ความสัมพันธ์ระหว่างกรอบคิดติดยึดและการรับรู้ความสามารถแห่งตนของนักเรียนนายร้อย

Main Article Content

นัฐพร เกียรติบัณฑิตกุล

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับกรอบคิดติดยึดแบบเติบโตและกรอบคิดติดยึดแบบ       ฝังแน่นของนักเรียนนายร้อย 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกรอบคิดติดยึดและการรับรู้ความสามารถแห่งตนของนักเรียนนายร้อย และ 3) เพื่อหาแนวทางการพัฒนาระดับกรอบคิดติดยึดแบบเติบโตของนักเรียนนายร้อยให้สูงขึ้น โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 1-5 จำนวน 330 นาย ที่ได้จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน


ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับกรอบคิดติดยึดแบบเติบโตของกลุ่มตัวอย่าง โดยเฉลี่ยเห็นด้วยระดับปานกลางค่อนข้างมาก ในส่วนของระดับกรอบคิดติดยึดแบบฝังแน่นของกลุ่มตัวอย่าง โดยเฉลี่ยระดับปานกลาง และระดับการรับรู้ความสามารถแห่งตนของกลุ่มตัวอย่าง โดยเฉลี่ยมีการรับรู้ในระดับมาก 2) ตัวแปรกรอบคิดติดยึดและการรับรู้ความสามารถแห่งตนมีความสัมพันธ์ในระดับปานกลางและเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (r = 0.468) และ 3) แนวทางการพัฒนาระดับกรอบคิดติดยึดแบบเติบโตของนักเรียนนายร้อยให้สูงขึ้น คือ แนวทาง PARA MATTER โดย P หมายถึง กระบวนการการเรียนการสอน, A หมายถึง การตั้งเป้าหมายในการเรียน, R หมายถึง การเลือกใช้วิธีการสอน, A หมายถึง ความพยายามและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค, M หมายถึง แบบอย่างที่ดี, A หมายถึง การชื่นชมในความมุ่งมั่น, T หมายถึง วิธีการสอนของอาจารย์, T หมายถึง การสร้างความไว้วางใจ, E หมายถึง การปฏิบัติและเอาใจใส่อย่างเท่าเทียม และ R หมายถึง การให้ผลสะท้อนกลับอย่างตรงไปตรงมา

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เกียรติบัณฑิตกุล น. (2022). ความสัมพันธ์ระหว่างกรอบคิดติดยึดและการรับรู้ความสามารถแห่งตนของนักเรียนนายร้อย. มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นายเรืออากาศ, 10, 20–32. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/KANNICHA/article/view/258997
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กลัญญู เพชราภรณ์, “การศึกษาอัตมโนทัศน์หลายมิติของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัด

สมุทรปราการ ตามแนวคิดของแบรคเคน”, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา, 2555.

Anderson, E, Growing great employees: Turning ordinary people into extraordinary performers,

USA: Galloard, 2006.

สมัชชาการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ, “เอกสารรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนสมัชชาการ

พัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ”, 2562.

Dweck, C. S, Mindset: The new psychology of success, New York, NY: Random House, 2006.

พจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ร่วมสมัย ฉบับราชบัณฑิตยสภา 2561, [Online]. Available:

https://www.facebook.com/RatchabanditThai/posts/1897231787001574/ [Accessed: 28 ธันวาคม

.

Dweck, C. S, Mindset: The new psychology of success, New York, NY: Random House, 2006.

Edwards, A. R., & Beattie, R. L, “Promoting student learning and productive persistence in

developmental mathematics: Research frameworks informing the Carnegie Pathways”, NADE Digest,

(1), 30-39, 2016.

ภัทรพร กังวานพรชัย, “ความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมในงานและความพึงพอใจในงานโดยมีรูปแบบ

การเผชิญปัญหาเป็นตัวแปรส่งผ่านและกรอบความคิดแบบยึดติดเติบโตเป็นตัวแปรกำกับ”, วิทยานิพนธ์

มหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559.

Blackwell, L. A., Trzesniewski, K. H., & Dweck, C. S, “Theories of intelligence and achievement across

the junior high school transition: A longitudinal study and an intervention”, Child Development. 78 (1),

-263, 2007.

King, R. B, “How you think about your intelligence influences how adjusted you are: Implicit theories

and adjustment outcomes”, Personality and Individual Differences, 53 (5), 705–709, 2012.

มุทิตา อดทน, “ผลของโปรแกรมการพัฒนากรอบความคิดเติบโตในนกัเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอน

ปลาย”, วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสมอง จิตใจ และการเรียนรู้ คณะศึกษาศาสตร์

มหาวิทยาลัยบูรพา, 2561.

Yamane, T, “Statistics: an introductory analysis”, New York: Harper & Row, 1973.

Likert, R, “A Technique for the Measurement of Attitudes. Archives of Psychology”, New York, 1932.

Dweck, C. S, Mindset: The new psychology of success, New York, NY: Random House, 2006.

Yeager, D. S. & Dweck, C. S, “Mindsets that promote resilience: When students believe that personal

characteristics can be developed”, Educational Psychologist, 47 (4), 302-314, 2014.

ศิริภพ โสมาภา, “การบริหารหลักสูตรฝึกอบรมเยาวชนเกี่ยวกับแนวคิดเติบโตและการเห็นคุณค่าใน

ตนเอง”, วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการศึกษา วิทยาลัยครุศาสตร์

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, 2561.

Bandura, A, “Self-efficacy: The exercise of control”, New York: Freeman, 1997.

Schmidt, J. A., Shumow, L., & Cam, H. K, “Exploring teacher effects for mindset intervention

outcomes in seventh-grade science classes”, Michigan State University and Northern Illinois University, 2015.

Silver, D. & Stafford, D, “Teaching Kids to Thrive: Essential Skills for Success”, Thousand Oaks, CA:

A SAGE Company, 2017.

Marz, K. and Hertz, C, “A Mindset for Learning: Teaching the Traits of Joyful, Independent

Growth”, Portsmouth NH: Heinemann, 2015.

Gutshall, C. A, “Teachers’ mindset for students with and without disabilities”, College of

Charleston, 2013.

Silver, D. & Stafford, D, “Teaching Kids to Thrive: Essential Skills for Success”, Thousand Oaks, CA:

A SAGE Company, 2017.

มุทิตา อดทน, “ผลของโปรแกรมการพัฒนากรอบความคิดเติบโตในนกัเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอน

ปลาย”, วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสมอง จิตใจ และการเรียนรู้ คณะศึกษาศาสตร์

มหาวิทยาลัยบูรพา, 2561.

Hildrew, C, “Becoming Mindset School: The Powerful of Mindset to Transform Teaching, Leadership

and Learning”, New York, NY: Routledge, 2018.

Gawron, H, “Just Ask Us: Kids Speak Out on Student Engagement”, Thousand Oaks, CA: A SAGE

Company, 2018.

Silver, D. & Stafford, D, “Teaching Kids to Thrive: Essential Skills for Success”, Thousand Oaks, CA:

A SAGE Company, 2017.