รูปแบบการศึกษาตามแนวคิดเปาโล แฟร์เร่ เพื่อพัฒนาศักยภาพและการรู้หนังสือของผู้ต้องขังสตรีในเรือนจำเขต 9
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการไม่รู้หนังสือ และความต้องการของผู้ต้องขังสตรีที่ไม่รู้หนังสือในเรือนจำเขต 9 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการศึกษาตามแนวคิดเปาโล แฟร์เร่ และ 3) เพื่อศึกษาผลการประยุกต์ใช้รูปแบบการศึกษาตามแนวคิดเปาโล แฟร์เร่ เพื่อพัฒนาศักยภาพและการรู้หนังสือของผู้ต้องขังสตรีในเรือจำเขต 9 รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้แนวคิดการสอนผู้ใหญ่ให้รู้หนังสือของเปาโล แฟร์เร่ เป็นกรอบการวิจัย พื้นที่วิจัยคือ ทัณฑสถานหญิงสงขลา กลุ่มตัวอย่างคือผู้ต้องขังหญิงที่ไม่รู้หนังสือ จำนวน 12 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสัมภาษณ์ โดยใช้คำถามปลายเปิด วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีวิเคราะห์เสร้างข้อสรุปและเขียนบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า
- ปัญหาการไม่รู้หนังสือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของกลุ่มตัวอย่าง การไม่รู้หนังสือทำให้กลุ่มตัวไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมางอย่างได้ด้วยตัวเอง เช่น เขียนจดหมายไม่ได้ อ่านป้ายต่าง ๆ ไม่ออก กลุ่มเป้าหมายจึงจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นเพื่อให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างยังมีความรู้สึกว่าการไม่รู้หนังสือคือปมด้อยของตัวเอง จึงมีความต้องการที่จะพัฒนาตัวเองให้อ่านออกเขียนได้
- รูปแบบการศึกษาตามแนวคิดเปาโล แฟร์เร่ ประกอบด้วยขั้นตอน 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาบริบท ปัญหา และความต้องการของผู้เรียน 2) การคัดเลือกคำที่มีความหมายต่อผู้เรียน 3) การสอนอ่านสอนเขียน ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย คือ การสร้างแรงจูงใจ การพัฒนาสื่อ และการสอนอ่านเขียนโดยเชื่อมโยงกับประสบการณ์ และ 4) การสอนให้คิดวิเคราะห์ ด้วยการเสวนา และอภิปรายอย่างมีเหตุผล
- กลุ่มตัวอย่างสามารถอ่านเขียนคำและประโยคภาษาไทยที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองได้ สามารถเขียนจดหมายโต้ตอบได้ เขียนชื่อและนามสุกลของตนเองและเพื่อนได้ อ่านคำและข้อความจากป้ายประกาศได้ ทั้งยังมีทัศนคติและมุมมองต่อการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีกำลังใจ และรู้จักวิธีการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม
ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ จึงสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาให้กับกลุ่มผู้ไม่รู้หนังสือกลุ่มอื่น ๆ เช่น สตรี และเยาวชนที่ขาดโอกาส ให้รู้หนังสือ สามารถพึงพาตนเอง และพัฒนาศักยภาพของตนเองได้
Article Details
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
กรมราชทัณฑ์. (2563ก). สถิติผู้ต้องราชทัณฑ์หญิงทั่วประเทศ. สืบค้นเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2563. จาก www.correct.go.th
กรมราชทัณฑ์. (2563ข). รายงานข้อมูลผู้ต้องขังจำแนกตามวุฒิการศึกษา ประจำภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2563. สืบค้นเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2563. จาก www.correct.go.th.
กอร์ดอน จี ดาร์เกนวัลด์ และชาราน บี เมอร์เรียม. (2530). การศึกษาผู้ใหญ่: พื้นฐานการปฏิบัติ. แปลจาก Adult Education: Foundations of Practice. โดย สุนทร โคตรบรรเทา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ชิดชงค์ ส.นันทนาเนตร. (2560). ทฤษฎีการเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่ ฉบับปรับปรุง. นครปฐม: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ณัฐกร ลักษณชินดา. (2548). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระทำความผิดของผู้ต้องขังหญิงคดีความผิดต่อชีวิตในทัณฑสถานหญิงกลาง(วิทยานิพนธ์หลักสูตรสังคมวิทยามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทิวาพงษ์ พลูโต. (2544). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการค้ายาเสพติดของผู้ต้องขังสตรี ทัณฑสถานหญิงกลาง(วิทยานิพนธ์หลักสูตรมานุษยวิทยามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธานี วรภัทร์. (2563). ระบบเรือนจำแห่งการเรียนรู้. วารสารกำลังใจ, 7(3), 32.
สุนทร สุนันท์ชัย. (2552). การรู้หนังสือ: บันไดสู่อิสรภาพ นิยามและการประเมินของนานาชาติ. ใน
รวมบทความการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปี 2552, 3, 8-9. ศรีสว่าง
เลี้ยววาริณ และคณะ, บรรณาธิการ. กรุงเทพฯ: รังษีการพิมพ์.
สุภางค์ จันทวานิช. (2549). วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 14. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อภิญญา เวชยชัย และคะนึงนิจ วิหคมาตย์. (2553). รายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ การศึกษา
แนวทางการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง: กระบวนการสร้างเสริม “กำลังใจ” และความเป็นมนุษย์ในกระบวนการยุติธรรม. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
Freire, P. (2012). Pedagogy of the oppressed. Translated by Myra Bergman Ramos. New York: Continuum International Publishing Group.