วารสารบัณฑิตศาส์น มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj <p>1. เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการและงานวิจัยของคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นิสิตนักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป ในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตลอดจนแขนงวิชาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระพุทธศาสนา ปรัชญา รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ การจัดการ การจัดการเชิงพุทธ จิตวิทยาบริหารธุรกิจ การบริหารการศึกษา การพัฒนาสังคม เป็นต้น</p> <p>2. เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ พระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยและสังคม</p> <p>3. เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางวิชาการให้เป็นไปตามพันธกิจของบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย</p> th-TH <p>บทความวิชาการและบทความวิจัยในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตศาส์น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์</p> gs@mbu.ac.th (ดร.สันติราษฎร์ พวงมลิ) Chompoonuch.mbu@gmail.com (ดร.ชมพูนุช ช้างเจริญ) Mon, 30 Jun 2025 21:25:07 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ฆราวาสธรรม 4: ศิลปะแห่งการอยู่ร่วมต่างวัยในครอบครัวด้วยใจที่ตื่นรู้ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/280575 <p>บทความเรื่อง “ฆราวาสธรรม 4: ศิลปะแห่งการอยู่ร่วมต่างวัยในครอบครัวด้วยใจที่ตื่นรู้” มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางเสริมสร้างความสงบสุขภายในครอบครัว ผ่านหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ท่ามกลางยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี และวัฒนธรรม ความเข้าใจระหว่างช่วงวัยภายในครอบครัวได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และความสัมพันธ์ในระยะยาว พระพุทธศาสนาเสนอแนวทางของการอยู่ร่วมอย่างมีศิลปะผ่านหลัก “ฆราวาสธรรม 4” อันได้แก่ สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการตระหนักรู้ตน และผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง บทความนี้มุ่งวิเคราะห์หลักฆราวาสธรรมในมิติของการประยุกต์ใช้กับ 3 ช่วงวัยในครอบครัว โดยยึดตามการแบ่งวัยในแนวพุทธ ได้แก่ ปฐมวัย มัชฌิมวัย และปัจฉิมวัย เพื่อแสวงหาหนทางแห่งความสงบร่วมกันภายในครอบครัว โดยเชื่อมโยงกับแนวคิดทางจิตวิทยาและปรัชญาร่วมสมัย</p> <p>จากการวิเคราะห์พบว่า “ครอบครัว” สามารถเป็นพื้นที่แห่งการตื่นรู้ และการเติบโตทางจิตวิญญาณร่วมกัน โดยความงามของการอยู่ร่วมในครอบครัวสามารถถอดรหัสออกเป็น 4 มิติของแนวคิด HOME ได้แก่ 1) H = Harmony: มิติแห่งจริยธรรม คือ ความงามที่ครอบครัวร่วมกันสถาปนาขึ้นอย่างมีศีลธรรม 2) O = Openness: มิติแห่งการเปิดใจ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความหมาย 3) M = Mindfulness: มิติแห่งสติและการเข้าถึงสันติภายใน 4) E = Evolution: มิติแห่งการพัฒนาตนและเติบโตอย่างมีเป้าหมาย ทั้งสี่มิตินี้สะท้อนแก่นแท้ของ ฆราวาสธรรม 4 ในฐานะศิลปะแห่งการอยู่ร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการอยู่ร่วมเชิงกายภาพ แต่เป็นการอยู่ร่วมด้วยใจที่พร้อมรับฟัง เข้าใจ และตื่นรู้ต่อกันอย่างแท้จริง</p> จิตศริณย์พร ปัญจวัฒนคุณ, อริสา สายศรีโกศล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/280575 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การประยุกต์ใช้หลักเมตตาธรรมกับการสร้างสันติภาพในสังคม https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281401 <p>บทความเรื่อง “การประยุกต์ใช้หลักเมตตาธรรมกับการสร้างสันติภาพในสังคม” มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอความหมายและความสำคัญของหลักเมตตาธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคุณธรรมหลักที่เน้นความปรารถนาและความเมตตาอย่างแท้จริงต่อผู้อื่น ทั้งมนุษย์ สัตว์ และธรรมชาติ โดยไม่เลือกปฏิบัติและไม่มีข้อจำกัดในด้านเวลาและสถานที่ เมตตาธรรมเป็นความรู้สึกและท่าทีที่แผ่ขยายไปทั่วทั้งโลก มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสุขและความดีงามให้แก่สรรพสิ่ง โดยเน้นให้มนุษย์แสดงความเมตตาอย่างต่อเนื่องและจริงใจ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การฝึกจิตใจด้วยวิธีภาวนาภาวนาเมตตา การแผ่เมตตา การช่วยเหลือผู้อื่น การพยายามสร้างความเข้าใจและความกลมเกลียวในสังคม สำหรับการดำเนินชีวิตอย่างสันติสุขและเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้ง ความเกลียดชัง และความแตกแยกในสังคม นอกจากนี้ ยังเน้นให้เห็นว่าหลักเมตตาธรรมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1) ความเข้าใจและการยอมรับในความแตกต่างของแต่ละบุคคลและกลุ่มสังคม 2) การให้ความช่วยเหลือและการแสดงความกรุณาอย่างจริงใจต่อผู้อื่นในทุกโอกาส 3) การส่งเสริมความกลมเกลียวและความสามัคคีในกลุ่มต่าง ๆ โดยไม่แบ่งแยก และ 4) การพัฒนาจิตใจและจริยธรรมของตนเอง เพื่อให้สังคมเต็มไปด้วยความเข้าใจและความสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งแนวทางดังกล่าวนอกจากจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างสังคมที่สงบสุขแล้ว ยังเป็นพื้นฐานในการเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีความสุขอย่างแท้จริงในทุกระดับของชีวิตและบนโลกใบนี้</p> <p>&nbsp;</p> นราชัย ผุยลา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281401 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 วิถีแห่งการตื่นรู้ในพระพุทธศาสนากับการพัฒนาจิตในยุคดิจิทัล https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281399 <p>ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็วและแทรกซึมเข้าสู่ทุกมิติของชีวิตประจำวัน แนวคิดและหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับวิถีแห่งการตื่นรู้ ซึ่งเน้นการสร้างสติ (mindfulness) และสัมปชัญญะ (conscious awareness) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างสุขภาพจิตและความสมดุลของจิตใจในยุคดิจิทัล การฝึกฝนสติและสัมปชัญญะในบริบทของพระพุทธศาสนาไม่เพียงช่วยให้บุคคลสามารถอยู่กับความจริงของปัจจุบันอย่างเต็มใจและมีสติสัมปชัญญะเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการลดความฟุ้งซ่าน ความเครียด และความไม่สมดุลทางจิตใจ อันเป็นผลจากการเสพสื่อเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารในยุคดิจิทัล การประยุกต์ใช้แนวคิดดังกล่าวผ่านเทคนิคต่าง ๆ เช่น การฝึกหายใจอย่างตั้งใจ การสังเกตความรู้สึกนึกคิด รวมถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยเตือนความรู้สึกตัวในแต่ละช่วงเวลา เป็นแนวทางที่สามารถสร้างความสงบและพัฒนาคุณภาพจิตใจได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฝึกฝนสติสัมปชัญญะและการสร้างสมดุลในชีวิตประจำวันอย่างมีสติ เพื่อเสริมสร้างจิตใจที่มั่นคง มีเมตตา และรู้เท่าทันต่อโลกในยุคดิจิทัลอย่างสมดุลและยั่งยืน</p> นวมินทร์ สารีบุตร, ยุทธพิชัย ดวงโสภา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281399 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 Kāyagatāsati Bhāvanā: The Cultivating Subjective Process of Arousing Mental State https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281406 <p>Consideration of the body according to the Four Foundations of Mindfulness involves establishing mindfulness in relation to the body. This includes being aware, observing, knowing, and seeing the body as it truly is. It involves observing the body to see its arising and its inevitable decay, and firmly anchoring one's mindfulness in the body with a sense of detachment. It is not about clinging to the body but recognizing its existence for the sake of understanding the truth. When considering the body in this way, all cravings and wrong views gradually diminish, and one becomes transparent, free from any firm grasping of anything in the world. There are six categories for the practical application of this approach: The category of in-and-out breathing refers to establishing mindfulness of the breath, being aware of the breath as it naturally occurs, and ceases (rises, falls) in its ordinary course. The category of postures refers to establishing mindfulness in various bodily postures on walking, standing, sitting, lying down. It involves being aware of any bodily posture as it naturally occurs and ceases (arises, changes) in its ordinary course. The category of activities refers to establishing mindfulness in daily activities, including activities such as walking, stepping, looking, eating, drinking, speaking, and excreting. It involves being aware of these activities as they naturally occur and cease (arise, change) in their ordinary course. The category of repulsiveness of the body refers to establishing mindfulness by recognizing the body as something repulsive, composed of hair, nails, skin, and so on. It involves being aware of this body from the soles of the feet to the crown of the head, realizing that it consists of various internal and external organs that arise and eventually decay (arise, change) in their ordinary course. The category of elements refers to establishing mindfulness by recognizing the four elements: earth, water, fire, and air. It involves being aware of the body in terms of these four elements, realizing that they arise and eventually cease (arise, change) in their ordinary course. These are the six categories for the practical application of mindfulness in relation to the body.</p> Somsak Ounephaivong, Phrakhrupalad Chakrapol Acharashubho Thepa, Phrakhruwuttichaikrankroson Wutthichai Chayawuddho Pettongma ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281406 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 The Role of Mindfulness (Sati) in Theravada Literatures Critical Analysis https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281450 <p>This paper critically examines the role of mindfulness (sati) in Theravāda Buddhist literature, with a particular focus on its textual foundations in the Satipaṭṭhāna Sutta (MN 10; DN 22). While sati is widely regarded as a central meditative faculty, its presentation in canonical texts reveals complex doctrinal layers and interpretive ambiguities. Through textual analysis, especially of the sutta's key refrain—emphasizing non-clinging and bare awareness—this study explores how sati functions as both a cognitive tool and a soteriological method aimed at insight and liberation. The paper critiques modern interpretations that often decontextualize sati, highlighting how contemporary mindfulness movements may dilute its ethical and philosophical dimensions. Drawing on critical scholarship, including works by Anālayo, Gethin, and Sujato, the study argues that sati in its traditional Theravāda context is not merely a technique for mental well-being, but a profound practice of disidentification and transcendence. This analysis contributes to a more nuanced understanding of mindfulness by situating it within its broader doctrinal, historical, and textual landscape.</p> Thich Nguyen The, Nguyen Thanh Trung, Phrakhrupalad Chakrapol Acharashubho Thepa ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mgsj/article/view/281450 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700