การศึกษาปัญหาการแปลบทขยายและส่วนเสริมจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาการแปลบทขยายและส่วนเสริมจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ความหมายในฉบับแปลคลาดเคลื่อนไปจากต้นฉบับ โดยปัญหานี้เกิดขึ้นทั้งในกลุ่มผู้แปลมือใหม่และในกลุ่มนักแปลอาชีพ ผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาโดยรวบรวมประเด็นการแปลจากผลงานการแปลของผู้เรียนวิชาการแปลและการล่าม ตลอดจนผลงานการแปลที่ผู้วิจัยได้ตรวจในฐานะบรรณาธิการงานแปล ผู้วิจัยได้นำเสนอผลการวิจัยโดยแบ่งเป็นการแปลบทขยายซึ่งประกอบด้วยบทขยายนาม บทขยายภาคแสดง และการแปลส่วนเสริมตามหลักไวยากรณ์จีน ผลการศึกษาพบว่าการแปลประโยคที่มีบทขยายนาม บทขยายภาคแสดงและส่วนเสริมภาษาจีนเป็นภาษาไทยจะมีความยากในกรณีที่บทขยายซับซ้อน ปรากฏหลายหน่วยพร้อมกัน หรือใช้ศัพท์ยาก ในกรณีของส่วนเสริมต้องระมัดระวังในเรื่องการวิเคราะห์และการใช้ภาษา ไม่แปลตรงจากภาษาจีนเพราะทำให้ความหมายคลาดเคลื่อน งานวิจัยนี้ได้เสนอวิธีการจัดการกับปัญหาด้วยขั้นตอน 3 ประการคือ ผู้แปลต้องเข้าใจความหมายอย่างแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังภาษาและโครงสร้างภาษา “ผละ” ออกจากโครงสร้างภาษาต้นฉบับ และเรียบเรียงใหม่เป็นภาษาที่สื่อความในภาษาฉบับแปล ทั้งนี้ผู้แปลจะกระทำเช่นนั้นได้ ต้องมีพื้นฐานทางไวยากรณ์ที่ดีทั้ง 2 ภาษาและฝึกฝนการวิเคราะห์และการถ่ายทอดความหมายอย่างสม่ำเสมอ
Article Details
บทความทุกบทความเป็นลิขสิทธิ์ของภาษาและภาษาศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
ธีรวัฒน์ ธีรพจนี. (2555). การใช้ตัวแบบโครงสร้างมูลฐานของเหตุการณ์กับการสอนส่วนเสริม บอกผลในภาษาจีน. วารสารจีนวิทยา, 6(1), 177-201.
ธีรวัฒน์ ธีรพจนี. (2557). การศึกษาการเลือกใช้คำภาษาไทยเพื่อเทียบเคียงความหมาย กับส่วนเสริมกริยาบอกผลในภาษาจีนกลาง. วารสารจีนวิทยา, 8(1), 123-150.
ธีรวัฒน์ ธีรพจนี. (2563). การศึกษาวิเคราะห์คุณลักษณะของหน่วยสร้างกริยา-ผลเพื่อการสอน ภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศ. วารสารภาษาและภาษาศาสตร์, 38(1), 61-81.
วรรณา แสงอร่ามเรือง. (2563). ทฤษฎีและหลักการแปล. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุพรรณี ปิ่นมณี. (2562). แปลผิด แปลถูก คัมภีร์การแปลยุคใหม่. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Zhen, M. (2017). A concise practical Chinese grammar course. Beijing, China: Peking University Press.