ประสิทธิผลรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เปรียบเทียบความสามารถในการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ ของนักเรียนที่ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามรูปแบบ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2. เปรียบเทียบความสามารถในการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยของนักเรียน ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการเรียนรู้ตามรูปแบบกับกลุ่มที่จัดการเรียนรู้ตามรูปแบบปกติ โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบความสามารถในการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย กลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ระยะก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติ t-test และวิเคราะห์เปรียบเทียบความสามารถในการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย กลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และนักเรียนกลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ ผลการศึกษา ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้พัฒนาความสามารถการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย พบว่าการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของบุคคล คือความฉลาดทางอารมณ์กับตนเอง คนที่มีอีคิวสูง แสดง ออกโดยเป็นผู้ที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเข้ากับผู้อื่นได้ดี รู้จักการทำงานเป็นทีม สามารถสร้างสัมพันธ์ภาพกับคนอื่นได้ รู้จักเห็นอกเห็นใจเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเป็นอย่างดี เมื่อเกิดปัญหากับชีวิตรู้จักจัดการกับปัญหาอย่างสร้างสรรค์นั้นเอง รวมทั้งเป็นผู้ที่มีความสามารถในการปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี และนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยของความสามารถในการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย สูงกว่านักเรียนที่ได้รับการสอนตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยที่นักเรียนในกลุ่มทดลองมีความสามารถในการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยสูงกว่ากลุ่มควบคุม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
วีณา ก๊วยสมบูรณ์. (2542). การศึกษาการพัฒนาและการใช้หลักสูตรในโรงเรียนอนุบาลที่ใช้แนวคิดทางการศึกษาแบบมอนเตสซอรี่และวอลดอร์ฟ(วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์มหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรพิไล เลิศวิชา และ อัครภูมิ จุภากร. (2550). สมองวัยเริ่มเรียนรู้. กรุงเทพฯ: พิมพ์พินิจ การพิมพ์.
รวิวรรณ รุ่งไพรวัลย์. (2556). การส่งเสริมทักษะภาษาสำหรับเด็ก. ในตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก เล่ม 3 การดูแลเด็กสุขภาพดี. กรุงเทพฯ: บริษัท บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์ จำกัด.
สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. (2553). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์. (2556). การวัดและการประเมินผล: เด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
อารยา วานิลทิพย์. (2550). ผลของการจัดประสบการณ์ภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ที่มีต่อความเข้าใจคำศัพท์สำหรับเด็กอนุบาล ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร(วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Anderson, P. (2002). Assessment and development of executive function (EF) during childhood. Child Neuropsychol, 5(2), 71-82.
Goleman, D. (1998). Working with emotional Intelligence. New York: Bantam Book.
Joyce, B., & Weil, M. (2000). Model of teaching (5th ed.). Boston: Aliyn & Bacon.
Kaufman, C. (2010). Executive Function in the Classroom: Practical Strategies for Improving Performance and Enhancing Skills for All Students. Maryland: Paul H. Brookes Publishing.
Rebecca, N. (1998). The Comfort Corner: Fostering Ressiliency and Emotional Intelligence. Childhood Education, 7(4), 200-204.