วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru <p><strong> วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา</strong> มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการแก่นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ และนักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ในมิติเพื่อสนับสนุนการศึกษา การสอน การวิจัย วารสารมุ่งเน้นบทความทางด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ ด้านบริหารการศึกษา ด้านบริหารธุรกิจ ด้านการจัดการ ด้านศิลปศาสตร์ ด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ด้านการเงิน การบัญชี และธนาคาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านโลจิสติกส์ เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ <br /> วารสารมีกระบวนการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิก่อนตีพิมพ์ โดยบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blind peer-reviewed) ทั้งนี้บทความจากผู้นิพนธ์ภายในจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร ส่วนบทความจากผู้นิพนธ์ภายนอกจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายใน หรือนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสารที่มีความเชี่ยวชาญในสาขา และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์</p> th-TH Aeknarajindawut@gmail.com (ณัฏฐชัย เอกนราจินดาวัฒน์) aeknarajindawut@gmail.com (ดร.ณัฏฐชัย เอกนราจินดาวัฒน์ ) Fri, 10 Oct 2025 16:50:23 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 14 กับการส่งเสริม ความเป็นอิสระและการจัดทำบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/271727 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 14 ที่ส่งเสริมความเป็นอิสระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 14 ที่ส่งเสริมการจัดทำบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ผู้บริหาร และบุคลากร สำนักปลัดเทศบาล ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง ได้จำนวน 17 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา </p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 14 ส่งเสริมความเป็นอิสระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านการบริหารงาน ด้านการเมือง และด้านการเงินและการคลัง 2) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 14 ช่วยส่งเสริมการจัดทำบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ด้านการจัดระเบียบชุมชน สังคม การรักษาความสงบ และด้านการลงทุน ทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และศิลปวัฒนธรรม ข้อค้นพบที่ได้จากการวิจัย คือ การจัดทำบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดี ควรมีการปรับปรุงให้นโยบายเชิงโครงสร้างในการกระจายอำนาจของรัฐให้มีความชัดเจนทั้งในส่วนของทิศทางนโยบายการกระจายอำนาจของรัฐบาล และแนวทางการปฏิบัติงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การขับเคลื่อนกระบวนการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะของเครือข่ายเชิงระบบอย่างบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการ ศึกษาในท้องถิ่น ในการวางแผนและจัดทำบริการสาธารณะที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมบริบทและตามความต้องการของคนในชุมชนท้องถิ่นของแต่ละแห่งที่มีความแตกต่างกันได้เอง</p> กันต์อเนก ภู่จินดา, วิจิตรา ศรีสอน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/271727 Fri, 10 Oct 2025 00:00:00 +0700 การบูรณาการภาครัฐและภาคประชาสังคมเพื่อการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์: กรณีศึกษาชาวต่างชาติในจังหวัดตาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/280242 <p>งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาปรากฏการณ์การค้ามนุษย์ในลักษณะการบังคับให้กระทำความผิด (forced criminality) ซึ่งทวีความรุนแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักสามประการ ได้แก่ (1) วิเคราะห์รูปแบบและวิธีการขององค์กรอาชญากรรมที่หลอกลวงชาวต่างชาติให้เข้าสู่ประเทศไทยก่อนเคลื่อนย้ายไปทำงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในประเทศเมียนมา (2) ศึกษาปัญหาและข้อจำกัดในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคมภายใต้กลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) และ (3) เสนอแนวทางการบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การวิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ โดยวิเคราะห์บันทึกการสัมภาษณ์เชิงลึกจำนวน 50 รายที่ดำเนินการโดยองค์กรภาคประชาสังคม ร่วมกับการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติงานในกลไก NRM ข้อมูลถูกวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) เพื่อระบุรูปแบบการหลอกลวง ปัญหาเชิงโครงสร้าง และแนวทางบูรณาการเชิงปฏิบัติ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) เครือข่ายค้ามนุษย์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและบุคคลสัญชาติเดียวกันเป็นเครื่องมือสำคัญในการล่อลวง พร้อมจัดเตรียมเอกสารและการเดินทางอย่างครบวงจร (2) การดำเนินงานของ NRM <br />มีข้อจำกัด เช่น การตีความสถานะผู้เสียหายที่ไม่สอดคล้องกัน และการขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในระดับปฏิบัติการ และ (3) แนวทางการบูรณาการที่เสนอ ได้แก่ การสร้างฐานข้อมูลร่วม การพัฒนาความร่วมมือชายแดน และการเสริมบทบาทของภาคประชาสังคมในการคัดแยกผู้เสียหาย</p> <p>โดยสรุป งานวิจัยสะท้อนว่าการบังคับให้กระทำความผิดเป็นความท้าทายใหม่ของการค้ามนุษย์ และการบูรณาการระหว่างรัฐและภาคประชาสังคมเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพของกลไก NRM เพื่อให้ตอบสนองต่อสภาพปัญหาปัจจุบันได้อย่างแท้จริง</p> ยศศักดิ์ นะเสือ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/280242 Fri, 10 Oct 2025 00:00:00 +0700 กรอบความคิดแบบเติบโตสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผล การปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/281260 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับกรอบความคิดแบบเติบโตของผู้บริหารสถานศึกษา<br />และระดับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู และ 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 รูปแบบการวิจัยเป็นเชิงสาเหตุ พื้นที่วิจัย คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 302 คน ใช้วิธีคัดเลือกโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 1 ชนิด คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบมีขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li>ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 พบว่า ระดับกรอบความคิดแบบเติบโตของผู้บริหารสถานศึกษาอยู่ในระดับมาก ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการเผชิญกับท้าทายและรักษาทัศนคติที่ดีต่ออุปสรรค ในขณะที่ครูมีประสิทธิผลสูงในการออกแบบและจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การเรียนการสอนมีคุณภาพและนักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุด</li> <li>ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 พบว่า กรอบความคิดแบบเติบโตของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครู ได้แก่ ความพร้อมเผชิญความท้าทายสะท้อนการเตรียมตัวและทัศนคติที่เปิดกว้างต่ออุปสรรค การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคแสดงความสามารถในการรักษาความพยายาม การเรียนรู้จากคำวิจารณ์ช่วยพัฒนางาน การเชื่อมั่นในความพยายามสะท้อนความมั่นใจในการพัฒนา และการมีแบบอย่างแห่งความสำเร็จช่วยกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาการปฏิบัติงาน</li> </ol> สุจิตรา อักกะมานัง, วัลลภา อารีรัตน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/281260 Fri, 10 Oct 2025 00:00:00 +0700 English Communication Needs Analysis for Agritourism: A Case Study of Local Volunteer Practitioners in Na Kwao Village https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/283569 <p>The objective of this research was to examine both the target needs and learning needs as a foundation for developing an English for Specific Purposes (ESP) training course tailored for local volunteer practitioners in the agritourism context of Na Kwao Village. The study utilized a mixed-methods approach, integrating quantitative and qualitative methods. A total of 21 participants were selected through purposive sampling. Quantitative data were collected using questionnaires, while qualitative data were obtained through focus group interviews. Descriptive statistics were applied to analyze the quantitative data, and content analysis was employed to interpret the qualitative findings.</p> <p>The results revealed that (1) Target needs, the practitioners required ESP training focused on essential communicative English skills for agritourism-related tasks, particularly listening and speaking. Their main difficulties involved limited vocabulary, lack of confidence, and fear of making mistakes. (2) Learning needs, practitioners preferred short, practical training emphasizing interactive learning through conversation and role play, with bilingual materials to support understanding. The findings contribute to the development of contextualized ESP materials and provide insights for future training in similar community-based tourism contexts. </p> Pimnet Theppanya ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/283569 Fri, 10 Oct 2025 00:00:00 +0700 พฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/284453 <p>วิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ผู้วิจัยเก็บข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม ที่เป็นลักษณะแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ผลการศึกษาพบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ที่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ เป็นเพศชาย ช่วงอายุระหว่าง 31 – 40 ปี สถานภาพโสด มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานบริษัท มีรายได้ต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท รายได้ต่อเดือน เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูลในวันหยุดสุดสัปดาห์ นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ไม่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะมาก่อน ครั้งนี้เดินทางเป็นครั้งแรก ค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่เดินทาง คือ ต่ำกว่า 5,000 บาท ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางด้วยวัตถุประสงค์เพื่อผ่อนคลาย / พักผ่อนหย่อนใจ ผู้ที่ร่วมตัดสินใจในการเดินทางมาท่องเที่ยว คือ เพื่อน และนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ชำระเงินค่าบริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางโอนเงินมากที่สุด และผลการศึกษาความพึงใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยมีความพึงพอใจมากที่สุดสิ่งดึงดูดใจ (Attraction) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 รองลงมา ด้านที่พัก (Accommodation) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.47 ด้านความสามารถในการเข้าถึง (Accessibility) มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.33 ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก (Amenities) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.31 ด้านการให้บริการของแหล่งท่องเที่ยว (Ancillary Service) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.29 และ ด้านกิจกรรม (Activities) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.27 ตามลำดับ</p> ญาณิศา เรืองฤทธิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/284453 Sat, 01 Nov 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิงกลุ่มวิชาพื้นฐาน สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/284857 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิงกลุ่มวิชาพื้นฐานระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (2) เพื่อศึกษาผลของการใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิงกลุ่มวิชาพื้นฐานระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน 1) สำรวจปัญหา ความต้องการ ศึกษาและสังเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ผู้ให้ข้อมูลผู้บริหารและครู จำนวน 81 คน 2) การสร้างและตรวจสอบระบบการเรียนการสอนแบบ อีเลิร์นนิง เพื่อสร้างและตรวจสอบความเหมาะสมและความสอดคล้องของระบบ โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน 3) ทดลองใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิง กับกลุ่มตัวอย่าง ครูผู้สอนและผู้ดูแลระบบ จำนวน 16 คน และนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีผลการเรียน 0 ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่จบตามเกณฑ์การศึกษา จำนวน 48 คน 4) การรับรองและปรับปรุงแก้ไขระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิง พิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบ t-test ผลการวิจัยพบว่า (1) ระบบการเรียนการสอนแบบ อีเลิร์นนิงกลุ่มวิชาพื้นฐานระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนการสอน 8 ขั้น (2) ผลการใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิง มีความเหมาะสมในระดับมาก และสามารถนำไปใช้ได้ และยังพบว่า 1) นักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่เรียนผ่านระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิง มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนผ่านระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิง อยู่ในระดับมาก และ.3) ครูผู้สอนและผู้ดูแลระบบมีความพึงพอใจต่อระบบการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิง อยู่ในระดับมาก</p> ธัญมัย แฉล้มเขตต์ , บุสบง พรหมจันทร์, จินตนา ถาคำ, วิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so04.tci-thaijo.org/index.php/polssru/article/view/284857 Sat, 06 Dec 2025 00:00:00 +0700