การพัฒนาท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์
บทคัดย่อ
การพัฒนาท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์นั้น มีวัตถุประสงค์คือเพื่อพัฒนาท่ารำนาฏศิลป์ ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อทดลองใช้ท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อประเมินความพึงพอใจของของครูที่มีต่อท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ ครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่มีความสนใจและรับผิดชอบในการสอนวิชานาฏศิลป์จำนวน 30 คนใช้เทคนิคเลือกแบบสมัครใจ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ชุดกิจกรรมการอบรมท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือ แบบทดสอบก่อนและหลังการอบรมแบบวัดทักษะทางด้านนาฏศิลป์ แบบสอบถามความพึงพอใจของครูที่มีต่อท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือและใช้ทฤษฎีองค์ประกอบการแสดง ทฤษฎีแสงและสี ประกอบกับขั้นตอนการพัฒนานวัตกรรม 7 ขั้นตอนของศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรมวงศ์ ที่ประกอบด้วย (1) ศึกษาองค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรม (2) สำรวจความต้องการเกี่ยวกับนวัตกรรม (3) ร่างกรอบแนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรม (4) สอบถามความเห็นผู้เชี่ยวชาญ (5) ยกร่างต้นแบบ เขียนรายงานการวิจัย (6) ทดสอบประสิทธิภาพและหรือรับรองต้นแบบชิ้นงานนวัตกรรมและ (7) ปรับปรุงและเขียนรายงานการวิจัย
ผลการวิจัยพบว่าด้านการพัฒนาท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงใช้วงปี่พาทย์เครื่องห้าประกอบโดยมีทำนอง เพลงร้องลาวเจริญศรีโดยได้แนวคิดในการแต่งเนื้อเพลงจากคำขวัญของจังหวัด มาเรียบเรียง ความคิดใหม่ตามความเหมาะสมกับบทเพลงมีความกระชับและเหมาะกับคนรุ่นใหม่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต เอกลักษณ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ด้านการแต่งกายนั้น ได้ออกแบบการแต่งกายให้ตอบสนองและส่งเสริมการแสดง อย่างเหมาะสม มีผู้แสดงมีจำนวน 12 คน และท่ารำประกอบการแสดงจัดลักษณะท่ารำ เป็นประเภทของการรำตีบททำท่ารำ ตามคำร้องของบทเพลง ยึดหลักนาฏยศัพท์ ภาษาท่านาฏศิลป์รวมทั้งท่ารำจากแม่บทใหญ่มาผสมผสานกับท่ารำนาฏศิลป์พื้นเมืองของทางภาคเหนือ ซึ่งมีท่ารำนาฏยลักษณ์จำนวน 8 ท่ารำและท่ารำหลักจำนวน 9 ท่ารำประกอบด้วย ท่ารำที่ 1 ท่ายลยินวัฒนธรรม ท่ารำที่ 2 ท่ากราบพระยาพิชัย ท่ารำที่ 3 ท่าเขื่อนสิริกิติ์ ท่ารำที่ 4 ท่าสักใหญ่ ท่ารำที่ 5 ท่าพระแท่นศิลาอาสน์ ท่ารำที่ 6 ท่าเหล็กน้ำพี้ ท่ารำที่ 7 ท่าลางสาด ท่ารำที่ 8 ท่าตำนานเมืองแม่ม่าย ท่ารำที่ 9 ท่าหลงลับแลอุตรดิตถ์ ผลการทดลองใช้ท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ คะแนนจากแบบทดสอบก่อนเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ เฉลี่ยเท่ากับ 8.29 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.79 คิดเป็นร้อยละ 41.45 และคะแนนจากแบบทดสอบหลังเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ เฉลี่ยเท่ากับ 16.5 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.01 คิดเป็นร้อยละ 82.58 โดยคะแนนเฉลี่ยแบบทดสอบ หลังเข้าร่วมกิจกรรมการอบรมโดยใช้ท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ซึ่งอยู่ในระดับดีมากผลการปฏิบัติทักษะนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่เกิดขึ้นหลังเข้าร่วมกิจกรรมอบรมทักษะปฏิบัติท่ารำนั้น ภาพรวมพบว่าครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 30 คน มีทักษะปฏิบัติเฉลี่ยเท่ากับ 4 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.79 คิดเป็นร้อยละ 80.27 ซึ่งผลอยู่ในระดับดีมาก ด้านความพึงพอใจต่อการพัฒนาท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครูในจังหวัดอุตรดิตถ์ พบว่าครูที่เข้าร่วมมีความพึงพอใจต่อท่ารำนาฏศิลป์ถิ่นท่าเหนือสำหรับครู ในจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (r = 3.91, SD = 0.73) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีคะแนนความพึงพอใจมากเรียงตามระดับความ พึงพอใจโดยข้อที่ได้คะแนนระดับความพึงพอใจสูงสุดคือคะแนน 4 ได้แก่
ข้อที่ 2,3,4,6,8,9 ระดับความพึงพอใจคะแนน 3.95 ได้แก่ข้อที่ 11 ระดับความพึงพอใจที่คะแนน 3.85 ได้แก่ขอที่ 5,7 ระดับความพึงพอใจคะแนน 3.7 ได้แก่ข้อที่ 1,10 ระดับความพึงพอใจมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.91 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับพึงพอใจมาก
เอกสารอ้างอิง
จุฑาภรณ์ วิลัยแก้ว. (2560). การถ่ายทอดภูมิปัญญาผ้าตีนจกไทยเลย สู่กระบวนการเรียนรู้ทางนาฏศิลป์ ในระดับอุดมศึกษา.มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย.
จังหวัดอุตรดิตถ์.(2563, 5 มกราคม). ประวัติจังหวัดอุตรดิตถ์.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก.www.uttaradit.go.th.
ชนิดา จันทร์งาม.(2560).การสร้างสรรค์อัตลักษณ์รำโทนของชุมชนบางกอกน้อย.คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี.
ชนัญชร หิรัญเชาว์ .(2564).การพัฒนาทักษะนาฏศิลป์ไทยและความคิดสร้างสรรค์ตามแนวคิดของเดวีส์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น. ศึกษาศาสตรมหาบันฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน.มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.กรุงเทพฯ.
ธีรวัฒน์ ช่างสาร.(2555). ระบำลีลานาฏกะ.วรสารมหาวิทยาลัยราชภัฏละยา ปีที่ 7 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน.
นฤมล พลคิด. (2555). ผลการใช้กิจกรรมนาฏศิลป์ชุดระบำบันเทิงไทยไตรรงค์ ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชานาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6.ครุศาสตรมหาบัณฑิต.สาขาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
พสิษฐ์สุธา มหายศนันท์และคณะ.(2562).นาฏศิลป์สร้างสรรค์ระบำกัมโพชบุรีศรีอุตระ.มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.
พัชรี จันทกุล. (2560). ผลการใช้ชุดกิจกรรมสาระนาฏศิลป์ โดยการใช้กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มสัมพันธ์ สำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6.หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต.มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
พลวัต วุฒิจักษ์.(2553).การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาจิตตปัญญาศึกษา สำหรับนักศึกษาครูเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะบัณฑิตครูที่พึงประสงค์.วิทยานิพนธ์สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน ภาควิชาหลักสูตรและการสอน.มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ระพินทร์ โพธิ์ศรี.(2549). การสร้างและวิเคราะห์คุณภาพเครื่องมือรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัย. คณะครุศาสตร์ อุตรดิตถ์. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.
วิบูรณ์ บูรณรมณ์. (2551). ตำนานเมืองอุตรดิตถ์. ป.การพิมพ์ : อุตรดิตถ์.
วิรุณ ตั้งเจริญ. (2535).ทฤษฎีสีเพื่อการสร้างสรรค์ศิลปะ. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
สุดารัตน์ อาฒยะพันธุ์และ ปัทมาวดี ชาญสุวรรณ.(2562). การประดิษฐ์สร้างนาฏยประดิษฐ์จากคติความเชื่อเรื่องนาค ศรัทธา นาคะ. วรสารช่อพะยอม ปีที่ 30 ฉบับที่ 2. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.
สุภาพ ฤทธิ์มหา. (2550).การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นนาฏศิลป์พื้นบ้าน ชุด รำผ้ามัดหมี่ย้อมคราม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5.ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน.มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรราชธานี
สุรพล วิรุฬห์รักษ์.(2547).หลักการแสดงนาฏยศิลป์ปริทรรศน์.สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.กรุงเทพฯ.
อาภรณ์ มนตรีศาสตร์.(2540). นาฏศิลป์สำหรับครูประถมศึกษา.กรุงเทพฯ : องค์การค้าคุรุสภา.
อภิญญา เวียงใต้. (2554). การพัฒนาชุดกิจกรรมสาระนาฏศิลป์ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มสัมพันธ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
อรวรรณ นุ่มเจริญ. (2550).นาฏยประดิษฐ์ของศูนย์วัฒนธรรมอำเภอพระประแดง.ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความเป็นลิขสิทธิของคณะมส. มรภ อต.