Development of Isan Jewelry
Yauwalak Chuathong
Keywords:
Isan, jewelry, silver, gemsAbstract
The Article were to study the development of the jewelry in Isan communities and to explore the factors involved. This study is a qualitative
study using the survey, observation, interview, and focus-group discussion as the data-collecting instrument. The communities included in this study
were 4 areas in Northeastern Thailand: 1) Baan KhwaoSinarin, KhwaoSinarin District in Surin province, 2) Baan NongKhu, UtumpornPisai District, in Sisaket province, 3) Baan Pa-Ao, Muang District, in UbonRatchatani province, and 4) Baan NongHee, PlaPak District, in NakhonPhanom province. Development of Isan Jewelry was initiated since prehistoric times, and has been passed down to the present. The Jewelry production in the Isan community, a successive inheritance from generation to generation, and there are long-standing craftsmen. Until the identity of Isan Jewelry to this day. Concerning the jewelry patterns, it is found that the jewelry has a nature-imitating designs reflecting surroundings and cultures through its shapes. In terms of aesthetics, the traditional jewelry previously possessed a sense of unity and balance, and the designs later transformed to the more contemporary version. In the past, the key materials of the jewelry were gold, silver, and semi-precious stone before shifting to the currently used materials including silver, brass, gems, synthetic gemstone, and Naga gemstone. Unlike the previous aspects, the traditional production procedures including molding, rolling, bending, welding, Etching, Black lacquer, polish and lost wax casting have remained unchanged. The jewelry which was previously considered as sacred objects is now seen as lucky charms instead and Gems consistent with belief. Likewise, the purposes of the jewelry use switched from the representation of socioeconomic status and elements of
ceremonies to decoration and adornment.
References
กรมศิลปากร. (2548). สำริดโลหะที่เปลี่ยนโลก. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์พริ้นแอนด์ พับลิชชิ่ง.
กอบกุล ชำนาญหมอ. (2537). การประกอบอาชีพทำเครื่องเงิน “ประเกือม” ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์. [ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา ]. มหาสารคาม: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม.
กุลธิดา พิพัฒน์จรัสสกุล. (2535). การฝังศพที่พบเครื่องประดับร่วมกับโครงกระดูกจากแหล่งโบราณคดี สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. [วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดี]. กรุงเทพมหานคร: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปกร.
จิราภรณ์ วุฒิพันธุ์. (2535). เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของการฟ้อนผู้ไทยว่านอกจากภาษาพูดวัฒนธรรมประเพณีความเชื่อและการฟ้อนที่เป็นคันโช้ง ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ก่อนและหลังการก่อสร้างเขื่อนแควน้อย. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2542). รายงานการวิจัยเรื่อง เศรษฐกิจสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญของไทย 5 รายการกรณีศึกษา : อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จุฬาลักษณ์ อาจมาก. (2546). เทคนิคและการออกแบบลวดลายบนเครื่องเงินของหมู่บ้านวัวลายอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์. (2544). การศึกษารูปแบบเครื่องประดับอัญมณีเพื่อพัฒนาตสาหกรรมการส่งออก. [ม.ป.ท.]: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร. (2555). สัญวิทยาโครงสร้างนิยม หลังโครงสร้างนิยม กับการศึกษารัฐศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: วิภาษา.
ณัฏฐา ชื่นวัฒนา. (2550). กระดึงและกระพรวนสำริดสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย : การผลิตรูปแบบ และการกระจายตัว มุมมองจากหลักฐานทางโบราณคดีในประเทศไทย. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ธนกฤต ใจสุดา. (2556). การออกแบบและพัฒนาเครื่องประดับเงินร่วมสมัยจากอัตลักษณ์ชาวเขวเผ่าเมี่ยน เพื่อเพิ่มมูลค่า : กรณีศึกษา บ้านป่ากลาง อำเภอปัวจังหวัดน่าน.[ปริญญานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบ].กรุงเทพมหานครฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
บวรเดช ประหนุ. (2558). เครื่องประดบัของชาวอีสานใต้. [วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการวิจัยทางศิลปกรรมศาสตร์]. มหาสารคาม: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
บัณฑิตหญิง ปัญญาโน. (2554). การพัฒนาเครื่องประดับร่วมสมัย : กรณีศึกษาลูกประเกือมที่จังหวัด. [ม.ป.ท.: ม.ป.พ.; ม.ป.ป.].
ปริศนา บุญศักดิ์. (2555). การศึกษาการออกแบบเครื่องประดับด้วยเทคนิคการปั้มขึ้นรูปโดยใช้วัสดุแผ่นดินกระดาษเซรามิก. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีนครินทวิโรฒ.
มัย ตะติยะ. (2547). สุนทรียภาพทางทัศนศิลป์. กรุงเทพมหานคร: วาดศิลป์. วรรณรัตน์ ตั้งเจริญ. (2542). อัญมณีไทย. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
วรรณรัตน์ อินทร์อํ่าา. (2536). ศิลปะเครื่องประดับ. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
วรวิทย์ สินธุระหัส. (2555). รูปแบบลวดลายเครื่องประดับทองคำจากกรุปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ พระนครศรีอยุธยา. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วิเชียร นามการ. (2555). การศึกษาอิทธิพลความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีผลต่อสังคมไทยปัจจุบัน.[ม.ป.ท.:ม.ป.พ.].
ศุภชัย พานิชสมบัติ. (2543). พฤติกรรมผู้บริโภคสินค้าประเภทเครื่องประดับแร่เงินของร้านค้าในเขตกรุงเทพมหานคร.[รายงานการศึกษาอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต].กรุงเทพมหานคร: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ศุภชัย สิงห์ยะบุศย์. (2546). ทัศนศิลป์ปริทัศน์. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร; 2546.
สุริยา โชคสวัสดิ์ และคณะ. (2551). หัตถกรรมทองเหลือง บ้านปะอาว มรดกทางศิลปวัฒนธรรมจากภูมิปัญญาโบราณ.อุบลราชธานี: มหาวิทยาลยัอุบลราชธานี.
อมรา พงศาพิชญ์. (2549). ความหลากหลายทางวัฒนธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 5.กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรพินท์ พานทอง และคณะ. (2544). ความเป็นไทยเพื่อประยุกต์ใช้ในการออกแบบเครื่องประดับ.[ม.ป.ท.]: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
อุดม บัวศรี. (2540). วัฒนธรรมอีสาน. ขอนแก่น: ภาควิชามนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.