การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดสุพรรณบุรี การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดสุพรรณบุรี

Main Article Content

ธเนศพล อินทร์จันทร์

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี” ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี 3) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี 4) ศึกษาปัญหาอุปสรรคการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี และ 5) ศึกษาแนวทางในการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรีใช้ระเบียบแบบแผนวิธีวิจัยแบบผสมโดยวิธีวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณได้แก่ประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 384 คน จาก 10 อำเภอ 39 เทศบาลและ 100 องค์การบริหารส่วนตำบล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพได้แก่ ประชาชนที่เป็นคณะกรรมการพัฒนาท้องถิ่นกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และกรรมการติดตามและประเมินแผนพัฒนาท้องถิ่นเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณได้แก่ แบบสอบถามเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพได้แก่ แบบสัมภาษณ์ผลการวิจัยพบว่า (1)ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุพรรณบุรี ในภาพรวมมีระดับการมีส่วนร่วมในระดับน้อย โดยตัวชี้วัดที่ได้รับคะแนนมากที่สุด คือ การมีส่วนร่วมในระดับให้ข้อมูลข่าวสาร (To Inform) รองลงมาคือการมีส่วนร่วมในระดับปรึกษาหารือ (To Consult) การมีส่วนร่วมในระดับสร้างความรวมมือ (To Collaborate) การมีส่วนร่วมในระดับเข้าไปเกี่ยวข้อง (To Involve) และการมีส่วนร่วมในระดับมอบอำนาจให้ประชาชน (To Empower) (2) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านบุคคลกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุพรรณบุรี ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยด้านแรงจูงใจภายในมีความสัมพันธ์ทางสถิติ
อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 การวิเคราะห์ปัจจัยด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุพรรณบุรี ผลการศึกษาพบว่าทุกปัจจัยมีความสัมพันธ์ทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และ (3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการ
มีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุพรรณบุรี มี 7 ตัวชี้วัด ได้แก่ คุณลักษณะส่วนบุคคล เจตคติ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักการมีส่วนร่วม และหลักความคุ้มค่า ส่วนปัจจัยที่ไม่ส่งผลหรือไม่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุพรรณบุรี มี 5 ตัวชี้วัดได้แก่ รางวัลหรือผลประโยชน์ ชื่อเสียงหรือการได้รับการยอมรับ การได้รับมอบอำนาจตามกฎหมาย หลักความโปร่งใส และหลักความรับผิดชอบ (4) ปัญหาอุปสรรคการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจัยด้านบุคคล ได้แก่ แรงจูงใจภาย ใน ปัจจัยด้านองค์การ ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักการมีส่วนร่วม และหลักความคุ้มค่า (5) แนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจัยด้านบุคคล ได้แก่ การเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อการมีส่วนร่วม ปัจจัยด้านองค์กร ได้แก่ การเสริมสร้างการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อินทร์จันทร์ ธ. (2018). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดสุพรรณบุรี: การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดสุพรรณบุรี. มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นายเรืออากาศ, 5, 60–73. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/KANNICHA/article/view/137756
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

[1] กตัญญู แก้วหานาม. (2553). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล: ศึกษาเปรียบเทียบเทศบาลนครขอนแก่นกับเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์. รายงานการวิจัย. คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์, มหาวิทยา ลัยราชภัฎกาฬสินธุ์.

[2] กนกวรรณ หยกอำนวยชัย. (2554). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการวางแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคิรีขันธ์.วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายสาธารณะ, มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.

[3] กรมการปกครอง.(2537). คู่มือการปฏิบัติ งานสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น.

[4] กรรณิการ์ ชมดี. (2524). การมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ:ศึกษาเฉพาะโครงการสารภี ตำบลท่าช้าง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วิทยา นิพนธ์ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิตภาควิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์,คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยา ลัยธรรมศาสตร์.

[5] กัลยา วานิชย์บัญชา. (2550). สถิติสำหรับงานวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.

[6] กรินท์ ลิมาภรณ์วณิชย์. (2552). “การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการของรัฐ. คอลัมน์ระดมสมอง.”ประชาชาติธุรกิจ,ปีที่ 32 (ฉบับที่ 4106),(วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552).

[7] เฟื่องฟ้า คุณารักษ์.(2530). ปัญหาและข้อจำกัดของการพัฒนาในการทำงานพัฒนาชุมชนตามหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วมของประชาชน: ศึกษาเฉพาะกรณีจังหวัดนราธิวาส. วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนาชุมชน, คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

[8] Ackoff, Russell L. (1970).A Concept of Corporate Planning. Pennsylvania: John Wiley& Sons, Inc.

[9] Anthony, Robert N. (1965). Planning and Control System: A Framework for Analysis.

[10] Boston: Division of Research, Graduate School of Business Administration, Harvard University.

[11] Arnstein, Sherry R. (1969). A Ladder of Citizen Participation. In JAIP 35 (4).

[12] Asia Development Bank. (1998). Country Briefing Paper: Women in Thai land. Asia Development Bank.