การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้วยการรำวงย้อนยุค

ผู้แต่ง

  • อรรถพล รอดแก้ว คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
  • อรรถพล รอดแก้ว คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

คำสำคัญ:

การส่งเสริมคุณภาพชีวิต, ผู้สูงอายุ, รำวงย้อนยุค

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้วยการรำวงย้อนยุค เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม เพื่อพัฒนารูปแบบส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุด้วยกิจกรรมรำวงย้อนยุค ในกลุ่มอาสาสมัคร จำนวน 43 คน ที่เป็นสมาชิกของโรงเรียนผู้สูงวัยพลายชุมพล ตำบลพลายชุมพล อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยการเลือกแบบเจาะจง ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม และการวิเคราะห์เชิงคุณภาพเพื่อพัฒนารูปแบบรำวงย้อนยุค และใช้แบบสอบถามและการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน เพื่อประเมินระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ

ผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นประวัติและความเป็นมาของรำวงย้อนยุคในบ้านพลายชุมพล ที่มีพัฒนาการมาจากท่ารำประกอบเพลงรำวงพื้นบ้านราว 100 ปีก่อน โดยที่ปัจจุบันบทเพลงและท่ารำของเพลงรำวงพื้นบ้านเหล่านี้ยังคงหลงเหลืออยู่ไม่มากนัก ต่อมาได้มีการจัดตั้งวงดนตรีในหมู่บ้านโดยมีกลอง 2 ลูก ฉิ่ง ฉาบ เป็นเครื่องดนตรีประกอบอย่างง่ายจนมีการพัฒนาขึ้นและสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รูปแบบรำวงย้อนยุคที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการออกกำลังกายของผู้สูงอายุนี้ เป็นการนำเอาเพลงรำวงพื้นบ้าน เพลงลูกทุ่งสมัยนิยม รวมถึงท่ารำ ท่าเต้น ที่ยังคงปรากฏอยู่ในพื้นที่มาประกอบเป็นชุดการออกกำลังกาย โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงของการออกกำลังกาย คือ 1) ช่วงอบอุ่นร่างกาย ประกอบด้วยบทเพลงและท่ารำของเพลงเดิน ย่าง ย่อง รำ และเพลงพวงมาลัย 2) ช่วงออกกำลังกาย ประกอบด้วยเพลงลูกทุ่งและท่าเต้นประกอบจังหวะ และ 3) ช่วงผ่อนคลาย ประกอบไปด้วยบทเพลงและท่ารำของเพลงรำวงพื้นบ้าน สำหรับผลการวิจัยในส่วนคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีระดับคุณภาพชีวิตตามเครื่องมือชี้วัดคุณภาพชีวิตขององค์การอนามัยโลก (WHOQOL-BREF-THAI) อยู่ในระดับที่ดี และมีระดับคุณภาพชีวิตไม่แตกต่างกันทั้งก่อนและหลังกิจกรรมรำวงย้อนยุค อันเนื่องมาจากผู้สูงอายุมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงปกติตามวัย และรู้สึกเป็นอิสระโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น ทำให้มีกำลังที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกาย การปฏิบัติกิจวัตรต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองเป็นอย่างดี นอกจากนี้พบว่าผลการวิจัยยังส่งผลให้เกิดสุขภาวะทางจิตสังคม โดยในด้านจิตใจ และอารมณ์ได้ส่งผลให้เกิดการผ่อนคลายความเครียด เกิดความสนุกสนาน มีความสุข เพลิดเพลินกับดนตรี ในด้านสังคมได้ส่งผลให้เกิดการพบปะกับผู้คนที่หลากหลาย เกิดการรวมกลุ่มและเป็นสังคมมากขึ้น

เอกสารอ้างอิง

จักรกริช กล้าผจญ. (2553). ดนตรีบำบัด: ภาพรวมและการนำไปใช้กับโรคและความผิดปกติทางระบบประสาท. เข้าถึงได้จากhttp://www.med.cmu.ac.th/dept/rehab/2010/images/.../

neurologic_music_thera- py. (วันที่สืบค้น 15 มีนาคม 2562).

ดวงจิตต์ นะนักวัฒน์. (2550).ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการดูแลตนเองของผู้สูงอายุ กรณีศึกษา ตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์:กรุงเทพฯ.

ภูริชญา เทพศิริ. (2555). คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในตำบลทองหลาง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก.หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก;กรุงเทพฯ.

เทศบาลตำบลพลายชุมพล. (2559). เทศบาลพลายชุมพลสภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน. เข้าถึงได้จากhttp://www. พลายชุมพล. com/index.php?mod=blog&path=web/blog&id_sub_menu=37&namemenu. (วันที่สืบค้น 14 กันยายน 2560).

มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2558). รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทยประจำปี 2558. กรุงเทพมหานคร: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).

ระพีพรรณ ขาวเรือง. (2550). บทบาทของดนตรีบำบัดที่มีต่อจิตบำบัด. สารนิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล.

วิภานันท์ ม่วงสกุล. (2558). การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังด้วยแนวคิดพฤฒพลัง. วารสารวิจัยสังคม, 38(2),93-112.

ศุภกิจ ศิริลักษณ์. (2557). เอกสารนำเสนอประกอบการประชุมวิชาการวิจัยระบบสุขภาพ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2557 “วิจัย...เปลี่ยนชีวิต” วันที่ 4-5 กันยายน 2557 ณ อิมแพคฟอรัมเมืองทองธานี.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก. (2559). รายงานประจำปี 2559. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก. พิษณุโลก.

สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ กรมการแพทย์. (2549). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2551. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.). กรุงเทพฯ.

World Health Organization. (1996). WHOQOL BREF introduction, administration, scoring and generic version of the assessment. Retrieved January 20, 2018,

from https://www.who.int/mental_health/media/en/76.pdf.

Mendoza-Ruvalcaba, N., & Arias-Merino, E. D. (2015). “I am active”: Effects of a program to promote active aging. Clinical Interventions in Aging, 10, 829-837. doi:10.2147/cia.s79511

United Nations. (2015). World Population Prospects: The 2015 Revision, Key Findings and Advance. New York: Department of Economic and Social Affairs.

World Health Organization. (2002). Active ageing: A policy framework.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

เผยแพร่ 2021-12-30 — ปรับปรุง 2022-02-15

เวอร์ชัน

รูปแบบการอ้างอิง

รอดแก้ว อ., & รอดแก้ว อ. (2022). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้วยการรำวงย้อนยุค. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 8(2), 49–67. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/johuru/article/view/251813 (Original work published 30 ธันวาคม 2021)