การพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคโลกาภิวัตน์
คำสำคัญ:
การพัฒนา, ยุคโลกาภิวัตน์, ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเชิงวัฒนธรรมบทคัดย่อ
ศึกษาวิจัยเรื่อง “การพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคโลกาภิวัตน์” เกิดจากในปัจจุบันพระภิกษุสามเณรมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ เนื่องด้วยวัด อารามต่าง ๆ เป็นที่สนใจของชาวต่างชาติและทางรัฐบาลไทยในปัจจุบันมีนโยบายให้วัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ดังนั้นมัคคุเทศก์ที่เข้าใจในด้านพระพุทธศาสนาหรือเป็นเจ้าของสถานที่ดีที่สุดก็คือพระภิกษุสามเณรผู้อาศัยอยู่ในวัดหรืออารามนั้น วัตถุประสงค์หลักของแผนการวิจัย คือ 1) พัฒนาคู่มือการจัดเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร 2) พัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร 3) พัฒนารูปแบบสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสำหรับพระภิกษุสามเณร และ 4) วิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคและความพึงพอใจในการใช้ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานโดยใช้วิธีการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งการศึกษาวิจัยเชิงเอกสาร การวิจัยเชิงปริมาณ การวิจัยเชิง และการวิจัยเชิงปฏิบัติการ โดยตัวแทนพระสงฆ์จำนวน 25 วัด รวมประชากรกลุ่มตัวอย่างและผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น จำนวน 320 รูป/คน ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาการพัฒนาคู่มือการจัดเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร พบว่า ความคิดเห็นของพระภิกษุสามเณรโดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.39 ซึ่งตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อยู่ในระดับมาก, ความคิดเห็นและระดับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคู่มือสื่อการจัดการเรียนรู้ทางด้านภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร พบว่า ความคิดเห็นของพระภิกษุสามเณรโดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.39 ซึ่งตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อยู่ในระดับมาก, การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การทดสอบก่อนใช้คู่มือสื่อการจัดการเรียนรู้และหลังการใช้คู่มือสื่อการจัดการเรียนรู้ทางด้านภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร พบว่า พระภิกษุสามเณร ในโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษามีผลการทดสอบก่อนการใช้คู่มือสื่อการเรียนรู้และหลังการใช้คู่มือสื่อการเรียนรู้ทางด้านภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 2) ผลการศึกษาการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร พบว่า พระภิกษุสามเณร มีความต้องการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จำนวน 179 คน คิดเป็นร้อยละ 71.6 และไม่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จำนวน 71 คน คิดเป็นร้อยละ 28.4 ตามลำดับ, การเปรียบเทียบการทดสอบก่อนและหลังการอบรมถวายความรู้ให้กับพระภิกษุสามเณรที่กำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา พบว่า พระภิกษุสามเณรที่กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษามีผลการทดสอบก่อนการถวายการอบรมและหลังการถวายการอบรมภาษาอังกฤษ แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05, กระบวนการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของพระภิกษุสามเณรในวัดอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเขตจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ความคิดเห็นของพระภิกษุสามเณรโดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.29 ซึ่งตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อยู่ในระดับมาก 3) ผลการศึกษาการพัฒนารูปแบบสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสำหรับพระภิกษุสามเณร พบว่า ความคิดเห็นของพระภิกษุสามเณรโดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.29 ซึ่งตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อยู่ในระดับมาก, ผลสัมฤทธิ์สื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร การเปรียบเทียบการทดสอบก่อนการใช้สื่อการเรียนการสอนและหลังการสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร พบว่า พระภิกษุสามเณร ในโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษามีผลการทดสอบก่อนการใช้สื่อการเรียนการสอนและหลังการสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 4) ผลการศึกษาการวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคและความพึงพอใจในการใช้ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พบว่า ปัญหาและอุปสรรค คือ (1) การไม่มีเวลาฝึกฝนในการพูดภาษาอังกฤษ ขี้เกียจฝึกฝน ไม่ซ้อมพูด ไม่ตั้งใจ ไม่มุมานะอดทนเพียรพยายามในการพูดภาษาอังกฤษ (2) การยึดติดกับความเคยชินตั้งแต่ดั้งเดิม เกิดจากการเขินอาย ไม่กล้าที่จะทำ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าออกเสียงสำเนียงให้เหมือนฝรั่งกลัวออกเสียงผิด (3) การไม่รู้ (4) การไม่รู้ไวยากรณ์ (5) การไม่ได้พูดมานานแล้วลืม, ความพึงพอใจในการใช้ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พบว่า ความพึงพอใจของพระภิกษุสามเณรโดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.40 ซึ่งตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อยู่ในระดับมาก ความพึงพอใจในการใช้สื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับพระภิกษุสามเณร พบว่า ความพึงพอใจของพระภิกษุสามเณรโดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.44 ซึ่งตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อยู่ในระดับมาก