Tai- Chi: Science of Life Balance

Authors

  • Pattanan Lertkoon-atinon Faculty of Liberal Arts, Huachiew chalermprakiet University

DOI:

https://doi.org/10.14456/lar.2022.20

Keywords:

Tai Chi, Balance of Life, Yin and Yang, Principles of Practice

Abstract

This article aimed to present Tai Chi, the cultural heritage of the Chinese people which has been a science and martial arts that has a variety of different postures. Tai chi shows strength and tenderness in the form of slow body movements with graceful style from one pose to another continuously without stopping like a flowing stream. Each move has been inspired by the movements of animals, including the philosophy of Taoism, Confucianism, and the combination of knowledge of traditional Chinese medicine to balance the Yin and Yang. It is the nature of differences that can coexist in balance. Tai Chi is a way to stimulate the potential in the body of a person. It is a form of exercise and meditation in gentle, continuous movements in a circle using feeling and meditation together to regulate blood flow and achieve proper breathing. This has helped balancing Yin and Yang in the body. Therefore, Tai Chi has been an exercise suitable for all genders and ages. It is beneficial to the development of the body, mind and society, as well as to prevent and cure diseases, which lead to a balance of life.

References

กระทรวงสาธารณสุข. (2564). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2563. กรุงเทพมหานคร: กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กลุ่มข้อมูลข่าวสารสุขภาพ.

กระทรวงสาธารณสุข. (2565). รายงานประจำปีกรมสุขภาพจิต ปีงบประมาณ 2564. กรุงเทพมหานคร: กรมสุขภาพจิต.

คณิต ครุฑหงษ์. (2527). มวยไท้เก๊ก. กรุงเทพมหานคร: สุขภาพใจ.

จัตุรัส (นามแฝง). (2533). ไทเก๊กและการฝึกสมาธิ. กรุงเทพมหานคร: รุ้งประสานสาย.

จันทร์เพ็ญ ทองตระกูล. (2548). ความคาดหวังของประชาชนต่อประโยชน์ที่จะได้รับจากวิถีสุขภาพแบบองค์รวม: ศึกษาเฉพาะกรณีประชาชนที่ออกกำลังกายแบบไทเก๊กในเขตจังหวัดราชบุรี. (ปริญญานิพนธ์มหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพมหานคร.

นิภา คูรัตน์. (2556). การออกกำลังกายด้วยการรำมวยจีน. กรุงเทพมหานคร: ชมรมข้าราชการและครูอาวุโส กระทรวงศึกษาธิการ.

ประวัติสมาคมไทเก๊ก (ประเทศไทย). (25 ธันวาคม 2555). สมาคมไทเก๊ก (ประเทศไทย) THE TAIJI ASSOCIATION [THAILAND]. ค้นคืนจาก: http://taijiasso.blogspot.com/?m=1

ปุณยภัสร์ ศิริธีราฐิติกุล, และณรงค์ ใจเที่ยง. (2564). หลักการป้องกันโรคตามแนวทางศาสตร์การแพทย์แผนจีน. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 15(37), 196-209.

พรประภา สุทธิจิตร. (2562). การเสริมสร้างสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุโดยการรำไทเก๊กเชิงพุทธบูรณาการ. (ปริญญานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.

พรประภา สุทธิจิตร. (2563). ไทเก๊ก: การบริหารกายเพื่อการพัฒนาจิตของผู้สูงอายุ. วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์, 1(1), 39-51.

พรประภา สุทธิจิตร, ประพันธ์ ศุภษร, และตวงเพชร สมศรี. (2562). การใช้สติปัฏฐาน 4 ในการรำไทเก๊กเพื่อเสริมสร้างสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุ. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(10), 4898-4913.

ภูวนาถ พิมพ์บูลย์, สาลี่ สุภาภรณ์, และประสิทธิ์ ปีปทุม. (2564). ผลของการฝึกชิกง ไท้จี๋และโยคะที่มีต่อการทรงตัวและสมรรถภาพทางกายในหญิงสูงอายุ. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน, 27(1), 97-109.

มงคล ศริวัฒน์. (2553). ลมหายใจเป็นยา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: สุขภาพองค์รวม.มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. (2562). รายงานสรุปและประเมินผล โครงการแข่งขันไท้เก๊ก มฉก. ครั้งที่ 5 เฉลิมฉลอง 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง. สมุทรปราการ: สำนักพัฒนานักศึกษา, แผนกส่งเสริม

ศักยภาพนักศึกษาและการกีฬา.

มานิต อุดมคุณธรรม. (2562). แก่นไท้เก๊ก. สงขลา: ธนพงษ์การพิมพ์.โรงพยาบาลรามาธิบดี ชูไอเดียออกกำลัง “ไทชิ ชี่กง” ลดอาการโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง. (5 พฤศจิกายน 2555). MGR online. ค้นคืนจาก: https://mgronline.com/qol/detail/9550000134742

รุ่งกานต์ แซ่แต้. (2561). ผลของการฝึกชิกงร่วมกับโยคะและการฝึกชิกงอย่างเดียวที่มีต่อการความกลัวการล้มและสุขภาพองค์รวมของผู้สูงอายุ. (ปริญญานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพมหานคร.

วันวิสาข์ สายสนั่น ณ อยุธยา, อานนท์ วรยิ่งยง, และธนันต์ ศุภศิริ. (2559). ชี่กงกับภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ. วารสารสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 1(1), 30-38.

วิภา รัตนวงศาโรจน์. (2564). บทบาทหน้าที่การสื่อสารเพื่อสุขภาพในมุมมองของคนรุ่นใหม่ต่อการรำไทเก๊ก. วารสารวิจัยราชภัฏธนบุรี รับใช้สังคม, 7(1), 131-144.

วิวัฒน์ จิตตปาลกุล. (2537). ไท้จี๋/ไท้เก๊ก. นนทบุรี: แสงทอง พริ้นติ้ง.

สาลี่ สุภาภรณ์. (2554). ประสบการณ์ในการเรียนวิชาไท้จี๋ ชิกง. วารสารคณะพลศึกษา, 14(2), 123-134.

สุพรรณ สุขอรุณ, อรรถกร ปาละสุวรรณ, ดรุณวรรณ สุขสม, และฉัตรดาว อนุกูลประชา. (2554). ผลของการฝึกไทชิโดยเน้นการหายใจต่อสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุ. กรุงเทพมหานคร: ทุนวิจัยกองทุนรัชดาภิเษกสมโภชและทุนวิจัยภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2554. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุพล โล่ห์ชิตกุล. (2547). ไท้เก๊ก โยคะ สมาธิ อุบายวิธีสู่ความสงบเย็น (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: สุขภาพใจ.

หยาง เผยซิน. (2551). วิชาชี่กงกวงอิมจื้ไจ้กง 18 ท่า เพื่อรักษาสุขภาพ. กรุงเทพมหานคร: เบสท์กราฟฟิคเพลส.

หลี่ เต๋ออิ้น. (2558, 27 พฤศจิกายน). ไทเก๊ก: ศาสตร์แห่งการผสมผสานร่างกายและจิตใจ. [ผู้บรรยาย]. สัมมนาวิชาการ, คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. หอประชุม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. สมุทรปราการ, ประเทศไทย.

หลี่ เต๋ออิ้น. (2560, 24-25 พฤศจิกายน). ไทเก๊ก: พลังภายในสู่ลีลาภายนอก. [ผู้บรรยาย]. สัมมนาวิชาการ,คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. ศูนย์ปฏิบัติการโรงแรมศรีวารีพาวิลเลียน. สมุทรปราการ, ประเทศไทย.

UNESCO ขึ้นทะเบียน “มวยไทเก๊ก” ของจีนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ. (18 ธันวาคม 2563). THE STANDARD TEAM. ค้นคืนจาก: http://www.the standard.co/chinas-taijiquan-lisled-as-unesco-intangible-cultural-heritage.

Downloads

Published

2022-12-19

How to Cite

Lertkoon-atinon, P. (2022). Tai- Chi: Science of Life Balance. Liberal Arts Review, 17(2), 175–189. https://doi.org/10.14456/lar.2022.20

Issue

Section

Academic Articles