การลดความรุนแรงในสังคมไทยตามมาตรฐานสากล: การเคารพ ต่อความเท่าเทียมกันของสตรี (RESPECT)
คำสำคัญ:
ความรุนแรง, อาชญากรรม, การเคารพต่อความเท่าเทียมกันของสตรีบทคัดย่อ
บทความเรื่อง “การลดความรุนแรงในสังคมไทยตามมาตรฐานสากล: การเคารพต่อความเท่าเทียมกันของสตรี (RESPECT)” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหา สาเหตุ และผลกระทบของการใช้ความรุนแรงในสังคมไทย เพื่อศึกษาการนำแนวทางการลดความรุนแรงตามมาตรฐานสากล: การเคารพต่อความเท่าเทียมกันของสตรี (RESPECT) ไปปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความเหมาะสมกับบริบทสังคมไทย เพื่อเสนอแนะแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่มีการบูรณาการระหว่างแนวทางการลดความรุนแรงตามมาตรฐานสากลและบริบทสังคมไทย
วิธีการดำเนินวิจัย ประกอบด้วย การวิจัยเชิงผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงเอกสาร การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) โดยกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยประชาชน จำนวน 2,400 คน ผู้ต้องขังจำนวน 400 คน และหน่วยงานแนวปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่เทศบาลตำบลเกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง การวิจัยเชิงปริมาณวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการศึกษาพบว่า ในพ.ศ.2564 ประเทศไทยเป็นประเทศที่มี
ความรุนแรงในลำดับที่ 47 ปัญหาของการใช้ความรุนแรงที่สำคัญในสังคมไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประกอบด้วย การฆ่าตัวตาย ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และการใช้ความรุนแรงของเด็กและเยาวชน สาเหตุที่สำคัญของปัญหาความรุนแรง ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาค่านิยมและบรรทัดฐานที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง ปัญหาสุรา ยาเสพติด และอาวุธปืน โดยมีผลกระทบมูลค่าความเสียหายจากความรุนแรงคิดเป็นร้อยละ 4 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ การลดความรุนแรงตามมาตรฐานสากลและนำมาใช้กับบริบทของสังคมไทย ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการตระหนักและการขับเคลื่อนแนวทางการเคารพต่อความเท่าเทียมกันของสตรี RESPECT ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกและองค์การสหประชาชาติในการลดความรุนแรงต่อสตรีร่วมกับผู้ที่มีบทบาทสำคัญและตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลดปัญหาความรุนแรงต่อสตรี และการขับเคลื่อนลดความรุนแรงในพื้นที่เทศบาลตำบลเกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง
ข้อเสนอแนะของงานวิจัย อาทิ การกำหนดนโยบายวาระเร่งด่วนแห่งชาติในการลดความรุนแรง การกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อสตรีตามแนวทางการเคารพต่อความเท่าเทียมกันของสตรี (RESPECT) การสร้างและเผยแพร่พื้นที่ต้นแบบในการลดความรุนแรงในสังคม และการนำแนวทางการเคารพต่อความเท่าเทียมกันของสตรี (RESPECT) ไปประยุกต์ใช้ในการลดความรุนแรงรูปแบบอื่นๆ ในสังคม
เอกสารอ้างอิง
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2564). สถิติความรุนแรงในครอบครัวทั่วประเทศ ระหว่าง พ.ศ.2564. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566, nesdc. https://opendata.nesdc.go.th/dataset/https-drive-google-com-file-d-16qsyunvqmzxnm4krc_5xee_zoxffxmg4-view-usp-sharing
กรมสุขภาพจิต. (2561). สสส.รณรงค์ไม่ทำร้ายผู้หญิง หลังพบผู้หญิงถูกทำร้าย 7 คน/วัน. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566, https://dmh.go.th/ news-dmh/view.asp?id=28308
กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2563). ปลัด พม. เปิดโครงการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี พร้อมเสริมสร้างระบบพัฒนาครอบครัวเข้มแข็ง. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566, https://prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/4949
ประชาชาติธุรกิจ. (2564). จะทำอย่างไร เมื่อความรุนแรงไม่ใช่เรื่องไกลตัว และบ้านไม่ใช่ Safe Zone ของทุกคน. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566, ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/d-life/news-653845
พรชัย ขันตี, ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และ อัศวิน วัฒนวิบูลย์. (2543). ทฤษฎี และงานวิจัยทางอาชญาวิทยา. กรุงเทพฯ: บุ๊คเน็ท.
สุมนทิพย์ จิตสว่าง, ฐิติยา เพชรมุนี และคณะ. (2563). รายงานวิจัยเรื่องการสร้างสังคมไทยไร้ความรุนแรง. ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้แผนงานวิจัยท้าทายไทย: สังคมไทยไร้ความรุนแรง (ปีที่ 1).
สุมนทิพย์ จิตสว่าง, ฐิติยา เพชรมุนี และคณะ. (2565). รายงานวิจัย เรื่อง การบูรณาการแนวทางการสร้างสังคมไทยไร้ความรุนแรงตามมาตรฐานสากลและบริบทของสังคมไทย. ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้แผนงานวิจัยท้าทายไทย: สังคมไทยไร้ความรุนแรง (ปีที่ 2).
Etienne, G. K., Linda, L. D., James, A. M., Anthony B. Z., & Rafael L. (2002). World report on violence and health. Geneva: World Health Organization. Retrieved from https://apps.who.int/iris/ bitstream/handle/10665/42495/9241545615_eng.pdf
Institute for Economics, & Peace. (2021). Global Peace Index 2021: Measuring Peace in a Complex World. Sydney. Retrieved from https://www.visionofhumanity.org/wp-content/uploads/2021/06/GPI-2021-web-1.pdf
Krug, E. G., Dahlberg, L. L., Mercy, J. A., Zwi, A. B., Lozano, R., et al. (2002). World report on violence and health. Geneva: World Health Organization. Retrieved from https://apps.who.int/iris/handle/10665/42495
UN Women. (2020). Overview: How to Use the RESPECT Framework Implementation Guide. Retrieved April 20, 2023, from https://www.unwomen.org/en/digital-library/publications/2020/07/respect-women-implementation-package
United Nations Office on Drugs and Crime. (2019). Global study for homicide. Retrieved April 20, 2023, from https://www.unodc.org/ unodc/en/data-and-analysis/global-study-on-homicide.html
World Health Organization. (2010). Violence prevention: the evidence. Geneva: World Health Organization. Retrieved from https://apps.who.int/iris/handle/10665/77936
worldpopulationreview.com. (2020). Most Violent Countries 2022. Retrieved April 20, 2023, from https://worldpopulationreview.com/ country-rankings/most-violent-countries
worldpopulationreview.com. (2021). Rape Statistics by Country 2021. Retrieved April 20, 2023, from https://worldpopulationreview. com/country-rankings/rape-statistics-by-country
worldpopulationreview.com. (2021). Crime Rate by Country 2022. Retrieved April 20, 2023, from https://worldpopulationreview. com/country-rankings/crime-rate-by-country
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอสงวนสิทธิในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ในแบบรูปเล่มและทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
บทความหรือข้อความคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนโดยเฉพาะ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ