การศึกษาคำเรียกรสในภาษาบีซูตามแนวอรรถศาสตร์ชาติพันธุ์
คำสำคัญ:
บีซู คำเรียกรส อรรถศาสตร์ชาติพันธ์บทคัดย่อ
การศึกษาคำเรียกรสในภาษาบีซูตามแนวอรรถศาสตร์ชาติพันธุ์มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหน่วยประกอบในการสร้างคำเรียกรส และการจำแนกคำเรียกรสในภาษาบีซู ซึ่งการศึกษานี้ผู้ศึกษาได้เก็บข้อมูลจากผู้บอกภาษาโดยการสัมภาษณ์และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หน่วยประกอบและจัดจำแนกประเภทของคำเรียกรส ผลการศึกษาพบว่าในภาษาบีซูสามารถแยกหน่วยประกอบซึ่งแบ่งตามประเภทของคำเรียกรสได้เป็นคำเรียกรสชาติเดี่ยว และคำเรียกรสชาติประสม โดยคำเรียกรสชาติเดี่ยวจะมีหน่วยประกอบคือหน่วยหลักและหน่วยขยาย ซึ่งสามารถปรากฏเฉพาะหน่วยหลักเพียงอย่างเดียว หรือปรากฏในรูปหน่วยหลักกับหน่วยขยาย โดยสามารถมีหน่วยขยายได้ 3 ลักษณะคือ หน่วยหลักซ้ำรูปเพื่อเน้นย้ำให้รสชาติชัดเจนมากขึ้น หน่วยขยายหน้าแสดงคำบ่งการเรียกรสหรือการปฏิเสธ และหน่วยขยายท้ายแสดงระดับของรสชาติ ส่วนคำเรียกรสชาติประสมพบว่าในภาษาบีซูมีอยู่ 2 ลักษณะ โดยอยู่ในรูปของหน่วยประกอบที่เกิดจากการนำเอาหน่วยหลัก 2 หน่วย มาเรียงต่อกันเลย หรือการนำเอาหน่วยหลัก 2 หน่วย มาเรียงต่อกันโดยมีคำเชื่อมคั่น
นอกจากนี้คำเรียกรสในภาษาบีซูสามารถจำแนกประเภทได้เป็นคำเรียกรสชาติต้นแบบและคำเรียกรสชาติที่ไม่ใช่ต้นแบบ ซึ่งพบว่าคำเรียกรสชาติต้นแบบมี 8 คำคือ /aŋʧaw/:รสหวาน /aŋblə/:รสจืด /aŋʧɨ/:รสมัน /aŋʧen/:รสเปรี้ยว /aŋkhà/:รสขม /aŋjáŋ/:รสเค็ม /aŋphan/:รสฝาด และ /aŋphi/:รสเผ็ด และคำเรียกรสชาติที่ไม่ใช่ต้นแบบสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทคือ ทัศนคติพบ 2 คำ คือ /aŋʦabɨ/:รสอร่อย และ /kampɔ/:รสกลมกล่อม กลิ่นพบ 4 คำ คือ /aŋhɔm/:รสหอม /aŋhnam/:รสเหม็น /aŋkhiw/:รสขิ่ว และ /aŋsap/:รสคาว กายสัมผัสพบ 5คำ คือ /aŋʦɨ/:รสเย็น /aŋhlɔŋ/:รสร้อน /aŋhjàŋ/:รสคัน /aŋsɨn/:รสชุ่ม และ /aŋhjam/:รสชา และลักษณะเนื้อวัตถุพบ 3 คำ คือ /aŋphɔj/:รสกรอบ /aŋhnəŋ/:รสเหนียว และ /aŋdɔ/:รสนุ่ม จากการศึกษาพบว่าชาวบีซูไม่ได้ให้ความสำคัญกับรสชาติหลักของอาหาร แต่ให้ความสำคัญกับทัศนคติที่มีต่ออาหารชนิดนั้นๆ มากกว่า และมักนิยมบริโภคอาหารตามรสที่มีในธรรมชาติและปรุงแต่งอาหารน้อย
เอกสารอ้างอิง
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันราชภัฎเชียงราย. (2540). ข้อมูลชุมชน(พื้นที่สูง) กลุ่มชาติพันธุ์ละว้า บ้านดอยชมพู. [เอกสารอัดสำเนา]. เชียงราย : สถาบันราชภัฎเชียงราย.
ทีมวิจัยชุมชนชาวบีซู บ้านดอยชมภู ต.โป่งแพร่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย. (2559). บีซู จี่ต่าง อางเกิ่งอางกอ อางลีบอาง ลาว ภาษา วัฒนธรรม ประเพณีของชาวบีซู. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อ ท้องถิ่น และศูนย์ศึกษาและฟื้นฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต.
ธีระพันธุ์ ล.ทองคำ. (2535). คำเรียกสีในภาษาเย้า (เมี่ยน). กรุงเทพมหานคร : โครงการวิจัยภาษาและวัฒนธรรม หน่วยปฏิบัติการวิจัยทางภาษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พรลัดดา เมฆบัณฑูรย์.(2547). การศึกษาคำเรียกรสและทัศนคติเกี่ยวกับรสในภาษาจีนแต้จิ๋วตามแนวอรรถศาสตร์ชาติพันธุ์. [วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2554. กรุงเทพ : นานมีบุ๊ค, 2556.
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลห้วยส้านพลับพลา. (2565). สถิติผู้ป่วยโรคติดต่อไม่เรื้อรังบ้านดอยชมภู. [เอกสารอัดสำเนา]. เชียงราย : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลห้วยส้านพลับพลา.
ฤทัย พานิช. (2560). การศึกษาคำศัพท์พื้นฐานในภาษาบีซู: กรณีศึกษาคำศัพท์ทางภูมิศาสตร์. วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ปริทัศน์. 4(2), 62-83.
สุพัตรา จิรนันทนาภรณ์ และอัญชลี สิงห์น้อย. (2552). รายงานการวิจัยคำเรียกรสของกลุ่มชาติพันธุ์ไทในเขต ภาคเหนือตอนล่าง : กรณีศึกษาในแนวอรรถศาสตร์ชาติพันธุ์. [เอกสารไม่ได้ตีพิมพ์] คณะมนุษยศาสตร์, มหาวิทยาลัยนเรศวร.
อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์.(2538). คำเรียกสีและการรับรู้สีของชาวจ้วงและชาวไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538.
อัญชลิกา ผาสุขกิจ. (2543). คำเรียกรสในภาษาไทยถิ่นตามแนวอรรถศาสตร์ชาติพันธุ์. [วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิตไม่ได้ตีพิมพ์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อัญชลี สิงห์น้อย วงศ์วัฒนา, และสุพัตรา จิรนันทนาภรณ์. (2556). การศึกษาคำเรียกชื่อพืชในกลุ่มภาษาชาติพันธุ์ไท ในเขตภาคเหนือ. วารสารมหาวิทยาลัยนเรศวร. 21(1), 72-92.
Backhouse, A.E.(1994). The Lexical Field nof Taste :A Semantic Study of Japanese Taste Term. London: Cambridge University Press.
David Day, G.R. (2009). The Doi Chom Phu Bisu Noun Phrase. [Unpublished master’s Tnesis]. Payap University.
Hongli, J.(2005). A Study of Language use and Language Attitude among Bisu Speakers in China and Thailand. [Unpublished master’s Tnesis]. Payap University.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความเป็นลิขสิทธิของคณะมส. มรภ อต.