การสร้างแบบประเมินความคิดเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัตกรรม สำหรับนักศึกษาด้านอุตสาหกรรมบริการในจังหวัดชลบุรี
คำสำคัญ:
ความคิดสร้างสรรค์, นวัตกรรม, นักศึกษา, แบบประเมินบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแบบประเมินความคิดเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัตกรรมสำหรับนักศึกษาด้านอุตสาหกรรมบริการในจังหวัดชลบุรี และตรวจสอบคุณภาพของแบบวัดที่สร้างขึ้น การพัฒนาแบบประเมินนี้ใช้หลักทฤษฎีหมวก 6 สี ครบ 6 ใบ และมีการตรวจสอบคุณภาพของแบบประเมิน คือ การตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน การตรวจสอบความเที่ยงและอำนาจจำแนก และการตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้าง โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ซึ่งในกระบวนตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างนี้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างนักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่ศึกษาในด้านอุตสาหกรรมบริการ ในจังหวัดชลบุรี จำนวน 400 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โมเดลสมการโครงสร้างในการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า
- แบบประเมินความคิดเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัตกรรมสำหรับนักศึกษาด้านอุตสาหกรรมบริการในจังหวัดชลบุรี ประกอบไปด้วยข้อคำถามความคิดเห็นแบบมาตรวัด 5 ระดับ มีทั้งหมด 6 หัวข้อ หัวข้อละ 3 ข้อคำถาม
- แบบประเมินนี้ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาความเที่ยง และอำนาจจำแนก โดยได้ค่าความตรงเชิงเนื้อหาทั้งฉบับ คือ S-CVI คือ 0.93, ค่าความเที่ยง คือ 0.89, ค่าอำนาจจำแนก โดยเฉลี่ย คือ 0.53 และผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างโดยผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์
เอกสารอ้างอิง
ชาญณรงค์ ประสารกก, มะลิวรรณ ศิลารัตน์ และวาสนา รวยสูงเนิน. (2565). การวิเคราะห์ความตรงเชิงโครงสร้างของแบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพในการเลือกรับประทานอาหารของผู้ป่วยหลังผ่าตัดลิ้นหัวใจที่ได้รับยาวาร์ฟาริน. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 33(2), หน้า 58-69.
นัยนา รัตนสุวรรณชาติ, เขมมารี รักษ์ชูชีพ และศิรภัสสรศ์ วงศ์ทองดี. (2562). นวัตกรรมการจัดการ. วารสารการเมือง การบริหารและกฏหมาย, 11(3), หน้า 543-554.
ปิ่นฤทัย คงทอง. (2562). การพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสำหรับการบริการ นักท่องเที่ยวผู้สูงอายุชาวต่างชาติ. วารสารเทคโนโลยีภาคใต้, 12(2), หน้า 228-235.
พูนเพิ่ม เสรีวิชยสวัสดิ์. (2558). การใช้รูปแบบขององค์การเสมือนจริงในธุรกิจอุตสาหกรรมบริการ. วารสารมนุษยศาสตร์, 22(2), หน้า 209-227.
พูลพงศ์ สุขสว่าง. (2557). หลักการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 6(2), หน้า 136-145.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=6381 [2566, 18 สิงหาคม].
อนุรักษ์ ทองขาว. (2563). แนวทางการวิเคราะหทางสถิติกับการตรวจสอบความตรงของเครื่องมือสําหรับการวิจัยเชิงสํารวจในอุตสาหกรรมบริการในประเทศไทย. วารสารวิชาการศรีปทุม ชลบุรี, 17(2), หน้า 189-199.
อนุรักษ์ ทองขาว, ปิยะทิพย์ ประดุจพรม และพีร วงศ์อุปราช. (2563). การสร้างแบบวัดความวิตกกังวลในการเรียนภาษาอังกฤษของนักศึกษา วิทยาลัยดุสิตธานี พัทยา. วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี, 14(1),หน้า 334-348.
อภิญญา อิงอาจ. (2565). การพิจารณาขนาดตัวอย่างกับกำลังการทดสอบที่เหมาะสมกับระดับความแกร่งของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรในการพัฒนาแบบจำลองสมการโครงสร้าง. วารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร, 19(1), หน้า 106-121.
De Bono, E. (2017). Six Thinking Hats: The multi-million bestselling guide to running better meetings and making faster decisions. London: Penguin.
Gregory, R. J. (2015). Psychological Testing (7th ed.). London: Pearson Education.
Polit, D. F., Beck, C. T. & Owen, S. V. (2007). Is the CVI an acceptable indicator of content validity? Appraisal and recommendations. Research in nursing & health, 30(4),pp. 459-467.
Kot, H. W., Chen, M. H. & Huang, H. (2019). Understanding short selling activity in the hospitality industry. International Journal of Hospitality Management, 82,pp. 136-148.