วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat
<p>“วารสารนิติพัฒน์ นิด้า” เป็นวารสารวิชาการ<br>ที่มุ่งหมายในการพัฒนาองค์ความรู้และการเผยแพร่ความรู้ในทางกฎหมาย<br>โดยเสริมสร้างและพัฒนาวิชาการในทางนิติศาสตร์ของไทยเพื่อประโยชน์แก่สังคมโดยรวม<br>โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของ “กฎหมายกับการพัฒนา” ซึ่งเป็นทิศทางของคณะนิติศาสตร์<br>สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์</p>
Graduate School of Law NIDA
en-US
วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
2822-0560
-
ส่วนท้าย
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/281444
Nitipat NIDA
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-29
2025-06-29
14 1
112
118
-
การยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: ศึกษากรณีทรัพย์สินที่มีเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/275786
<p>ในหลาย ๆ ประเทศมีการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่องค์การสหประชาชาติ องค์กรระหว่างประเทศ สถานทูต สถานกงสุล และสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศ ในการได้รับยกเว้นการเสียภาษีเกือบทุกประเภท ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตามหลักสากลที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ ค.ศ. 1946 และอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ค.ศ. 1947 อนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต พ.ศ. 2504 (Vienna Convention on Diplomatic Relations, 1961) และอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล พ.ศ. 2506 (Vienna Convention on Consular Relations, 1963) ประเทศไทยจึงมีการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางทูต พ.ศ. 2527 พระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และ ความคุ้มกันทางกงสุล พ.ศ. 2541 พระราชบัญญัติเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับองค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. 2561 แต่เมื่อมีการออกพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและ<br />สิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ให้ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแก่ทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการขององค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษขององค์การสหประชาชาติ หรือองค์การระหว่างประเทศอื่น ให้ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแก่ทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการสถานทูต หรือสถานกงสุลของต่างประเทศ และให้ยกเว้นทรัพย์สินอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งในกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ข้อ (11) กำหนดให้ยกเว้นทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการของสำนักงานเศรษฐกิจและ การค้าของต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ โดยบทบัญญัติดังกล่าวเป็นการยกเว้นและเอื้อประโยชน์ให้แก่เจ้าของทรัพย์สินที่ไม่ใช่บุคคลผู้เอกสิทธิ์ตามอนุสัญญาหรือกฎหมาย ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักสากลและก่อให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรม</p>
อวิรุทธิ์ ชาญชัยกิตติกร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-29
2025-06-29
14 1
1
27
-
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางการแพทย์ก่อนฟ้องคดี: กรณีศึกษาโรงพยาบาลตำรวจ
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/277586
<p>ประเทศไทยมีแนวทางการระงับข้อพิพาททางการแพทย์ผ่านกระบวนการยุติธรรมทางเลือกหรือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนอกศาล (Alternative Dispute Resolution : ADR) อย่างไรก็ตามกลไกการดำเนินงานดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในสถานพยาบาลบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลตำรวจซึ่งมิได้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ยังคงไม่มีบทบัญญัติที่รองรับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางการแพทย์โดยเฉพาะ การศึกษานี้จึงได้นำแนวทางจากต่างประเทศมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ ได้แก่ ประเทศสวีเดน ซึ่งใช้ระบบชดเชยความเสียหายโดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิดผ่านกองทุนประกันภัย และประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนำระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแบบเชิงบังคับมาใช้ก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในศาล</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า โรงพยาบาลตำรวจยังขาดกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางการแพทย์ที่มีระบบและหน่วยงานรองรับอย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรให้มีการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางการแพทย์โดยมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายและวินัย กองบังคับการอำนวยการ โรงพยาบาลตำรวจ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ พร้อมทั้งกำหนดให้มีการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดีในลักษณะ “เชิงบังคับ” และควรนำนโยบายกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ควบคู่เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจ ลดความขัดแย้งและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยอย่างยั่งยืน</p>
วรรณกร ลายแก้ว
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-29
2025-06-29
14 1
28
44
-
ปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กในยุคดิจิทัลของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/276240
<p>บทความนี้มุ่งเน้นศึกษาปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ) ในบริบทสังคมดิจิทัล โดยพิจารณาประเด็นการตีความและความเหมาะสมในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเด็ก รวมถึงการเปรียบเทียบกับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง General Data Protection Regulation (GDPR) ซึ่งเป็นแม่แบบสำคัญในการยกร่างกฎหมายนี้ของไทย ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า GDPR ได้กำหนดมาตรการเฉพาะเพื่อคุ้มครองข้อมูลของเด็กในบริบทออนไลน์ ขณะที่ประเทศไทย ยังขาดข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กในบริบทดังกล่าว ทั้งนี้ เนื้อหาของกฎหมายยังมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถปรับใช้เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กได้อย่างเหมาะสม บทความนี้จึงเสนอแนะแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กในยุคดิจิทัล</p>
นพมาศ นิลแช่ม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-29
2025-06-29
14 1
45
71
-
ปัญหามาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลภายใต้กรอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/276261
<p>ในยุคดิจิทัลนี้ข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นทรัพย์สินอันทรงคุณค่า ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและองค์กร โดยข้อมูลเหล่านี้ถูกรวบรวม ประมวลผล และใช้งานในหลากหลายลักษณะ เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลการเงิน และข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเชิงธุรกิจและการให้บริการภาครัฐ อย่างไรก็ตาม การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้กลายเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคดิจิทัล โดยมิจฉาชีพไซเบอร์ อาจใช้วิธีการโจมตี เช่น มัลแวร์ ฟิชชิ่ง และการขโมยข้อมูล เพื่อเข้าถึงข้อมูลอันเป็นความลับ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทั้งบุคคลและองค์กร ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางการเงิน การทำลายชื่อเสียง และความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ขณะที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ของประเทศไทยได้ถูกประกาศใช้เพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลและส่งเสริมการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรป (GDPR) ยังพบข้อจำกัดด้านการบังคับใช้ PDPA ในประเทศไทย รวมถึงความไม่ชัดเจนในการปฏิบัติและขาดมาตรการความปลอดภัยที่ทันสมัยเพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว</p> <p>งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์และเปรียบเทียบการบังคับใช้ PDPA ของประเทศไทยกับ GDPR ของสหภาพยุโรปและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศสิงคโปร์ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกและการวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาและบังคับใช้ PDPA ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น การเพิ่มความเข้มงวดในการฝึกอบรมบุคลากรการจัดทำแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ตลอดจนการเสริมสร้างมาตรการด้านความปลอดภัยที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 27001 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ในประเทศไทย งานวิจัยนี้เสนอแนะให้ประเทศไทยปรับปรุงกลไกการบังคับใช้กฎหมายและเพิ่มขีดความสามารถในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรองรับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในปัจจุบันและสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของข้อมูลในยุคดิจิทัล</p>
ณัฐวัฒน์ ตาแว่น
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-29
2025-06-29
14 1
72
91
-
ปัญหาเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามกฎหมายอาญาของหญิงทำแท้ง
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/277459
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามกฎหมายอาญาของหญิงทำแท้ง โดยศึกษากฎหมายทำแท้งของประเทศสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐฝรั่งเศส และประเทศออสเตรเลีย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 ประกอบกับมาตรา 305 และข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2564 (ต่อไปนี้เรียกว่า “ข้อบังคับแพทยสภา”) วิเคราะห์ปัญหาการใช้สิทธิตามกฎหมายอาญาของหญิงทำแท้ง จากผลการวิจัยพบว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 มีข้อจำกัดด้านอายุครรภ์ การกำหนดให้หญิงที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถทำแท้งได้โดยไม่มีความผิดนั้น เป็นอายุครรภ์ที่สั้นเกินไป แม้ว่าหญิงที่อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จะสามารถร้องขอทำแท้งได้ตามเงื่อนไขของ มาตรา 305 แต่กฎหมายไม่ได้รับรองว่าหญิงจะได้ทำแท้งตามการร้องขอหรือไม่ หญิงจึงประสบกับการปฏิเสธการทำแท้งของแพทย์และปัญหาการส่งต่อหญิงที่ต้องการทำแท้ง อีกทั้ง สถานบริการทำแท้งในประเทศไทย มีจำนวนน้อยไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และแต่ละแห่งกำหนดเงื่อนไขการให้บริการที่แตกต่างกัน ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการทำแท้งที่ปลอดภัย ทำให้การเข้าถึงการรักษาล่าช้าและสร้างอุปสรรคและขัดขวางความต่อเนื่องของการดูแลการทำแท้ง การใช้สิทธิทำแท้งตามกฎหมายของหญิงจึงถูกละเมิดสิทธิ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้สิทธิตามกฎหมายอาญาของหญิงทำแท้ง จึงต้องทบทวนกฎหมายในเรื่องดังกล่าว และปรับปรุงแก้ไขเพื่อคุ้มครองสิทธิของหญิงอย่างแท้จริง</p>
วลัยพร อนุรักษ์อธิกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-29
2025-06-29
14 1
92
111
-
ส่วนหน้า
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/281443
Nitipat NIDA
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-29
2025-06-29
14 1