บทบาทของหลักสวัสดิภาพสัตว์และอนุสัญญาไซเตสต่อการอนุรักษ์เสือโคร่ง
คำสำคัญ:
เสือโคร่ง, อนุสัญญาไซเตส, หลักสวัสดิภาพสัตว์บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาถึงสถานการณ์จานวนเสือโคร่งในธรรมชาติ ภัยคุกคามในการดารงเผ่าพันธุ์ของเสือโคร่ง และความจาเป็นในการอนุรักษ์เสือโคร่ง 2) เพื่อศึกษาแนวความคิดเกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์ ตลอดจนถึงบทบาทและมาตรการทางกฎหมายตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ 3) เพื่อศึกษาถึงที่มาและความสาคัญของอนุสัญญาไซเตส กลไกการทางานของอนุสัญญาฯ รวมถึงพันธกรณีของไทยในการอนุรักษ์ เสือโคร่งตามกรอบของอนุสัญญาไซเตส 3) เพื่อวิเคราะห์อุปสรรคและความท้าทายในการอนุรักษ์เสือโคร่ง ผลจากการศึกษาสรุปได้ว่า แม้หลักสวัสดิภาพสัตว์จะได้รับการยอมรับในระดับสากล อีกทั้งประเทศภาคีสมาชิกของอนุสัญญาไซเตสก็ได้เพิ่มจานวนขึ้นเป็น 186 ประเทศจนอาจกล่าวได้ว่าครอบคลุมทั่วทั้งโลก แต่จานวนของเสือโคร่งในธรรมชาติกลับยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจนอาจจะสูญพันธุ์ได้ภายในระยะเวลา 5 ปีหากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยที่สาคัญทั้งสิ้น 5 ประการ คือ 1) กฎหมายภายในของประเทศภาคีสมาชิกอนุสัญญาไซเตสยังไม่มีประสิทธิภาพ 2) การคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ยังไม่มีสภาพบังคับเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ 3) ธุรกิจการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศมีความเสี่ยงต่า แต่ให้ผลตอบแทนสูง 4) อนุสัญญาไซเตสมีช่องโหว่ในการควบคุมการค้าเสือโคร่งที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ และ 5) ผู้มีอานาจที่เกี่ยวข้องขาดธรรมาภิบาล
ข้อสรุปและข้อเสนอแนะจากการศึกษาคือ 1) ต้องกาหนดให้มีการขึ้นทะเบียนดีเอ็นเอ และอัตลักษณ์เสือโคร่งทั้งหมด ทั้งในธรรมชาติ และในฟาร์มเลี้ยง 2) ต้องมีการบัญญัติหลักเกณฑ์การคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 3) ต้องเพิ่มบทลงโทษในความผิดที่เกี่ยวกับการค้า และครอบครองสัตว์ป่า 4) ต้องสร้างความตระหนักรู้ถึงความสาคัญของเสือโคร่งให้กับสังคม และ 5) คณะทางานของอนุสัญญาไซเตสต้องเพิ่มความเข้มงวด และเพิ่มปฏิบัติการในเชิงรุกให้มากยิ่งขึ้น