วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/transportandmaritimelawjournal
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวีโครงการสถาบันกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์th-THวารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี1906-2664<p>ผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวีเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สงวนสิทธิในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ในแบบรูปเล่มและทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นใด<br>บทความหรือข้อความคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวีเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนโดยเฉพาะ โครงการสถาบันกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ</p>ส่วนหน้า
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/transportandmaritimelawjournal/article/view/276386
ธีระรัตน์ จีระวัฒนา
Copyright (c) 2024
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-11-272024-11-271929ปัญหาบางประการเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดี Appeal Relating to the Jurisdiction of the ICAO Council under Article 84 of the Convention on International Civil Aviation (Bahrain, Egypt, Saudi Arabia and United Arab Emirates v. Qatar)
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/transportandmaritimelawjournal/article/view/274611
<p><span class="fontstyle0">บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาบางประการของคำพิพากษาคดี Appeal Relating to the Jurisdiction of the ICAO Council under Article 84 of the Convention on International Civil Aviation (</span><span class="fontstyle2">Bahrain, Egypt, Saudi Arabia and United Arab Emirates v. Qatar</span><span class="fontstyle0">) ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับ ข้อ 84 แห่งอนุสัญญาชิคาโก ที่ให้อำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล การดำเนินการของคณะมนตรีผ่านกลไกการอุทธรณ์ ในคดีดังกล่าว ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่า การอ้างมาตรการตอบโต้โดยคู่ความอันเป็นข้อต่อสู้ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของอนุสัญญาชิคาโกไม่กระทบต่อเขต อำนาจของคณะมนตรีในการพิจารณาข้อพิพาทและเงื่อนไขว่าด้วยการเจรจาก่อนยื่นข้อพิพาทสามารถดำเนินการ ได้ในหลากหลายโอกาส โดยไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การเจรจาทางการทูตหรือการเจรจาผ่านคณะมนตรีเท่านั้น ดังนั้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจึงวินิจฉัยไม่เพิกถอนคำตัดสินของคณะมนตรี เนื่องจากคณะมนตรีไม่ได้ดำเนินการ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อหลักความชอบด้วยกระบวนการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่าตัวคำพิพากษา ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้พิพากษาบางคนในองค์คณะศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการบางคน ที่ได้วิจารณ์ถึงความไม่ทันสมัยของบรรทัดฐานที่กล่าวอ้างส่งผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นรูปธรรม ดังนั้น เมื่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่อาจเป็นองค์กรที่ให้ความกระจ่างในการดำเนินการแก่คณะมนตรีได้ กฎการระงับ ข้อพิพาทและคณะมนตรีจึงต้องได้รับการปฏิรูป โดยมีข้อเสนอว่าให้คณะมนตรีดำเนินการในฐานะเป็นผู้ไกลเกลี่ย ข้อพิพาทและมีสถาบันอนุญาโตตุลาการเป็นการถาวรสำหรับการพิจารณาข้อพิพาทโดยเฉพาะ</span> </p>ภูบดี แสงเฟือง
Copyright (c) 2024
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-11-272024-11-271929ประเทศไทยกับการให้ความเห็นในเชิงให้คำปรึกษาของศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/transportandmaritimelawjournal/article/view/275147
<p>ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทวีความสำคัญขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของโลก ส่งผลกระทบให้บางประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศหมู่เกาะเผชิญกับความเสี่ยงที่จะจมและสาบสูญไปจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มาจากการกระทำของมนุษย์ ดังนั้น คณะกรรมาธิการรัฐเกาะเล็กว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกฎหมายระหว่างประเทศจึงขอให้ศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศมีความเห็นในเชิงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับหน้าที่ของรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลในประเด็นที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยความเห็นในเชิงให้คำปรึกษาฉบับนี้ได้เน้นย้ำถึงหน้าที่ของรัฐภาคีในการป้องกัน ลด และควบคุมภาวะมลพิษทางทะเล ตลอดถึงหน้าที่ในการคุ้มครองรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยเฉพาะในบริบทของการที่อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และภาวะมหาสมุทรเป็นกรดที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการกระทำของมนุษย์สู่ชั้นบรรยากาศ ศาลได้กล่าวถึงมาตรฐานทางกฎหมายที่รัฐต้องปฏิบัติตามในการควบคุมกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งก่อให้เกิดนัยยะสำคัญต่อการตีความอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 บางประการ เช่น การตีความมาตรการป้องกันไว้ก่อน เป็นต้น ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 จึงต้องปฏิบัติตามพันธกรณีเหล่านั้น เมื่อพิจารณาจากกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจจะยังไม่เพียงพอตามพันธกรณี แต่ว่าการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในการพัฒนากฎหมายที่ช่วยส่งเสริมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหาภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามพันธกรณีได้มากยิ่งขึ้น</p>ณัฐณิชา เอกจริยกร
Copyright (c) 2024
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-11-272024-11-271929สรุปคำพิพากษาคดี Axel Walz v. Clickair SA
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/transportandmaritimelawjournal/article/view/276130
จุฑาพัชร สิริทิพากร
Copyright (c) 2024
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-11-272024-11-271929สรุปคำพิพากษาคดี Pedro Espada Sánchez and Others v. Iberia Líneas Aéreas de España SA
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/transportandmaritimelawjournal/article/view/276179
ธัญชนก หิญระนันทน์
Copyright (c) 2024
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-11-272024-11-271929