แบบฝึกทักษะพัฒนาผลการเรียนรู้ไวยกรณ์ภาษาจีนเรื่องคำวิเศษณ์“又”กับ“再” ของนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีปทุม ชลบุรี
คำสำคัญ:
คำวิเศษณ์, “又” กับ “再”, แบบฝึกทักษะบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ทดสอบความเข้าใจการใช้คำวิเศษณ์ “又” กับ “再” ในภาษาจีนของนักศึกษาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาก่อนและหลังเรียน ด้วยแบบฝึกทักษะการใช้คำวิเศษณ์ “又” กับ “再” ในภาษาจีน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชา CBC216 ทักษะการเขียนและไวยกรณ์จีน ที่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 33 คน โดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) ผลการวิจัยพบว่า 1) นักศึกษามีความเข้าใจการใช้คำวิเศษณ์ “又” กับ “再” ในภาษาจีนค่าเท่ากับ 81.21/95.65 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 2) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการใช้คำวิเศษณ์ “又” กับ “再” ในภาษาจีน ปรากฎว่าผลการทดลองหลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
References
จุฑารัตน์ โตแทน. (2552). แก้ไขปัญหาการออกเสียงพินอินโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านออกเสียงพินอินของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี.
ลินจง จันทรวราทิตย์. (2542). วรรณคดีวิจารณ์. นครปฐม: ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันราชภัฏนครปฐม.
วิกานดา แสงกล้า. (2563). CBC216 ทักษะการเขียนและไวยกรณ์จีน. ชลบุรี: คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี.
黄平文. (2009). 外国人使用副词“又、再”的偏误分析.上海:复大大学出版社.20-21.
徐欢欢. (2007). 泰国人使用副词“又、再”的偏误分析.南京:南京大学出版社. 8-9.
张颜. (2011). 泰国玛哈莎蜡刊大学学生使用副词“又、再”的偏误分析.广西:广西 民族大学出版社. 27.