จริยธรรมในการตีพิมพ์

วารสารการบริหารท้องถิ่นได้กำหนดบทบาทหน้าที่และจริยธรรมของกลุ่มบุคคล 3 กลุ่ม ที่อยู่ในกระบวนการตีพิมพ์ ได้แก่ ผู้นิพนธ์ บรรณาธิการ และผู้ประเมินบทความ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการทั้ง 3 กลุ่ม ได้ศึกษา ทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เกิดความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างบุคคล/กลุ่มบุคคลทั้ง 3 กลุ่ม และเมื่อนำไปสู่การปฏิบัติตามแล้วจะก่อให้เกิดความถูกต้อง ชัดเจน โปร่งใส และมีมาตรฐานทางวิชาการ  บทบาทหน้าที่และจริยธรรมสำหรับกลุ่มบุคคลทั้ง 3 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

บทบาทหน้าที่และจริยธรรมของผู้นิพนธ์ (Duties and Ethics of Authors)

  1. ในการส่งบทความ ผู้นิพนธ์ต้องมั่นใจว่า บทความที่ส่งมาขอรับการพิจารณา สอดคล้องกับขอบเขตเนื้อหาและสาขาวิชาของวารสารการบริหารท้องถิ่น
  2. บทความที่ผู้นิพนธ์ส่งเข้ามาขอรับการพิจารณา ต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารและ/หรือการประชุมวิชาการใดมาก่อน
  3. บทความที่ผู้นิพนธ์ส่งส่งเข้ามาขอรับการพิจารณา ต้องไม่อยู่ระหว่างการส่งไปขอรับการพิจารณาตีพิมพ์ยังวารสารอื่น
  4. บทความวิชาการ บทความวิจัย หรือบทปริทัศน์ ต้องไม่คัดลอกผลงานที่เคยเผยแพร่แล้วทั้งของตนเอง (self-plagiarism) หรือของผู้อื่น (plagiarism)
  5. กรณีการส่งบทความวิจัย ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่า ข้อมูลในบทความวิจัยเป็นข้อมูลจริงที่มีความถูกต้อง ไม่บิดเบือน และเกิดขึ้นจากการศึกษาของตนเองหรือของผู้แต่งร่วม ตามชื่อที่ปรากฏในบทความ
  6. ผู้นิพนธ์ต้องจัดทำต้นฉบับบทความวิชาการ บทความวิจัย หรือบทปริทัศน์ ตามรูปแบบที่วารสารการบริหารท้องถิ่นกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
  7. สำหรับบทความวิชาการ บทความวิจัย หรือบทปริทัศน์ ที่มีผู้เขียนมากกว่า 1 คน ผู้เขียนหลักต้องรับรองว่าผู้มีชื่อปรากฏในบทความทั้งหมดมีส่วนร่วมในการจัดทำบทความจริง
  8. หากบทความวิชาการหรือบทความวิจัย ได้รับการสนับสนุนทุนจะต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนการศึกษาหรือการวิจัย
  9. ผู้นิพนธ์บทความต้องดำเนินการตามระยะเวลาที่กองบรรณาธิการกำหนดให้อย่างเคร่งครัด ในการตรวจสอบและการปรับแก้ไขตามคำแนะนำของกองบรรณาธิการและตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิ
  10. ผู้นิพนธ์ต้องหมั่นตรวจสอบการแจ้งเตือนทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ในระบบการจัดการวารสารออนไลน์ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง

บทบาทหน้าที่และจริยธรรมของบรรณาธิการ (Duties and Ethics of the Editors)

  1. บรรณาธิการเป็นผู้รับผิดชอบต่อสิ่งที่เผยแพร่ในวารสารการบริหารท้องถิ่น และหมั่นปรับปรุงพัฒนาคุณภาพวารสารอย่างสม่ำเสมอ
  2. บรรณาธิการจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความถูกต้องทางวิชาการของทุกบทความที่ตีพิมพ์
  3. บรรณาธิการจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบและประเมินบทความ (peer review) และต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้นิพนธ์ว่า ข้อมูลของผู้นิพนธ์และผู้ประเมินบทความจะได้รับการปกปิดเป็นความลับในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาการประเมินบทความ
  4. บรรณาธิการจะตัดสินใจคัดเลือกบทความตีพิมพ์เฉพาะที่ผ่านกระบวนการการประเมินและได้รับการปรับปรุงแก้ไขแล้ว
  5. บรรณาธิการจะให้ความสนใจและพิจารณาคัดเลือกบทความที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ มีความสมบูรณ์ และสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายของวารสารเป็นสำคัญ
  6. บรรณาธิการจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์และผู้ประเมิน
  7. บรรณาธิการจะไม่ปฏิเสธการตีพิมพ์บทความเพราะความสงสัยหรือไม่แน่ใจเท่านั้น ในการปฏิเสธจะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนและตรวจสอบได้
  8. บรรณาธิการต้องตรวจสอบบทความว่ามีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น (plagiarism) และหรือของตนเอง (self-plagiarism) หรือไม่อย่างจริงจัง ด้วยโปรแกรมการตรวจสอบที่เป็นมาตรฐานสากลและเชื่อถือได้ และจะต้องแจ้งผลการตรวจสอบให้ผู้นิพนธ์ทราบ
  9. ในระหว่างกระบวนการประเมินบทความ หากตรวจพบว่า มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่นและหรือของตนเอง บรรณาธิการต้องหยุดกระบวนการประเมินและติดต่อขอคำชี้แจงจากผู้นิพนธ์ทันที เพื่อประกอบการตอบรับหรือปฏิเสธการตีพิมพ์บทความนั้น
  10. บรรณาธิการจะต้องสนับสนุนเสรีภาพทางวิชาการในการแสดงความคิดเห็น โดยจัดช่องทางให้อุทธรณ์หรือแสดงความคิดเห็นได้ เมื่อผู้นิพนธ์ ผู้ประเมินบทความ หรือกองบรรณาธิการ มีความคิดเห็นแตกต่างจากการตัดสินใจของบรรณาธิการ
  11. บรรณาธิการจะต้องจัดทำคำแนะนำแก่ผู้นิพนธ์และผู้ประเมินบทความ และต้องปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
  12. บรรณาธิการจะต้องเคร่งครัดในรูปแบบการประเมินอย่างเคร่งครัด
  13. บรรณาธิการจะต้องกำหนดสัดส่วนในการตีพิมพ์ โดยต้องให้บทความจากภายนอกมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50
  14. กรณีที่ผู้ประเมินบทความส่งผลการประเมินไม่ครบหรือจะล่าช้ากว่ากำหนดจนอาจทำให้ผู้นิพนธ์เสียประโยชน์ บรรณาธิการอาจใช้ผลการประเมินตามที่ได้รับ หรือพิจารณาประเมินร่วมด้วย หรือส่งให้ผู้ทบทวนอีกท่านพิจารณาประเมินร่วมด้วย
  15. กรณีมีการเปลี่ยนบรรณาธิการ บรรณาธิการใหม่ต้องไม่ตีพิมพ์บทความที่บรรณาธิการคนก่อนปฏิเสธไปแล้ว
  16. บรรณาธิการจะต้องปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่และเคร่งครัดในจริยธรรมทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้น

บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ (Duties of reviewers)

  1. ผู้ประเมินจะตอบรับทำการประเมินบทความวิจัยหรือบทความวิชาการ ที่ตนมีเองความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ หรือเคยศึกษาวิจัยในเรื่องนั้นเท่านั้น
  2. ผู้ประเมินจะต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบและปฏิเสธการประเมินบทความที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ มีความขัดแย้งกับผู้นิพนธ์ หรือเหตุผลอื่นที่อาจทำให้ไม่สามารถให้ข้อคิดและข้อเสนอแนะอย่างอิสระได้
  3. ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาประเมินบทความ ผู้ประเมินจะต้องไม่เปิดเผยชื่อเรื่องและเนื้อหาบทความที่กำลังพิจารณาแก่บุคคลอื่น
  4. ผู้ประเมินจะประเมินโดยใช้เหตุผลที่มีข้อมูลเชิงประจักษ์หรือข้อมูลเชิงวิชาการรองรับเป็นเกณฑ์ในการตัดสินบทความ
  5. ผู้ประเมินจะต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบทันทีหากพบว่า บางส่วนหรือทั้งหมดของบทความมีส่วนที่เหมือนกับผลงานชิ้นอื่น ๆ
  6. ผู้ประเมินควรชี้ให้เห็นถึง ตัวอย่างงานวิจัยสำคัญที่สอดคล้องกับบทความที่กำลังประเมินแต่ผู้นิพนธ์ไม่ได้อ้างอิงถึง เพื่อให้บทความมีคุณค่าเพิ่มขึ้น
  7. ผู้ประเมินควรให้ความสำคัญต่อการเสนอแนะองค์ความรู้ใหม่ แก่ผู้นิพนธ์ ในส่วนที่ผู้นิพนธ์ไม่ได้นำมาอ้างอิงในงานวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์ความรู้จากงานวิจัยในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
  8. ผู้ประเมินจะต้องดำเนินการประเมินภายในระยะเวลาที่กำหนด หากมีความจำเป็นที่การประเมินล่าช้า ต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบทันที
  9. ผู้ประเมินจะต้องบันทึกผลการประเมินและสรุปว่า ควรตอบรับหรือปฏิเสธการตีพิมพ์บทความตามระบบการประเมินบทความของวารสารการบริหารท้องถิ่นเป็นระบบออนไลน์ รวมทั้งส่งไฟล์ที่เกี่ยวข้องให้บรรณาธิการ ภายในช่วงระยะเวลาที่กำหนด