https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/issue/feed วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ 2024-12-17T00:00:00+07:00 Nathapassorn Krokklang cusri.journal@gmail.com Open Journal Systems <p><strong>ชื่อวารสาร <br /></strong> วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ <span lang="TH">(Journal of Social Research and Review)</span></p> <p><strong>eISSN</strong> 3056-9508 (Online)<br /><br /><strong>จัดทำขึ้นโดย<br /></strong> สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ลิขสิทธิ์)</p> <p><strong>กำหนดออก </strong>2 ฉบับต่อปี <br /> - ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน และ<br /> - ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายขอบเขตการตีพิมพ์</strong><strong><br /></strong> วารสารฯ มีนโยบายรับตีพิมพ์ บทความวิจัย บทความวิชาการ บทปริทัศน์หนังสือ และบทวิจารณ์หนังสือในด้านสังคมศาสตร์ การพัฒนาสังคม การวิจัยทางสังคม เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่คณาจารย์ นักวิชาการ นิสิต นักศึกษาหรือผู้ที่มีความสนใจ<br /><br /><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ <br /></strong> วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ ไม่มีค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความ (Page Charge)</p> https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/275842 พื้นที่กับความตาย 2024-10-25T17:20:57+07:00 พนัส จันทร์ศรีทอง panus.ju@go.buu.ac.th ลัดดาวรรณ์ ประสูตร์แสงจันทร์ panus.ju@go.buu.ac.th <p>ในโลกที่มีการเผชิญหน้ากับความตายเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องพบเจอ หนังสือพื้นที่กับความตาย เปิดประตูสู่การศึกษา และสำรวจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างชีวิตและความตายในบริบทของพื้นที่และสังคม การจัดการความตายไม่เพียงแค่เป็นหน้าที่ของครอบครัวหรือสถาบันทางการแพทย์ แต่ยังเป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงลึกซึ้งกับวัฒนธรรม ประเพณี และอำนาจในสังคม โดยรวบรวมแนวคิด กรณีศึกษาจากนักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานในหลากหลายสาขา โดยสำรวจมิติของความตายในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในบริบทของการเมือง การปฏิวัติ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ผ่านการใช้แนวคิดภูมิทัศน์ความตาย ที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ไม่เพียงเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์ความตาย แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างความหมาย และการจดจำได้อย่างมีพลัง<br />หนังสือเล่มนี้ ชวนให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพูดคุยและเรียนรู้ เกี่ยวกับความตายในสังคมร่วมสมัยเพื่อสร้างความเข้าใจและการรับมือที่ดีขึ้นต่อการสูญเสียในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สังคมเผชิญกับความขัดแย้งและความไม่แน่นอน พื้นที่กับความตาย จึงเป็นการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการสนทนา ที่เปิดโอกาสให้เราได้มองเห็นความตายในมิติใหม่ ๆ และสะท้อนให้เห็นถึงการที่เราสามารถใช้ชีวิตร่วมกันในโลกที่ไม่แน่นอนนี้ ได้อย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี ซึ่งสามารถสรุปและแสดงทัศนะตามแต่ละเรื่อง</p> 2024-12-17T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/270380 Foregrounding Marginalized Voices: Evaluating Deliberative Capacities in the Policy Process of the Agricultural Sector in Siquijor, Philippines 2024-07-11T16:13:50+07:00 Noe John Joseph Sacramento nesacramento@up.edu.ph Clyde Andaya Maningo clyde_m@cmu.ac.th <p>This paper critically evaluates how agricultural sectors in Siquijor, Philippines, navigate around deliberative policy analysis and deliberative capacities to correspond to participatory policy processes. In a case study through informant interviews and secondary data, we identified sectoral involvement in the policy process (agricultural agenda, involvement in policy-making, and implementation), which is linked to how the sector and society advance deliberative capacities. Mindful of the deliberative approach principles, the work contends that deliberative capacities of the marginalized are critical in genuinely addressing sectoral problems and public concern - that is, fundamental to strengthening within the sector-civil society-government dynamics of doing policy analysis.</p> 2024-09-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/270097 สถานการณ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพในพื้นที่ชายแดน อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 2024-04-10T15:37:09+07:00 ชินวัจน์ แสงอังศุมาลี shinnawat@siam.edu สันติ โฉมยงค์ shinnawat@siam.edu ผการัตน์ ตั้งเขื่อนขันธ์ shinnawat@siam.edu สุญาณี พงษ์ธนานิกร suyanee.p@chula.ac.th กมลวรรณ ตันติพิวัฒนสกุล kamolwan.tan@siam.edu ปณิธิ วิจินธนสาร shinnawat@siam.edu <p>เขตพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกประเทศไทยเป็นดินแดนติดกับประเทศเมียนมา มีช่องทางในการเข้าออกของยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพระหว่างประเทศ จึงมักพบปัญหาเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพอย่างไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ชายแดน ผู้วิจัยจึงเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้และต้องการทราบสถานการณ์ยา<br />และผลิตภัณฑ์สุขภาพในพื้นที่ชายแดน เพื่อจะนำไปสู่การเฝ้าระวัง การให้ความรู้แก่ประชาชน ตลอดจนพัฒนาระบบสาธารณสุขของพื้นที่เขตชายแดน การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจสถานการณ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพในพื้นที่ชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี โดยการวิจัยเชิงสำรวจ ใช้วิธีการสุ่มแบบตามสะดวก ได้กลุ่มตัวอย่าง 95 คน ผลการศึกษา กลุ่มตัวอย่างมีประวัติได้รับยาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จำนวน 70 คน ยาที่มีความชุก 3 อันดับแรก ได้แก่ ยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร และยาชุด ตามลำดับ โดยส่วนมากใช้ยาเพื่อรักษาโรค ผู้ที่ใช้ยาส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรและรับจ้าง แหล่งจำหน่ายยาส่วนใหญ่<br />มาจากโรงพยาบาล สถานีอนามัย หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ยาส่วนใหญ่เป็นยาที่มาจากประเทศไทย รองลงมาเป็นประเทศเมียนมา และไม่พบการซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ดังนั้นการใช้ยาที่ไม่เหมาะสมบริเวณเขตพื้นที่ชายแดนยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเฝ้าระวัง</p> 2024-10-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/269582 ประสบการณ์และความคิดเห็นข้ามเพศต่อกระบวนการเกณฑ์ทหารและการเข้าสู่กระบวนการ ขอใบรับรองแพทย์ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด 2024-04-10T15:20:51+07:00 รณภูมิ สามัคคีคารมย์ ronnapoom.s@fph.tu.ac.th อสมาภรณ์ ทิมฉิม s.ronnapoom@thaitga.org <p>การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสบการณ์และความคิดเห็นของคนข้ามเพศต่อกระบวนการเกณฑ์ทหาร การเข้าสู่กระบวนการขอใบรับรองแพทย์ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด และการระบุผลการตรวจร่างกายในใบรับรองแพทย์ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดและแบบ สด.43 โดยใช้วิจัยแบบผสมผสาน คือ วิธีวิจัยเชิงปริมาณ โดยการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ จำนวน 78 คน และด้วยแบบสอบถามออนไลน์เกี่ยวกับประสบการณ์ของคนข้ามเพศต่อกระบวนการเกณฑ์ทหาร และการขอใบรับรองแพทย์ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ร่วมกับวิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบเจาะจง จำนวน 10 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนาและเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่าคนข้ามเพศต้องเผชิญปัญหาสุขภาพจิต ได้แก่ ความกลัว ความวิตกกังวล ความกังวลใจต่อถ้อยคำที่ถูกระบุในใบรับรองแพทย์ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดและแบบ สด.43 ส่งผลให้ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารและการดำเนินชีวิต รวมทั้งภาครัฐยังไม่มีแนวทางการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน ระยะเวลาในการขอ ลำดับการเข้าพบสหวิชาชีพ และคำถามที่ใช้ถามเพื่อวินิจฉัย จึงมีข้อเสนอแนะการวิจัยต่อการดำเนินการของภาครัฐ ควรมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่จำเป็นและชัดเจน แนวทางการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเป็นการปฏิบัติต่อคนข้ามเพศอย่างเท่าเทียมภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน</p> 2024-10-28T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/271850 การสวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้ของผู้หญิง: ภาพสะท้อนจากผู้ชายวัยทำงานที่มีเจตคติชายเป็นใหญ่ 2024-06-06T13:35:25+07:00 สุเมษย์ หนกหลัง sumaten@g.swu.ac.th พีรเดช ประคองพันธ์ peeradet@g.swu.ac.th สินาพร วิทยาวนิชชัย sinapornw@g.swu.ac.th <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเจตคติของผู้ชายวัยทำงาน ที่มีเจตคติชายเป็นใหญ่ต่อการสวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้ของผู้หญิง โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพแบบปรากฎการณ์วิทยา ผู้ให้ข้อมูลในงานวิจัยนี้คือผู้ชายวัยทำงานตอนกลางที่มีอายุระหว่าง 30–44 ปีบริบูรณ์ จากการสนทนาเป็นบุคคลที่มีความชื่นชอบผู้หญิงที่สวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้และแสดงออกถึงเจตคติในเชิงชายเป็นใหญ่รวม 15 คน ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้คำถามกึ่งโครงสร้างเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล และใช้การวิเคราะห์แก่นสาระในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาข้อสรุปและตีความข้อค้นพบ ผลการวิจัยพบว่าเจตคติของผู้ชาย<br />วัยทำงานที่มีเจตคติชายเป็นใหญ่ต่อการสวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้ของผู้หญิง ได้แก่ (1) ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้เป็นผู้ที่มี เสน่ห์ดึงดูด (2) ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้ดูมีความมั่นใจ (3) ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้เป็นการแสดงความมีวุฒิภาวะ และ (4) ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดชั้นในลายลูกไม้ดูเป็นคนใส่ใจรายละเอียด จากผลการวิจัยสะท้อนถึงการสร้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงตามกรอบคิดของเจตคติชายเป็นใหญ่ โดยผู้ชายกลุ่มนี้มีความคาดหวังว่าผู้หญิงควรปฏิบัติและแสดงออกในลักษณะที่สอดคล้องกับความต้องการและความพึงพอใจของเพศชาย นอกจากนี้ ยังพบว่าการตีตราผู้หญิงในเชิงเพศภาวะยังคงปรากฏอยู่ในเจตคติของผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ทางเพศและบทบาทในสังคม</p> 2024-11-22T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/272531 เบตง: การสรรสร้างแผนที่ท่องเที่ยวจากทรัพยากรทางวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน 2024-08-01T17:21:42+07:00 เกษตรชัย และหีม lkasetchai@yahoo.com สกาวรัตน์ บุญวรรโณ Sakawrat.b@psu.ac.th ปัญญา เทพสิงห์ punya.t@psu.ac.th พงษ์ทัช จิตวิบูลย์ Sakawrat.b@psu.ac.th ภรณีย ยี่ถิ้น Sakawrat.b@psu.ac.th <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจและสรรสร้างแผนที่ท่องเที่ยวจากทรัพยากรทางวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในชุมชนที่ผ่านการคัดเลือก 5 ตำบล จำนวน 25 คน ประกอบด้วย ประธานชุมชน รองประธานชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เครือข่ายการท่องเที่ยวผู้ใช้แผนที่ และผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่ศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การพัฒนาแผนที่จำลองเพื่อเป็นต้นแบบในการออกแบบ รวมทั้งแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง สนทนากลุ่ม การสำรวจภาคสนาม การสังเกตเพื่อยืนยันจุดสำคัญของแผนที่ทรัพยากรทางวัฒนธรรม ครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ของเนื้อหาบนกรอบข้อกำหนดในการจัดทำแผนที่การท่องเที่ยวโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ตรวจสอบความถูกต้องเพื่อยืนยันผลของข้อมูล รวมทั้งการพรรณนาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า ประเด็นการสำรวจ สืบค้น และยืนยันผลทรัพยากรทางวัฒนธรรม แผนที่ทรัพยากรทางวัฒนธรรมมีความเหมาะสมของจุดและประเภทของแหล่งท่องเที่ยวโดยการตรวจสอบข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยว จุดหมายตา สถานที่ราชการ ศาสนสถาน ศูนย์บริการชุมชน อาหารท้องถิ่น และกิจกรรมพื้นที่พิเศษที่นำมาจัดใส่ในแผนที่ ช่วยให้แผนที่ทรัพยากรทางวัฒนธรรมมีความสมบูรณ์ สำหรับประเด็นการสรรสร้างพัฒนาแผนที่กำหนดจุดหมายแหล่งท่องเที่ยว ทั้งข้อมูลทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ จับต้องไม่ได้ และการท่องเที่ยวแบบเสมือนจริง ช่วยอำนวยความสะดวกในการต่อยอดกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ นับเป็นข้อมูลระบบมูลฐานชุมชน ระบบสารสนเทศ (Digital platform) ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง</p> 2024-12-11T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/271956 การระรานทางไซเบอร์: มุมมองของนักศึกษาผู้ถูกระรานและปฏิบัติการในการรับมือ 2024-08-01T17:49:16+07:00 วัชรพงษ์ ศรีสุข watcharaphongs63@nu.ac.th ปัทมนันท์ ปุณเสรีพิพัฒน์ pattamananp@nu.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเรื่องการระรานทางไซเบอร์ (Cyberbullying) จากมุมมองของผู้ถูกระรานโดยมุ่งเน้นทำความเข้าใจถึงการมองประสบการณ์การถูกระรานทางไซเบอร์ ใช้แนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพโดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 6 คน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมองความหมายของการระรานผ่านประสบการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดและทุกข์ใจให้กับตนเอง และมองว่าสาเหตุของการระรานเกิดจากความหึงหวง หมั่นไส้ และการสร้างความบันเทิงในกลุ่มผู้แกล้ง แพลตฟอร์มออนไลน์มีส่วนในการส่งเสริมให้เกิดการระรานทางไซเบอร์ ความสะดวกในการกระทำการ และในแง่ของพื้นที่ในเชิงจิตวิทยา การระรานทางไซเบอร์สร้างผลกระทบด้านจิตใจที่ทำให้เกิดผลกระทบทางด้านร่างกาย ด้านสังคม และการเรียน ส่วนวิธีการรับมือของผู้ถูกระราน ประกอบด้วย การเพิกเฉย การรับมือไปที่ผู้ระราน การใช้เทคโนโลยี และการหาที่พึ่ง</p> 2024-12-16T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/socialresearchjournal/article/view/269641 The Marcos-Duterte Dynastic Regime in the Philippines: How Long Will It Last? 2023-12-21T17:09:23+07:00 Walden Bello waldenbello@yahoo.com Bianca Martinez waldenbello@yahoo.com Raphael Baladad waldenbello@yahoo.com <p>Philippine politics has traditionally been shaped by dynastic interests and patron-client relationships. When the Marcos dictatorship was toppled in 1986, the country saw a succession of liberal democratic regimes. However, the Marcoses and Dutertes, two major dynasties, have undermined this democracy while maintaining dynastic politics and clientelism. As with any opportunistic alliance between elite families, the Marcos-Duterte pact was expected to dissolve quickly. This paper examines key developments that led to the unraveling of their alliance, highlighting how the competing political strategies they employed for their survival reflect the dynamics of dynastic, patronage, and clientelist politics. In addition to this prevailing view of Philippine politics, the paper examines the role of civil society in negotiating and contesting national politics, influenced by their collective historical experiences and a culture that emphasizes obedience and individual survival over collective welfare.</p> <p>Furthermore, the study links the breakdown of the Marcos-Duterte alliance to geopolitical tensions between the US and China. The Philippines' strategic location in the Pacific positions it as a crucial area of interest for both superpowers. While the Marcoses lean towards the US, the Dutertes favor China, thereby implicating their political survival in the escalating geopolitical tensions while also making Philippine politics a battleground for these competing influences. Ultimately, the dissolution of the Marcos-Duterte alliance raises important questions about the future of Philippine politics, emphasizing the need for ordinary Filipinos to reclaim and reshape their political landscape for a more inclusive future.</p> 2024-10-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยสังคมและปริทัศน์