฮิญาบขณะออกทำกิจกรรมภายนอกเรือนจำ โดยระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยเครื่องแต่งกายของผู้ต้องขัง พ.ศ. 2538 มีการกำหนดรายละเอียดเพียงเครื่องแต่งกายของผู้ต้องขัง เพื่อแยกระหว่างนักโทษเด็ดขาดและผู้ต้องขังเท่านั้น</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ต้องขัง พ.ศ. 2538 ข้อ 12 ผู้ต้องขังหญิงซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในเรือนจำหรือทัณฑสถานใช้ผ้าคลุมศีรษะให้ใช้ผ้าคลุมศีรษะเมื่อได้รับอนุญาตให้ออกภายนอกเรือนจำ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เนื่องจากการให้สิทธิผู้ต้องขังหญิงมุสลิมสวมฮิญาบเป็นสิทธิและเสรีภาพในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา</p> <p> </p> <p> </p> กฤษรัตน์ ศรีสว่าง ปณตา ยงณรงค์เดชกุล วศิน สุวรรณรัตน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 31 51 มาตรการทางกฎหมายในการส่งเสริมแรงงานผู้สูงอายุ กรณีศึกษา ผู้สูงอายุในอำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/280296 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการส่งเสริมแรงงานผู้สูงอายุตามกฎหมายไทยและกฎหมายต่างประเทศ (2) เพื่อศึกษาปัญหากฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมแรงงานผู้สูงอายุ และ (3) เพื่อหาแนวทาง ปรับปรุง แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมแรงงานผู้สูงอายุให้เหมาะสมต่อไป</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัจจุบันสถานการณ์จำนวนประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย มีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุและแรงงานผู้สูงอายุไว้ตามมาตรา 27 วรรคสามและวรรคสี่ มาตรา 48 วรรคสอง มาตรา 71 และมาตรา 74 ซึ่งถือเป็นการคุ้มครองการห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุอายุ และเป็นการคุ้มครองคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุไว้ แต่เมื่อพิจารณากฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับแรงงานผู้สูงอายุที่สำคัญ คือ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ซึ่งยังขาดมาตรการในการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ เช่น การอุดหนุนทางการเงิน ทางภาษีที่มีรูปแบบกฎหมายที่ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นคงในการจ้างแรงงานผู้สูงอายุที่เป็นรูปธรรม และในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ยังไม่มีกฎหมายที่จัดหมวดหมู่เฉพาะเกี่ยวกับแรงงานผู้สูงอายุ ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายกำหนดถึงคำนิยามและหลักเกณฑ์ของการจ้างแรงงานผู้สูงอายุไว้มีเพียงแต่การกำหนดคำนิยามและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ้างงานไว้โดยทั่วไป</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ การให้ความคุ้มครองแรงงานผู้สูงอายุในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เป็นหมวดหมู่เฉพาะหรือแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 กำหนดมาตรการการคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน ท้องถิ่น และประเทศต่อไป</p> เยาวพา กองเกตุ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 53 72 การศึกษาอำนาจของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ประจำเขตพื้นที่การศึกษา (อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา) กรณี อำนาจในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/278003 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัย อำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา ในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นอิสระขององค์กรควบคุมตรวจสอบการใช้อำนาจดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา ไม่เป็นอิสระจากอำนาจบังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร ส่งผลให้การใช้ดุลพินิจพิจารณาไม่เป็นกลาง ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรกลางในการควบคุมตรวจสอบการดำเนินการทางวินัย ขัดต่อหลักความเป็นกลางในการพิจารณาอุทธรณ์ ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัย ต้องพิจารณาว่าเป็นวินัยร้ายแรงหรือไม่ ถ้าไม่ร้ายแรงก็ต้องพิจารณาว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะหรือไม่ ถ้ามีวิทยฐานะก็ต้องเป็นผู้อำนวยการเขต แต่ถ้าไม่มีวิทยฐานะก็จะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น ๆ ถ้าเป็นวินัยร้ายแรงจึงจะให้เป็นอำนาจของ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษาในการพิจารณาลงโทษ</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ (1) ควรกำหนดให้แยกองค์กรที่ใช้อำนาจกับองค์กรบริหารงานบุคคลออกจากกัน คณะกรรมการควรให้บุคคลที่มีความรู้ด้านกฎหมายมหาชนหรือกฎหมายปกครองเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ (2) ควรกำหนดให้กระบวนการพิจารณาอุทธรณ์แยกออกจากกระบวนการบริหารงานบุคคล และ (3) กำหนดให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประจำเขตพื้นที่การศึกษา ในการดำเนินการทางวินัยทั้งวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา</p> ขวัญทยา บุญเชิด นนทชัย โมรา กิตติพิชญ์ โสภา ฐานนท์ มณีนิล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 73 94 มาตรการทางกฎหมายในการจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/278740 <p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาความหมาย แนวคิดเกี่ยวกับขยะมูลฝอย ศึกษานโยบาย กฎหมายเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า นโยบาย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญจักรไทย พุทธศักราช 2560 พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ นโยบาย และกฎหมายดังกล่าวยัง มีปัญหาหลายประเด็น ได้แก่ ปัญหาในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ปัญหาการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอย และปัญหาการให้เอกชนมาดำเนินการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอย ในเชิงธุรกิจ ซึ่งควรนำไปสู่การแก้ไข เพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ การคัดแยกมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจออกข้อกำหนดท้องถิ่น โดยกำหนดว่า “กรณีที่บุคคลใดคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง สามารถนำมาเป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมในการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอยได้” การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอย ควรกำหนดให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอย และควรกำหนดให้เป็นอำนาจนายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย มีหน้าที่ในการตรวจสอบการออกข้อกำหนดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น และกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เอกชนดำเนินการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอยเชิงธุรกิจ ควรจะต้องมีการประชาพิจารณ์ของประชาชนในพื้นที่ก่อน</p> วระเดช ภาวัตเวติน เด่นคุณ ธรรมนิตย์ชยุต กิตติศักดิ์ หนูชัยแก้ว ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 95 118 การจัดการขยะมูลฝอย โดยชุมชนมีส่วนร่วม อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/275479 <p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษา (1) บริบททั่วไปและการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชน (2) การมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชนหาดยาย และ (3) ประเมินการมีส่วนร่วมการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชนหาดยาย เป็นการวิจัยแบบผสม กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 42 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง ประกอบด้วย นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอหลังสวน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล หาดยาย ผู้นำชุมชน และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 378 คน</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า อำเภอหลังสวน แบ่งเขตการปกครองเป็น 12 ตำบล การจัดการขยะดำเนินการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ยังคงมีปัญหา โดยใช้เทคนิค AIC ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ ให้ความรู้ ร่วมคิดโครงการ และนำสู่การปฏิบัติ โดยได้ 15 โครงการนำร่องในตำบลหาดยาย ผลประเมินพบว่า ด้านความรู้ความเข้าใจภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.77) ด้านการมีส่วนร่วม ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.61) และด้านความพึงพอใจ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.67)</p> <p>ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกขั้นตอนของการจัดการขยะมูลฝอย โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายและต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน จัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน และจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็น เช่น งบประมาณ อุปกรณ์ บุคลากร และสถานที่กำจัดขยะอย่างเหมาะสม</p> สิทธิพร รอดปังหวาน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 119 136 สารบัญ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/281621 <p>-</p> รุ่งฤทัย เต็มไป ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 จ.ฉ จ.ฉ คำแนะนำสำหรับผู้เขียน https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/281623 <p>-</p> รุ่งฤทัย เต็มไป ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 251 264 ปกหลังวารสาร https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/281624 <p>-</p> รุ่งฤทัย เต็มไป ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 ปัญหาการปฏิบัติหน้าที่กรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย กรณีศึกษาพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2550 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/275239 <p> บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัญหาเกี่ยวกับนายกสมาคม ศิษย์เก่าในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง ตามกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหลายฉบับ ล้วนแต่กำหนดให้นายกสมาคมศิษย์เก่าเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง แต่อย่างไรก็ดี กลับไม่ได้มีบทบัญญัติคุณสมบัติหรือวิธีการ ได้มาให้ชัดเจนเทียบเท่ากับกรรมการสภามหาวิทยาลัยประเภทอื่น จึงส่งผลทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เช่น กรณีผู้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมที่ได้รับเลือกแต่อยู่ระหว่างจดทะเบียนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่กรรมการสภาได้ และปัญหาการตีความสถานะของนายกสมาคมศิษย์เก่า อย่างไรก็ดี บทความนี้มุ่งศึกษาเฉพาะกรณีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2550</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2550 ไม่ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ที่มาของกรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่าไว้ชัดเจน ส่งผลทำให้เกิดความปัญหาไม่ชัดเจนในการตีความสถานะทางกฎหมาย กระทบต่อการดำเนินการที่เป็นแบบพิธีตามกฎหมาย</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า ให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2550 โดยกำหนดให้ที่มาและหลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่าให้เป็นไปตามข้อบังคับสมาคม เพื่อสร้างความชัดเจน ในสถานะและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัย</p> กิตติธัช หิรัญสาย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 137 166 สิทธิของคนพิการในการรับราชการในตำแหน่งผู้พิพากษา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/278563 <p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาโอกาสของคนพิการในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ารับราชการในตำแหน่งผู้พิพากษา โดยมุ่งพิจารณาที่คุณสมบัติของผู้สมัครตามมาตรา 26 (11) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 เป็นสำคัญซึ่งบทความนี้จะได้วิเคราะห์กฎหมายดังกล่าวว่า สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หรือไม่ และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่หรือไม่ ตลอดจนศึกษาเปรียบเทียบกับแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนากฎหมายไทยให้คุ้มครองคนพิการให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้อย่างเสมอภาค</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ในประเทศไทยเคยมีคนพิการสมัครเข้ารับการทดสอบเพื่อรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษามาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธมิให้เข้ารับการทดสอบความรู้ ด้วยเหตุผลว่า ขาดคุณสมบัติด้านร่างกายตามพระราชบัญญัติดังกล่าวตลอดมา แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นภาคีในกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องและ มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวแล้วก็ตาม</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวควรต้องมีการแก้ไขคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบความรู้เพื่อบรรจุเป็นผู้พิพากษา โดยกำหนดห้ามมิให้มีการพิจารณาเฉพาะคุณสมบัติทางร่างกายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาประกอบกับการจัดมาตรการช่วยเหลือตามความเหมาะสมแล้วด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560</p> ณุวัฒน์ ตาตุ ฐิติพร บรมทองชุ่ม ศิวรุฒ ลายคราม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 167 192 มุมมองทางกฎหมายการแสดงเจตนาทำสัญญาซื้อขาย โดยมีสุนัขเป็นสื่อกลาง https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/267747 <p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์ประเด็นในทางกฎหมาย ว่าด้วยการแสดงเจตนาทำสัญญาซื้อขายโดยมีสุนัขเป็นสื่อกลาง เมื่อปัจจุบันสุนัขมีบทบาทในการรับมอบทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ จึงมีความซับซ้อนในการบังคับใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีหลักการทำคำเสนอ คำสนอง หน้าที่ในสัญญาซื้อขาย</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า เจ้าของร้านอาหารมักจะต้องเป็นผู้รับผิดในความเสี่ยงภัยของทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้ไม่ว่าจะแบ่งเป็นบริบทที่เจ้าของสุนัขมอบเงินให้สุนัขคาบไปซื้ออาหารจากร้านอาหาร แต่สุนัขกลับกินอาหารบางส่วนที่สั่งไว้ หรือบริบทที่เจ้าของร้านมอบอาหารให้สุนัขนำไปส่งให้เจ้าของสุนัข เนื่องจากเป็นกรณีการแสดงเจตนาไปไม่ถึงคู่สัญญาโดยตรง หรือหากเป็นกรณีการชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ก็อาจต้องชำระหนี้ใหม่ ชดใช้ค่าเสียหาย หรือถูกเลิกสัญญาได้</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า การเพิ่มแนวทางปฏิบัติให้แก่เจ้าของร้าน เช่น การบอกกล่าวกับเจ้าของสุนัขก่อนที่จะมอบทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ให้สุนัข เพื่อตัดประเด็นสถานที่การชำระหนี้ และการแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งมิอยู่เฉพาะหน้า โดยให้สุนัขเป็นสื่อกลางในการรับมอบทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้เพียงอย่างเดียว</p> ณัฐวีร์ เนียมมี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 193 219 ร่างพระราชบัญญัติบริหารปกครองกีฬาฟุตบอล: ข้อพิจารณาประโยชน์ของการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในกีฬาฟุตบอลอังกฤษ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/llsj/article/view/274619 <p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาแนวคิดริเริ่มที่เกิดขึ้นมาภายใต้ร่างกฎหมายฉบับนี้ พร้อมกับประเมินพัฒนาการของร่างกฎหมายฉบับนี้สามารถเป็นก้าวแรกไปสู่อนาคตที่สดใสอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การบังคับใช้กฎรักษาเสถียรภาพทางการเงินในกีฬาฟุตบอลอังกฤษ หรือว่าหน่วยงานกำกับดูแลกีฬาฟุตบอลอิสระที่จะเกิดขึ้นมาใหม่นี้จะกลายมามีบทบาทสำคัญช่วยแก้ปัญหาอันอาจกระทบต่อประโยชน์สาธารณะในวงการกีฬาฟุตบอลอังกฤษได้หรือไม่</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า เมื่อมีปัญหาทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมกีฬาฟุตบอลในประเทศอังกฤษซึ่งมีกลไกกำกับดูแลตนเอง การแทรกแซงของรัฐน่าจะมีส่วนช่วยยกระดับความรับมือทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม เมื่อพบเจออุปสรรคต่าง ๆ ในทุกระบบลีกการแข่งขันของอังกฤษ การวิเคราะห์ทางกฎหมายใช้เป็นเครื่องสะท้อนความสำคัญของการจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลกีฬาฟุตบอลอิสระ เพื่อสอดส่องดูแลเสถียรภาพทางการเงินในวงการกีฬาฟุตบอลอังกฤษและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ</p> <p>ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า ควรมีการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และประกาศใช้เป็นกฎหมายที่มีผลเป็นการบังคับใช้อย่างจริงจังต่อไป พร้อมกับเผยแพร่แนวทางในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการบริหารปกครองกีฬาฟุตบอลให้สโมสรกีฬาฟุตบอลได้รับทราบ เพื่อให้บรรดาสโมสรกีฬาฟุตบอลใช้ประกอบการดำเนินงานหรือการบริหารงบประมาณของสโมสรกีฬาฟุตบอลแต่ละสโมสรให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายดังกล่าว</p> ปีดิเทพ อยู่ยืนยง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 9 1 221 250