ผู้ตรวจการแผ่นดิน https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman <p>วารสารผู้ตรวจการแผ่นดินมีนโยบายรับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การส่งเสริมธรรมาภิบาล การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี กระบวนการยุติธรรม/อาชญาวิทยา คุณธรรม/จริยธรรม</p> <p><strong>ตีพิมพ์เผยแพร่</strong>: <strong>2 ฉบับต่อปี </strong></p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม–มิถุนายน </p> <p>ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม </p> en-US <ul> <li class="show">เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารผู้ตรวจการแผ่นดินถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ</li> <li class="show">บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารผู้ตรวจการแผ่นดินถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารฯ ก่อนเท่านั้น</li> </ul> anyapatch@ombudsman.go.th (Atcharabhorn Pibulsombuti) anyapatch@ombudsman.go.th (Anyapatch Sattayaphan) Thu, 17 Apr 2025 11:04:49 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบระบบผู้ตรวจการแผ่นดินของไทยกับต่างประเทศ : บทเรียนเพื่อการพัฒนา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277440 <p>บทความนี้มุ่งวิเคราะห์เปรียบเทียบระบบผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2560-2565 โดยมุ่งศึกษาสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินในประเทศต้นแบบอย่างสวีเดน กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีบริบทใกล้เคียงกับไทยอย่างมาเลเซียและฟิลิปปินส์ การศึกษาได้วิเคราะห์เปรียบเทียบใน 4 มิติหลัก ได้แก่ โครงสร้างองค์กร อำนาจหน้าที่ การบังคับใช้อำนาจ และการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน ผลการศึกษาพบว่าประเทศที่มีอัตราความสำเร็จในการแก้ไขเรื่องร้องเรียนสูงกว่าร้อยละ 80 มีลักษณะร่วมกันสามประการ คือ การมีอำนาจบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการปฏิบัติงาน และการได้รับความร่วมมือที่ดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ประเทศไทยมีอัตราความสำเร็จในการแก้ไขเรื่องร้องเรียนเพียงร้อยละ 65 และใช้ระยะเวลาดำเนินการเฉลี่ย 6 เดือน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศที่ศึกษา บทความนี้ได้เสนอแนวทางการพัฒนาระบบผู้ตรวจการแผ่นดินไทยสามประการ ได้แก่ การเสริมสร้างกลไกการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการรับเรื่องร้องเรียนและติดตามผล และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาสังคม</p> สุรชัย พรหมพันธุ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277440 Thu, 17 Apr 2025 00:00:00 +0700 แนวคิดและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์กับการบริหารงานภาครัฐในมิติใหม่กรณีศึกษา : สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/274789 <p>การปฏิรูประบบการบริหารงานภาครัฐถือเป็นสิ่งท้าทายของรัฐบาลในปัจจุบันว่า จะทำอย่างไรที่จะช่วยให้การพัฒนาประเทศของเราขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้มีวัตถุประสงค์ในการเสนอให้เห็นถึงการวิเคราะห์ถึงความสำคัญของการปฏิรูปภาครัฐ และบทบาทที่ควรจะเป็นเชื่อมโยงกับแนวคิดและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์ที่สำคัญ รวมถึงการสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนถึงการมีส่วนร่วมในฐานะพลเมืองที่มีความตื่นตัว และให้ข้อเสนอแนะถึงการปรับใช้กรณีศึกษาของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยศึกษาเอกสารทางวิชาการและรายงานวิจัยทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศ ผลการศึกษาพบว่า แนวทางการบริหารภาครัฐโดยอาศัยแนวคิดและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์ในการยกเครื่องรัฐบาลในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ ได้แก่ แนวทางการบริหารงานแบบประชาธิปไตย (democratic administration) การจัดการแบบมีส่วนร่วม (participative management) การบริหารภาครัฐแนวใหม่ภายใต้แนวคิด The New Democratic Governance Paradigm รวมถึงแนวคิดพลเมืองตื่นตัว (active citizenship) ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารงานในการขับเคลื่อนภารกิจด้านคุณธรรมและความโปร่งใสของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแนวทางการบริหารงานภาครัฐในมิติใหม่ หากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินในฐานะองค์กรอิสระบริหารงานโดยการเป็นองค์กรสมัยใหม่ที่ยึดหลักธรรมาภิบาล เน้นผลงาน บริหารงานอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนจะส่งผลทำให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามแนวทางการบริหารภาครัฐในมิติใหม่และก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ประชาชนต่อไป</p> ญาศินี เกิดผลเสริฐ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/274789 Thu, 17 Apr 2025 00:00:00 +0700 บทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความยั่งยืน : ศึกษากรณีการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277263 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอภาพรวมของ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่มีบทบาทในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย บทความนี้วิเคราะห์บทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินในการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการปกป้องสิทธิของประชาชน การส่งเสริมความโปร่งใส และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยพบว่าอาจมีปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบังคับใช้กฎหมาย เช่น ความยากในการเข้าใจของกฎหมาย การประสานงานและความร่วมมือของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ความพร้อมของหน่วยงานผู้รับผิดชอบและภาคธุรกิจตลอดจนประชาชน เป็นต้น โดยนำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา เน้นการเสริมสร้างความเข้าใจและความรู้เฉพาะทาง การพัฒนาระบบการประสานงานระหว่างหน่วยงาน และการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นในการดำเนินการเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อเสนอแนวทางในการพัฒนาบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินในกระบวนการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต</p> นิรัชรา พงศ์อาจารย์, ณัฐวีร์ พงศ์อาจารย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277263 Thu, 17 Apr 2025 00:00:00 +0700 บทบาทผู้ตรวจการแผ่นดินกับการเป็นเข็มทิศด้านความเป็นธรรมให้กับสังคมไทย https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277261 <p>บทความนี้เป็นการเสนอบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินในระยะ 25 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ข้อเสนอเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินในการนำและขับเคลื่อนความเป็นธรรมให้กับสังคมไทยซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กำหนดให้ ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา โดยมีการจัดตั้งองค์กรในครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2542 มีหน้าที่ดำเนินการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนและแก้ไขปัญหาพร้อมกับรายงานให้รัฐสภาทราบ ต่อมาใน พ.ศ. 2550 มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาจึงปรับเปลี่ยนเป็น ผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมีภารกิจเพิ่มเติมจากการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน คือ การดำเนินการด้านจริยธรรมและภารกิจด้านการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2557 มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง และในปีพุทธศักราช 2560 มีการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ และปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินให้ดำเนินการ คือ การรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน การเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครอง หรือองค์กรอิสระที่มีหน้าที่และอำนาจ และด้านการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญ สำหรับการเป็นเข็มทิศที่โดดเด่นของผู้ตรวจการแผ่นดิน คือ การอำนวยความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนในการแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนและเรื่องหยิบยกที่ส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจดังกล่าวมาตลอดระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินยังเป็นเข็มทิศด้านการดำเนินการทางจริยธรรม เข็มทิศด้านการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญ และการเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครอง หรือองค์กรอิสระที่มีหน้าที่และอำนาจ สำหรับก้าวต่อไปของผู้ตรวจการแผ่นดิน คือ การเดินหน้าสร้างสังคมธรรมาภิบาลให้เกิดความยั่งยืน เป็นที่พึ่งพิง เป็นเข็มทิศให้แก่สังคมไทยต่อไป</p> ธนนันท์ สิงหเสม, ศิริรักษ์ นิทัศน์เอก ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277261 Thu, 17 Apr 2025 00:00:00 +0700 ผู้ตรวจการแผ่นดิน : องค์กรทางเลือกแก้ไขความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277271 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ศึกษาและนำเสนอกลไกหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมุ่งหวังให้ประชาชนผู้อ่านบทความได้เข้าใจหน้าที่และอำนาจเฉพาะของผู้ตรวจการแผ่นดินมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเลือกใช้บริการผู้ตรวจการแผ่นดินในการแก้ไขปัญหาและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปัจจุบันมีหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์และตรวจสอบแก้ไขความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนหลายหน่วยงาน ทั้งที่เป็นหน่วยงานประจำส่วนราชการ หน่วยงานกลาง และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยแต่ละหน่วยงานล้วนมีความมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือบรรเทาปัญหาและความเดือดร้อนอันเกิดขึ้นจากการดำเนินการจากหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยอาศัยกลไกการดำเนินการตามที่กฎหมายให้หน้าที่และอำนาจไว้ ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญช่องทางหนึ่งที่รัฐธรรมนูญอำนวยไว้ให้ประชาชนสำหรับแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมที่ได้รับจากการดำเนินการจากภาครัฐ โดยมีกลไกอำนาจอันโดดเด่น ซึ่งไม่อาจหาได้ในช่องทางหรือวิธีการอื่นของรัฐ และยังสามารถใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะเฉพาะรายควบคู่ไปกับคุ้มครองประโยชน์สาธารณะได้ด้วย ในส่วนท้ายบทความนี้ได้นำเสนอข้อเสนอแนะเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลไกอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีอยู่สามารถดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น</p> เกรียงไกร เจียรประดิษฐ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277271 Thu, 17 Apr 2025 00:00:00 +0700 แรงจูงใจในการทำงาน : กุญแจสำคัญสู่การส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐในบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดิน https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277095 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอถึงการทำความความเข้าใจเกี่ยวกับแรงจูงใจในการทำงาน ความสำคัญของการเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานในการสนับสนุนประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรภาครัฐในบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยแรงจูงใจในการทำงานถือเป็นหนึ่งในคุณลักษณะสำคัญของบุคคลที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเห็นคุณค่าของการปฏิบัติงาน เป็นพลังสนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงานมีความยินดีและมีความเต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ การเสริมสร้างแรงจูงใจภายในในการทำงานจึงเปรียบเสมือนต้นทางของการลดการทุจริตและการประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาความสามารถและความพึงพอใจในการทำงานให้กับบุคลากรทุกระดับ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการและการเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานโดยเฉพาะการส่งเสริมแรงจูงใจภายในให้บุคลากรปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ รวมถึงสนับสนุนให้เกิดความตระหนักในคุณค่าของงานและองค์การและการมีความรับผิดชอบ ตลอดจนการนำเสนอบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินในการเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานผ่านการเป็นแบบอย่างของการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนโดยมีแรงจูงใจในการทำหน้าที่ต่อประชาชนในแผ่นดินโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมให้กับประชาชนเป็นพลังขับเคลื่อน และการมีส่วนร่วมในการกระตุ้นการสนับสนุนให้เกิดแนวปฏิบัติที่ดีในการเสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับหน่วยงานต่าง ๆ</p> อัมพร ศรีประเสริฐสุข, พรเพ็ญ ไตรพงษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/ombudsman/article/view/277095 Thu, 17 Apr 2025 00:00:00 +0700