วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/tmfjournal <p>ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของวารสารวิชาการ ในฐานะที่เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่องค์ความรู้และความก้าวหน้าทางวิชาการ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จึงได้ดำเนินการจัดทำ<br />วารสารวิชาการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ หรือ TMF Journal ขึ้น <br />เพื่อรวบรวมและเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการด้านสื่อและที่เกี่ยวข้องกับสื่อ <br />เพื่อให้เป็นแหล่งค้นคว้าและอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ อันจะนำไปสู่การพัฒนานิเวศสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ สอดคล้องกับภารกิจสำคัญของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ <br />ตามความในมาตรา 5 (5) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. 2558</p> วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ th-TH วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ 2774-1303 อัตลักษณ์ชาติพันธุ์ และการสื่อสารภาพตัวแทนผ่านสื่อในบริบทของการท่องเที่ยวโดยชุมชน https://so04.tci-thaijo.org/index.php/tmfjournal/article/view/278656 <p>บทความนี้ทบทวนการนำเสนอภาพตัวแทนและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ผ่านสื่อในบริบทการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยเน้นบทบาทของสื่อทั้งในฐานะผู้ “สะท้อน” และ “สร้าง” ภาพแทน ซึ่งมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของสาธารณชนและการกำหนดอัตลักษณ์เชิงการท่องเที่ยว การสังเคราะห์ข้อมูลจากงานศึกษาที่ผ่านมา พบว่า ในอดีตกลุ่มชาติพันธุ์มักถูกนำเสนอในฐานะคนชายขอบที่มีภาพตัวแทนล้าหลังและด้อยพัฒนาในสื่อกระแสหลัก อย่างไรก็ตามภายใต้บริบทของการท่องเที่ยวโดยชุมชน อัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ได้ถูกนำเสนอใหม่ในฐานะสินค้าทางวัฒนธรรม ที่มีคุณค่าและความแปลกใหม่เพื่อตอบสนองความคาดหวังของตลาดท่องเที่ยว ซึ่งนำไปสู่การก่อรูปของอัตลักษณ์เชิงท่องเที่ยวที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับภาพตัวแทนที่ออกแบบเพื่อการบริโภค ที่เป็นผลจากการต่อรองระหว่างชุมชนชาติพันธุ์ ผู้ผลิตสื่อ นักท่องเที่ยว และนโยบายของรัฐ บทความเสนอว่า การพัฒนาแนวทางการนำเสนอชาติพันธุ์ ผ่านสื่ออย่างยั่งยืนควรมุ่งเน้นการส่งเสริมสื่อแบบมีส่วนร่วมที่ให้ชุมชนมีสิทธิในการนิยามและควบคุมอัตลักษณ์ของตนเอง พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพในการผลิตเนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อลดการพึ่งพาสื่อภายนอก และส่งเสริมความเข้าใจข้ามวัฒนธรรมอย่างแท้จริง การให้ชุมชนมีบทบาทในการกำหนดภาพตัวแทนของตนเอง จึงถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในระยะยาว</p> จารุวรรณ หัตถผสุ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-30 2025-09-30 4 3 109 137 “สงครามสมรส” องค์ประกอบการเล่าเรื่องและรูปแบบ การสื่อสารทางสังคมของละครโทรทัศน์ https://so04.tci-thaijo.org/index.php/tmfjournal/article/view/279591 <p>บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบการเล่าเรื่องและรูปแบบการสื่อสารทางสังคมที่ปรากฏในละคร “สงครามสมรส” จำนวน 21 ตอน ที่เป็นละครผลิตใหม่และได้รับการจัดลำดับความนิยมสูงสุดในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567 ผ่านกรอบแนวคิดและทฤษฎีด้วยวิธีวิทยาเชิงคุณภาพ (Qualitative Studies) โดยการเฝ้าสังเกต (Monitor) เนื้อหาที่ออกอากาศและวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) วิเคราะห์บริบท (Context Analysis) พบว่า สงครามสมรสมีการดำเนินเรื่องตามโครงสร้างและองค์ประกอบที่ดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้นจนถึงจุดสูงสุด (Climax) จนกระทั่งคลี่คลายสถานการณ์และฝากข้อคิดเพื่อให้ผู้ชมได้คิดและแยกแยะเนื้อหาที่เกิดขึ้นในละครได้อย่างมีอรรถรส ด้านการสื่อสารกับสังคมละครนำเสนอการสื่อสารด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 1) การมุ่งนำเสนอประเด็นหย่าร้างและปัญหาครอบครัวด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 2) การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายครอบครัวที่เข้าใจง่ายและใช้ประโยชน์ได้ในสังคมปัจจุบัน และ ด้านการสื่อสารประเด็นครอบครัวและความสัมพันธ์ 1) นำเสนอแง่คิดในการแก้ปัญหาครอบครัวด้วยสันติวิธี 2) การนำเสนอประเด็นปัญหาสังคมเชิงโครงสร้างและซับซ้อน 3) การสอดแทรกแง่คิดจากการกระทำของ<br />ตัวละคร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าละครสามารถสร้างสรรค์และขับเคลื่อนสังคมได้หากผู้ผลิตเน้นการผลิตละครที่ให้ความรู้ กระตุ้นความคิด ละครจะเป็นสื่อที่เข้าถึงและส่งสารกับสังคมได้อย่างมีคุณภาพทั้งเชิงพาณิชย์และสังคม</p> สุธิชา ภิรมย์นุ่ม เสริมศิริ นิลดำ นิษฐา หรุ่นเกษม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-30 2025-09-30 4 3 1 29 กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ละครและสารคดีทางแอปพลิเคชัน VIPA ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส https://so04.tci-thaijo.org/index.php/tmfjournal/article/view/280074 <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษากลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ละครและสารคดีทางแอปพลิเคชัน VIPA และ 2) เสนอแนะแนวทางการประชาสัมพันธ์ละครและสารคดีผ่านแอปพลิเคชัน VIPA ให้ผู้รับสารเป้าหมายเกิดการรับรู้และต้องการติดตามมากขึ้น การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการวิจัยกรณีศึกษา เก็บข้อมูลด้วยการสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการสัมภาษณ์เชิงลึกนักวิชาชีพด้านสื่อใหม่ นักวิชาการ และตัวแทนผู้รับสารกลุ่มเป้าหมายของแอปพลิเคชัน VIPA ผลการวิจัยพบว่าการประชาสัมพันธ์ละครและสารคดีทางแอปพลิเคชัน VIPA ใช้ 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) การประชาสัมพันธ์ย่างต่อเนื่องในระยะยาว 2) เลือกประเด็นที่ผู้คนจำนวนมากสนใจ 3) เลือกประเด็นที่เจาะลึก มีความพิเศษ และเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ 4) การออกแบบเนื้อหาให้เข้าถึงได้ทุกวัย และ 5) เลือกช่องทางการประชาสัมพันธ์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหา นอกจากนี้ ผลการวิจัยได้เสนอแนะ 9 แนวทางการประชาสัมพันธ์ละครและสารคดีทางแอปพลิเคชัน VIPA ให้ผู้รับสารเป้าหมายเกิดการรับรู้และต้องการติดตามมากขึ้น ซึ่งแบ่งได้เป็น 5 หมวดหมู่</p> <p>ดังนี้ 1) การวางแผนเนื้อหา 2) การผลิตสื่อที่ดึงดูดใจและมีคุณภาพ 3)การใช้กลยุทธ์แพลตฟอร์มดิจิทัลและสื่อสังคม 4) การใช้ข้อมูลและระบบอัจฉริยะ และ 5) การสร้างเครือข่ายและอิทธิพลทางสังคม</p> <p> </p> ผศ.ดร.วสันต์ จันทร์ประสิทธิ์ อภิรตี รุ่มจิตร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-30 2025-09-30 4 3 30 59 การนำเสนอเนื้อหาของบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์บนสื่อ TikTok กับแนวทางการรู้เท่าทันสื่อของผู้ชมในยุคดิจิทัล https://so04.tci-thaijo.org/index.php/tmfjournal/article/view/282366 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการนำเสนอของเนื้อหาคลิปวิดีโอของบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์ม TikTok อันมีส่วนช่วยเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อของผู้ชมในยุคดิจิทัล โดยใช้ระเบียบวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการนำเสนอของเนื้อหาคลิปวิดีโอของบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ทั้ง 8 ช่อง ที่ได้รับความนิยมในแพลตฟอร์ม TikTok เป็นช่องที่นำเสนอเนื้อหาที่มุ่งเน้นการแต่งหน้า รีวิวเครื่องสำอางพร้อมทั้งบอกชื่อผลิตภัณฑ์เป็นหลัก และในส่วนของคลิปวิดีโอบิวตี้<br />อินฟลูเอนเซอร์ส่วนใหญ่มีผู้ดำเนินเนื้อหาเพียงคนเดียว คือ เจ้าของช่อง โดยนำเสนอเนื้อหาที่เน้นใบหน้าของเจ้าของช่อง ควบคู่กับการนำเสนอให้เห็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ตนเองนำมาใช้ในการแต่งหน้าในคลิปวิดีโอ โดยใช้ภาษาระดับไม่เป็นทางการเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน ทางด้านเทคนิคการนำเสนอ ใช้เทคนิคการตัดต่อแบบคัทชน และใช้เสียงพากย์ของตัวเอง ไม่มีการแปลงเสียง <br />ใช้เสียงดนตรีในลักษณะทำนอง ไม่มีคำร้อง อีกทั้งยังมีการใช้เทคนิคด้าน<br />กราฟิก การใช้ตัวอักษรประกอบคำพูด ช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน การใช้ตัวอักษรเพื่ออธิบายชื่อคลิป ให้ผู้ชมสามารถเข้าใจเนื้อหาที่จะนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว สำหรับแนวทางในการสื่อสารเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพของบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์บนแพลตฟอร์ม TikTok ได้แก่ 1) การเริ่มต้นเนื้อหาด้วยสิ่งที่ดึงดูด 2) เนื้อหาสั้นกระชับ เข้าใจง่าย 3) การติดแฮชแท็กที่สอดคล้องกับเนื้อหา 4) การนำเสนอเนื้อหาตามความจริง 5) การนำเสนอเนื้อหาที่อยู่ในกระแสสังคม 6) บิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ใช้ภาษาเป็นกันเอง ทั้งนี้ผลการวิเคราะห์ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อของผู้ชม โดยเฉพาะเยาวชนให้สามารถแยกแยะเนื้อหาเชิงโฆษณาและพัฒนาทักษะการใช้สื่อดิจิทัลอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ สำหรับองค์ความรู้ใหม่จากการศึกษานำเสนอในรูปแบบของกลยุทธ์ที่เรียกว่า “BEAUTY” เพื่อช่วยเสริมสร้างทักษะการรู้เท่าทันสื่อให้ผู้ชมยุคดิจิทัล โดยบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้การนำเสนอ ได้แก่ 1) B: Brevity คือ การสร้างเนื้อหาแบบกระชับ เข้าใจง่าย 2) E: Engagement คือ การติดแฮชแท็กที่สอดคล้องกับเนื้อหา 3) A: Accessibility คือ การสร้างสรรค์เนื้อหาและภาษาให้เข้าใจง่าย มีการนำเสนอรูปแบบใหม่ ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 4) U: Uniqueness การสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีเอกลักษณ์ <br />น่าดึงดูด 5) T: Trends คือ การนำเสนอเนื้อหาที่ตอบรับกระแสใหม่ ๆ ในวงการความงาม และ 6) Y: Your Story คือ การใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในการนำเสนอเนื้อหาที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ชม</p> บดินทร์ เดชาบูรณานนท์ ชาลิสา แพกำเหนิด วิชญดา นงนุช มธุมาส ท้วมศรี ศิริภัสสร พิพัฒน์รังสรรค์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-30 2025-09-30 4 3 60 83 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเผยแพร่วีดิทัศน์ในกรอบ 4Ps ของทุเรียนบ้านพันธุ์นางงาม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา สู่การยอมรับเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย https://so04.tci-thaijo.org/index.php/tmfjournal/article/view/281530 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการเผยแพร่วีดิทัศน์ที่จัดทำเนื้อหาภายใต้กรอบแนวคิดส่วนประสมทางการตลาด 4Ps ของทุเรียนบ้านพันธุ์นางงามที่ส่งผลต่อการยอมรับในฐานะซอฟต์พาวเวอร์ โดยการผลิตวีดิทัศน์เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ Facebook TikTok และ YouTube ซึ่งมีความยาว 2 นาที 28 วินาที เผยแพร่ระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มียอดการรับชมรวมทั้งสิ้น 24,619 ครั้ง หลังสิ้นสุดระยะเวลาเผยแพร่ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามระดับมาตร Likert 5 ระดับ และเครื่องมือผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (IOC = 0.50-1.00) โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน และมีค่าความเชื่อมั่นรวมของแบบสอบถาม (Cronbach’s Alpha) เท่ากับ 0.972 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการถดถอยเชิง พหุคูณ (Multiple Regression) ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจากผู้ชมจำนวน 200 คน (Convenience Sampling)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการยอมรับผ่านการเผยแพร่วีดิทัศน์ ได้แก่ การส่งเสริมการตลาด (B = 0.392, p &lt; .01) รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ (B = 0.279, p &lt; .01) และราคา (B = 0.118, p = .008) ขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่าย (B = −0.015, p = 0.763) พบว่า ไม่มีอิทธิพลต่อเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ข้อค้นพบนี้นำไปสู่ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์ด้านการสื่อสารดิจิทัลโดยให้ความสำคัญกับ การส่งเสริมการตลาด และผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับการยอมรับซอฟต์พาวเวอร์ของผลผลิตท้องถิ่นไทยอย่างยั่งยืน</p> เปรมมากร นวลนิล ธีรวัฒน์ หังสพฤกษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-30 2025-09-30 4 3 84 108