“ซิ่นทิวมุกจกดาว” ผ้าเจ้านายเมืองอุบลฯ : มรดกสิ่งทอในภูมิภาคอาเซียน
คำสำคัญ:
ซิ่นทิวมุกจกดาว, ผ้าเจ้านายเมืองอุบลฯ, มรดกสิ่งทอ, อาเซียน, ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’, Ubon city court, Textile Heritage, ASEANบทคัดย่อ
ผ้าเจ้านายเมืองอุบลฯ มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงาม เป็นมรดกสิ่งทอที่ได้ฟื้นฟูและคงสืบทอดอยู่ในปัจจุบัน “ซิ่นทิวมุกจกดาว” หรือ “ซิ่นทิวมุก” เป็นผ้าแบบหนึ่งของเจ้านายเมืองอุบลฯ ที่ยังมีหัวข้อวิจัยหลายประการที่ยังไม่ได้รับการค้นพบคำตอบ ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติม วัตถุประสงค์ของงานวิจัยเชิงคุณภาพชิ้นนี้มี 5 ประการคือ 1) เพื่อค้นหาต้นกำเนิดของผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวและความสัมพันธ์กับมรดกสิ่งทอในภูมิภาคอาเซียน 2) เพื่อวิเคราะห์เทคนิคการทอผ้าที่ซับซ้อนของผ้าซิ่นทิวมุกจกดาว 3) เพื่อศึกษาลวดลายเอกลักษณ์ของผ้าซิ่นทิวมุกจกดาว 4) เพื่อศึกษาบทบาทของผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวในการแสดงสถานภาพของผู้ใช้ในสังคม 5) เพื่อตรวจสอบช่วงเวลาต้นกำเนิดของผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวและช่วงเวลาการฟื้นฟูใหม่จากการศึกษาวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ทั้งจากข้อมูลเอกสารและการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลในภูมิภาคอาเซียน ได้พบว่า 1) ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาว มีต้นกำเนิดจาก ผ้าซิ่นมุก ของชาวมะกอง ที่อาศัยอยู่ในแขวงสะหวันเขต สปป.ลาว 2) ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาว มีการผสมผสาน 3 เทคนิคการทอผ้าคือ การยกมุก (เส้นยืนพิเศษ) การจก (เส้นพุ่งพิเศษ) การตั้งเครือเส้นยืนแบบซิ่นทิว 3) เอกลักษณ์ลวดลายผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวคือ โครงสร้างลวดลายแบบลายขวางลำตัวซึ่งแตกต่างจากลวดลายผ้าซิ่นส่วนใหญ่ในภาคอีสาน และการจกลายดาวกระจายทั่วทั้งผืน 4) ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวเคยถูกใช้สำหรับแสดงสถานภาพเจ้านายชั้นสูงในเมืองอุบลฯ ในขณะที่ผ้าซิ่นมุกในสังคมชาวมะกองใช้เป็นเพียงผ้าซิ่นในชีวิตประจำวัน 5) ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวน่าจะมีต้นกำเนิดในราวช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีการฟื้นฟูใหม่ราวปีพ.ศ.2543 นำโดยคุณมีชัย แต้สุจริยา (บ้านคำปุน) และตามด้วยกลุ่มอื่นๆ ในเวลาต่อมาผ้าซิ่นทิวมุกจกดาว ได้แสดงให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์มรดกสิ่งทอในภูมิภาคอาเซียนที่เจ้านายเมืองอุบลฯ ประยุกต์เทคนิคการทอผ้าจากซิ่นมุกของชาวมะกอง สปป.ลาว มาผสมผสานกับเทคนิคการทอที่มีอยู่ในท้องถิ่นเมืองอุบลฯ
Ubon city court textile is famous for its beauty. They have revived their textile heritage and still practice it today. The ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’ or ‘Sin Tew-Mook’ is one type of Ubon city court textiles. There are un-explored topics that need to be studied. The purposes of this qualitative research are: 1) to explore the origin of ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’ and its association with the textile heritage in ASEAN, 2) to analysis complex weaving techniques of ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’, 3) to study design identity of ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’, 4) to study role of ‘Sin Tew-Mook- Chok-Dao’ for the specifi c users in societies, 5) to investigate timing of the origin of ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’ and the revival period.
According to historical research documents and fi eldwork in ASEAN, we fi nd 1) the origin of ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’ derived from ‘Sin Mook’ of the ‘Ma-Gong’ tribe at Sawannaket province in Laos, 2) ‘Sin Tew-Mook- Chok-Dao’ has inter-combination of three weaving techniques, i.e., ‘Yok Mook’ (Supplementary warp), ‘Chok’ (Supplementary weft), and warping method of ‘Sin Tew’, 3) We found the design identity of ‘Sin Tew-Mook- Chok-Dao’, i.e., the horizontal pattern that is distinguished from other patterns of Isan region, and the depiction of star or ‘Dao’ pattern, 4) ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’ used to suggest the high status member of Ubon court while the ‘Sin Mook’ of ‘Ma-Gong’ tribe is used as daily cloth, 5) ‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’ probably originated around reign of King Rama 5, and Mr.Meechai Teasujariya revived it in 2000 during reign of King Rama 9, later other weaving groups follow.
‘Sin Tew-Mook-Chok-Dao’ is an evidence that shows the association of textile heritage in ASEAN. Ubon court adopted weaving technique from ‘Sin Mook’ of the Ma-Gong’ tribe in Laos and did an inter-combination with local weaving techniques of Ubon city.