รูปแบบการจัดประสบการณ์พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคมสำหรับเด็กปฐมวัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาด้านการจัดประสบการณ์พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคมสำหรับเด็กปฐมวัย 2) พัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคมสำหรับเด็กปฐมวัย กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครู ผู้ปกครอง และเด็กปฐมวัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มีจำนวน 3 ฉบับ คือ (1) แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (2) แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาด้านการจัดประสบการณ์พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคมสำหรับเด็กปฐมวัย จากการสัมภาษณ์ครู ผู้ปกครอง และเด็กปฐมวัย ซึ่งข้อมูลที่ได้เป็นผลต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด ครูและผู้ปกครอง กังวลในเรื่อง (1) พัฒนาการทางสติปัญญา โดยกลัวว่าเด็กจะได้ความรู้ไม่ดีเท่าเรียนรู้จากครู (2) ความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคมของเด็ก เนื่องจากเด็กไม่ได้มาโรงเรียน เด็กบางคนถูกปล่อยให้อยู่กับจอคอม จอทีวี หรือจอ iPad ซึ่งถ้าเด็กอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้นาน ๆ จะทำให้เกิดผลเสียกับพัฒนาการในด้านต่างๆ ของเด็ก ส่วนข้อมูลที่ได้จากเด็กนั้น คือ (1) อยากให้เพื่อนมาเล่นด้วย (2) ชอบให้ครูสอนทำศิลปะ (3) ชอบให้ครูเล่านิทานให้ฟัง (4) ชอบเล่นเกมที่ครูจัดให้ ตามลำดับ 2) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคมสำหรับเด็กปฐมวัย มี 9 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ความเป็นมาและความสำคัญของรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ (2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (3) หลักการ แนวคิดและทฤษฎีสนับสนุนการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ (4) ความหมายของรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ (5) องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (6) นิยาม ความฉลาดทางอารมณ์ (7) นิยาม ทักษะทางสังคม (8) กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ (9) การประเมินผลตามรูปแบบ ซึ่งมีผลการประเมินคุณภาพและความเหมาะสมของร่างรูปแบบการจัดประสบการณ์ โดยผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.27 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.48
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กันตพัฒน์ อนุศักดิ์เสถียร, ทวีศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ และ วราภรณ์ ด้วงชนะ. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับความยืดหยุ่นทางจิตใจของนิสิตกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ. วารสารสมเด็จเจ้าพระยา, 19(2), 18-31. สืบค้นจาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/journalsomdetchaopraya/article/view/267188
กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2551). รูปแบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา. กรุงเทพฯ: เบรน-เบส บุ๊ค.
จุฑาทิพย์ ธรรมสิริวัฒน์ และ ปัทมาวดี เล่ห์มงคล (2559). การพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กปฐมวัยโดยการจัดกิจกรรมการเล่นเป็นกลุ่มในสถานรับเลี้ยงเด็กไฮเทค. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 22(1), 76-84. สืบค้นจาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jemmsu/article/view/157192
ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 14). กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์.
ธันยพร เมฆรุ่งจรัส และ อดิศร์สุดา เฟื่องฟู. (2561). ปัจจัยที่กระทบต่อพัฒนาการเด็ก. ใน สุรีย์ลักษณ์ สุจริตพงศ์ และคณะ (บรรณาธิการ). ตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก เล่ม 4. กรุงเทพฯ: พี.เอ.ลิฟวิ่ง.
เยาวนุช ทานาม. (2557). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ Play เพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กปฐมวัย. วารสารสักทอง. 20(2.1), 60-74. สืบค้นจาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tgt/article/view/21497
ศักดิ์ชัย จันทะแสง. (2566). ความฉลาดทางอารมณ์กับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ. วารสารเศรษฐศาสตร์และพัฒนาสังคม, 19(1), 175-190. สืบค้นจาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/261001
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2554). ทฤษฎีการประเมิน. กรุงเทพ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์. (2550). แนวคิดสู่การปฏิบัติ: แนวการจัดประสบการณ์ปฐมวัยศึกษา. กรุงเทพฯ: ดวงกมล.
สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์. (2558). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของเด็กปฐมวัย. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 16(1), 76-94. สืบค้นจาก https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jedu/article/view/6670/6292
สุธาสินี วิยาภรณ์. (2568). ความฉลาดทางอารมณ์กับความสามารถในการทำงานเป็นทีมของอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชน. วารสารวิชาการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, 14(1), 99-114. สืบค้นจาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/285280
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2563). รายงานผลการประเมินพัฒนาการนักเรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ปีการศึกษา 2563. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. สืบค้นจาก https://academic.obec.go.th/images/document/16491488 55_d_1.pdf
สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย. (2561). รายงานการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: กลุ่มสนับสนุนวิชาการและการวิจัย สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย.
อัจฉรีย์ ไกรกิจราษฎร์, รัชชุกาญจน์ ทองถาวร และ ไพบูลย์ อุปันโน (2564). การพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 23(2), 351-361. สืบค้นจาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/edujournal_nu/article/view/126400
อิสราภรณ์ ดาวราม. (2563). การสนับสนุนทางจิตใจและจิตสังคมสำหรับเด็กและครอบครัวระดับชุมชนในภาวะการระบาดโควิด-19. นนทบุรี: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
Bandura, A. (1986). Social foundations of thought and action: A social cognitive theory. New Jersey: Prentice-Hall.
Denham, S. A. (2006). Social-emotional competence as support for school readiness: What is it and how do we assess it?. Early Education and Development, 17(1), 57-89. https://doi.org/10.1207/s15566935eed1701_4
Elias, M., & Arnold, H. (2006). The educator’s guide to emotional intelligence and Academic achievement. Thousand Oaks, CA: Corwin Press.
Piaget, L. (1995). Sociological studies. (2nd ed.). New York: Routledge.
Tudge, J., & Rogoff, B. (1989). Peer influences on cognitive development: Piagetian and Vygotskian perspectives. In M. H. Bornstein & J. S. Bruner (Eds.), Interaction in human development (pp. 17–40). Lawrence Erlbaum Associates.