การวิเคราะห์ผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่มธนาคารพาณิชย์

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาเศรษฐกิจและการแข่งขันในอุตสาหกรรมของหลักทรัพย์กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 2) เพื่อศึกษาผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนในหลัก-ทรัพย์กลุ่มธนาคารพาณิชย์
3) เพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยการวิจัยในครั้งนี้ได้ทำการศึกษาหุ้นสามัญในหลักทรัพย์กลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 11 หลักทรัพย์ ใช้ข้อมูลราคาปิดของหลักทรัพย์กลุ่มธนาคารพาณิชย์ในแต่ละวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 118 วันทำการ

          จากผลการศึกษาการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ พบว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไตรมาสที่ 2 ปี 2558 ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตามแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐ ขณะที่การใช้จ่ายภาคเอกชนยังคงอ่อนแอและการส่งออกสินค้ายังซบเซาจากทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างด้านการผลิตของไทยและการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีนและอาเซียน ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบแต่มีแนวโน้มที่จะพ้นระดับต่ำสุดในไตรมาสนี้ก่อนปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องและเงินสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ระยะสั้นอยู่ในเกณฑ์มั่นคง ส่วนรวมเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีทิศทางฟื้นตัวตามเศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่กลับมาฟื้นตัวภายหลังปัจจัยลบชั่วคราวจากสภาพอากาศรุนแรงในไตรมาสแรกหมดไป ขณะที่เศรษฐกิจจีนทรงตัว ส่วนเศรษฐกิจเอเชียชะลอตัวต่อเนื่อง ในส่วนของการศึกษาอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ พบว่า มีเพียง 2 หลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน คือ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) และบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) โดยหลักทรัพย์ TISCO เป็นหลักทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อวันมากที่สุด อยู่ที่อัตราร้อยละ 0.0736 ต่อวัน และมีความเสี่ยงที่เป็นระบบของหลักทรัพย์หรือค่าเบต้าน้อยที่สุด อยู่ที่ 0.2268 จึงสามารถสรุปได้ว่า หลักทรัพย์ TISCO เป็นหลักทรัพย์ที่เหมาะสมแก่การลงทุนมากที่สุดในหลักทรัพย์กลุ่มธนาคารพาณิชย์