Light Showing from The Reconstruction of Prasat Puei Noi, Puea Noi District, Khon Kaen Provine, to Promote Cultural Tourism
DOI:
https://doi.org/10.14456/arjla.2024.8Keywords:
Light Show, Reconstruction, Prasat Puei Noi, Cultural TourismAbstract
This article aimed to study the light from the reconstruction of Prasat Puei Noi, Khon Kaen province, to promote cultural tourism using a qualitative research process. The research tools consisted of surveys and interviews. The data was compiled from documents and field research and analyzed using the creation virtual reality model and the concept of cultural tourism. The result was presented in descriptive analysis. The result from the study of the reconstruction of Prasat Puei Noi, Khon Kaen province to promote cultural tourism revealed that the lighting show was based on the reconstruction of Prasat Puei Noi, Khon Kaen province on an actual scale (1:1). The study was a continuity of the Reconstruction of the Khmer Architecture in Khon Kaen province project which uses new technology to highlight the aesthetic of this ancient site. The project was considered another form of arts and culture revitalization, causing tourists and the audience of the light show of the ancient site to have more understanding of the site, as well as experiencing the virtual light show. This project helped improve Khon Kaen tourist sites to a more international level, creating new perspectives for the tourists and communities, as well as the general public, promoting cultural tourism, and creating imagination for the viewers. The data related to the light show was also compiled in the form of a documentary.
References
กรมการท่องเที่ยว. (2561). การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม. ค้นคืนจาก https://www.dot.go.th.
กรมศิลปากร. (2545). ทำเนียบโบราณสถานขึ้นทะเบียน ในเขตสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7ขอนแก่น. กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2544). ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโฮมสเตย์. กรุงเทพมหานคร: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
จุฑาภรณ์ ทองเพ็ง. (2554). ความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ชวลิต ตั้งสมบูรณ์กิตติ. (2554). การศึกษาการจัดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมภายในตลาดเก่าบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี. (การค้นคว้าอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). สาขาวิชาการประกอบการ มหาวิทยาลัยศิลปากรม นครปฐม.
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. (2540). การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
ธฤษวรรณ มาตกุล. (2556). แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยเชื่อมโยงสู่เชิงวัฒนธรรมอีสานกรณีศึกษา: วัดศิลาอาสน์ (ภูพระ) จังหวัดชัยภูมิ. (การศึกษาอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น.
บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2548). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร: เพรส แอนด์ ดีไซน์.
ปรัชญาพร พัฒนผล. (2554). การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้ำเพชรบุรี. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ภราเดช พยัฆวิเชียร. (2540). รายงานการประชุมประชาพิจารณ์ โครงการวิจัยเพื่อเสนอแนะการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวในเขตจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง. สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว. องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน).
มณีวรรณ ผิวนิ่ม, นักวิจัย (2546). พัฒนาการและผลกระทบของการท่องเที่ยว กรณีศึกษาชุมชนตลาดน้ำ: รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม.
วริศรา บุญสมเกียรติ. (2555). แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช: วัดพระธาตุวรมหาวิหาร วัดธาตุน้อย และโบราณสถานวัดโมคลาน. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
ศิลปวัฒนธรรม. (2566). งานศิวะราตรีปูชนียาลัยปราสาทเปือยน้อย. ค้นคืนจากhttps://pry2541blog.wordpress.com.
สุภางค์ จันทวานิช. (2553). ทฤษฎีสังคมวิทยา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Kazman R., Abowd G., Bass L. and Clements P. (2003). Scenario-based analysis of software architecture. IEEE Softw, 13(6): 47–55.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2024 Liberal Arts Review
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศิลปศาสตร์วิชาการและวิจัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว