ขอบเขตของคำสั่งศาลต่อผู้ให้บริการตามกฎหมายไทยในกรณ๊การละเมิดลิขสิทธิ์ของบุคคลที่สาม เปรียบเทียบกับแนวทางของสหภาพยุโรป

ผู้แต่ง

  • ชีวิน มัลลิกะมาลย์ นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัย Strathclyde สหราชอาณาจักร

คำสำคัญ:

การละเมิดลิขสิทธิ์, คำสั่งศาลที่มีต่อตัวกลางอินเทอร์เน็ต, พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537, กรอบกฎหมายของสหภาพยุโรป

บทคัดย่อ

     บทความฉบับนี้มุ่งหมายที่จะศึกษาขอบเขตของคาสั่งศาลที่มีต่อผู้ให้บริการภายใต้กฎหมายไทย โดยการ
เปรียบเทียบกับกรอบทางกฎหมายของสหภาพยุโรป เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์ของประเทศไทยได้มีการแก้ไขให้ผู้ทรง
ลิขสิทธิ์สามารถขอคาสั่งศาลให้ผู้ให้บริการ ทาให้การละเมิดลิขสิทธิ์ในระบบของผู้ให้บริการสิ้นสุดลงได้ การศึกษาพบว่า
กฎหมายลิขสิทธิ์ได้มีบทบัญญัติก่อนที่จะมีการแก้ไข ซึ่งอนุญาตให้ผู้ทรงลิขสิทธิ์ขอคาสั่งศาลให้บุคคลที่ละเมิดลิขสิทธิ์
หยุดการละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายและฟ้องคดีอาญา อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่แก้มาใหม่นั้น ไม่ได้
กาหนดว่า ผู้ทรงลิขสิทธิ์จะต้องพิสูจน์ว่า ผู้ให้บริการได้ละเมิดสิทธิ์ของตน แต่คาขอบังคับจะถูกจากัดเฉพาะคาสั่งศาลให้
หยุดการละเมิดเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสหภาพยุโรปแล้ว ผู้ทรงลิขสิทธิ์สามารถขอให้ศาลสั่งให้ผู้ให้บริการ ทาให้การ
ละเมิดลิขสิทธิ์สิ้นสุดลง รวมไปถึงการบังคับให้ผู้ให้บริการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การบังคับ
ให้ป้องกันนั้น มีข้อจากัดที่สาคัญคือ ข้อจากัดภายใต้กฎบัตรว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐาน และข้อจากัดภายใต้กฎหมายที่
กาหนดกรอบคาสั่งศาล อย่างไรก็ตาม กฎหมายไทยไม่ได้อนุญาตให้ศาลมีคาสั่งให้ผู้ให้บริการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์
เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ให้บริการได้ละเมิดลิขสิทธิ์เอง ดังนั้น หากกฎหมายต้องการจะให้ผู้ทรงสามารถขอให้ผู้ให้บริการ
ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ ในกรณีนี้ ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย การศึกษายังพบอีกว่า กฎบัตรว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐาน
สามารถเปรียบเทียบได้กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งอาจจะมีผลต่อคาสั่งนั้นได้ นอกจากนี้ ผู้ทรงลิขสิทธิ์
ไม่สามารถขอให้ศาลมีคาสั่งให้ผู้ให้บริการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ เพราะอาจเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ภายใต้
กฎหมายไทย การที่จะบังคับให้ผู้ให้บริการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ ผู้ทรงลิขสิทธิ์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ให้บริการละเมิด
ลิขสิทธิ์

เอกสารอ้างอิง

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับ 2) พ.ศ. 2558
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

Council Directive 2000/31/EC of 8 June 2000 on certain legal aspects of information society services, in
particular electronic commerce, in the Internal Market (Directive on electronic commerce) [2000] OJ
L178.
Council Directive 2001/29/EC of 22 May 2001 on the harmonisation of certain aspects of copyright and
related rights in the information society [2001] OJ L167.
Council Directive 2004/48/EC of 29 April 2004 on the enforcement of intellectual property rights [2004] OJ
L157. European Commission, ‘Report from the Commission to the European Parliament, the Council
and the European Economic and Social Committee – First Report on the application of Directive
2000/31/EC of the European Parliament and of the Council of 8 June 2000 on certain legal aspects of
information society services, in particular electronic commerce, in the Internal Market’ (Directive on
electronic commerce) (21 November 2003).
OECD, The Role of Internet Intermediaries in Advancing Public Policy Objective (OECD Publishing 2011).

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-07-09

รูปแบบการอ้างอิง

มัลลิกะมาลย์ ช. (2019). ขอบเขตของคำสั่งศาลต่อผู้ให้บริการตามกฎหมายไทยในกรณ๊การละเมิดลิขสิทธิ์ของบุคคลที่สาม เปรียบเทียบกับแนวทางของสหภาพยุโรป. วารสารกฎหมายนิติพัฒน์ นิด้า, 8(1), 3–21. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/nitipat/article/view/202064

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ