การศึกษาความต้องการและแนวทางการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษในหมวดวิชาเลือกเสรีของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

Main Article Content

ชญาน์นันท์ จิตต์จำนงค์

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความต้องการในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในหมวดวิชาเลือกเสรีของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการสอนภาษาอังกฤษในหมวดวิชาเลือกเสรี โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ระเบียบวิธีวิจัยที่ใช้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 4 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปีการศึกษา 2568 จำนวน 324 นาย ที่ได้จากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความถี่ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงหัวข้อ (Thematic Analysis) คือ การรวบรวมข้อมูล และนำมาจัดกลุ่มความคิดเห็นเป็นหมวดหมู่
ผลการวิจัย พบว่า
1)  กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความต้องการเรียนภาษาอังกฤษในหมวดวิชาเลือกเสรีในทักษะการพูดมากที่สุด จำนวน 188 นาย คิดเป็นร้อยละ 58.33 โดยมีความต้องการด้านเนื้อหาและกิจกรรมเกี่ยวกับการสนทนาเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด (M = 4.44, SD = 0.69) มีความต้องการเรียนภาษาอังกฤษด้วยสื่อวีดิทัศน์ต่าง ๆ มากที่สุด (M = 4.40, SD = 0.76) และมีความต้องการวัดผลแบบมีการเก็บคะแนนควบคู่ไปกับการสอบระหว่างภาคและประจำภาคมากที่สุด (M = 3.73, SD = 1.00) เมื่อจัดกลุ่มความต้องการในการเรียนภาษาอังกฤษในหมวดวิชาเลือกเสรีของนักเรียนนายร้อย มีปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวทางการสอน ประกอบด้วย 1) ความต้องการเรียนเพื่อใช้งานจริงในชีวิตและอาชีพ 2) ความชอบในการเรียนรู้ผ่านสื่อที่สนุกและเข้าถึงง่าย 3) อุปสรรคในการเรียนภาษาอังกฤษ 4) วิธีการเรียนที่ตอบโจทย์ และ 5) ความคาดหวังต่อรายวิชาเลือกเสรีภาษาอังกฤษ
2)  แนวทางการสอนภาษาอังกฤษในหมวดวิชาเลือกเสรี ผู้สอนควรออกแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบททางทหาร และความต้องการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดของนักเรียนนายร้อย โดยเรียนผ่านกิจกรรมที่สื่อสารจริงในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึง มีการประเมินผลแบบใช้งานจริง พร้อมทั้งใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย และมีการจัดกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและประสิทธิภาพในการเรียนรู้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
จิตต์จำนงค์ ช. (2025). การศึกษาความต้องการและแนวทางการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษในหมวดวิชาเลือกเสรีของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า. มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นายเรืออากาศ, 13, 67–80. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/KANNICHA/article/view/280961
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมยุทธการทหารบก. (2563). หนังสือกรมยุทธการทหารบก ที่ กห 0403/11198 เรื่อง ขออนุมัติโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของ ทบ. ระยะเวลา 5 ปี. (29 กรกฎาคม 2563).

กองทัพบก. (2565). คำสั่งกองทัพบก (ลับ) ที่ 1/2565 เรื่อง นโยบายการฝึกอบรมและการศึกษาของกองทัพบก พ.ศ. 2566 – 2570. (13 กันยายน 2565).

เฉลิมพล ศรีหงษ์. (2565). การประเมินความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม: จะทำอย่างไรให้ถูกต้อง. วารสารรามคำแหง ฉบับรัฐประศาสนศาสตร์, 5(1), 28–47. สืบค้น จาก https://so16.tcithaijo.org/index.php/RJPA/ article/view/2123

ปองรัตน์ ศรีสืบ และ ปัญชลี วาสนสมสิทธิ์. (2553). การศึกษาความต้องการในการเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สามของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนราธิวาส. Princess of Naradhiwas University Journal, 2(3). retrieved from https://li01.tci-thaijo.org/index.php/pnujr/article/view/53684

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า. (2025). มคอ.2 รายวิชา: ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (คศ). http://kmlo.crma.ac.th/qaedu_crma/wp-content/uploads/2025/06/มคอ-2-คศ-ส่ง-สกศ.-22022568-อนุมัติสภาฯ.pdf

สุดาวรรณ โคตรเนตร, สรรพสิริ ส่งสุขรุจิโรจน์, และ กชกร ธิปัตดี. (2568). สภาพปัญหาและความต้องการจำเป็นในการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยเน้นกระบวนการอภิปัญญาเพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้และคุณลักษณะที่จำเป็นในการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. ปัญญา, 32(1), 35–47. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/panya-thjo/article/view/281589

Basturkmen, H. (2010). Developing courses in English for specific purposes. Palgrave Macmillan.

Best, J.W. (1977). Research in education (3rd ed.) Englewood Cliffs, NJ: Prentice Hall.

Bremner, N., Sakata, N., & Cameron, L. (2022). The outcomes of learner-centred pedagogy: A systematic review. International Journal of Educational Development, 94, 102649. https://doi.org/10.1016/j.ijedudev.2022.102649

Brown, H. D. (2020). Principles of language learning and teaching (7th ed.). Pearson Education.

Brown, J. D. (2016). Introducing needs analysis. Oxford University Press.

Flowerdew, J., & Peacock, M. (Eds.). (2017). The Routledge handbook of English for specific purposes. Routledge.

Georgiou, G. P. (2025). Enhancing nonnative speech perception and production through an AI-powered application. arXiv. https://arxiv.org/abs/2503.22705

Jantasode, C., & Ruangjaroon, S. (2025). Addressing the role of structured extensive listening among low-proficiency Thai learners of English. Studies in English Language and Education, 12(1), 118-135.

Kapp, K. M. (2021). The gamification of learning and instruction fieldbook: Ideas into practice. John Wiley & Sons.

Krashen, S. D. (2020). Second language acquisition and second language learning. University of Southern California.

Lai, P. Y. (2025). An integrated approach to language teaching and reading strategies. ResearchGate. https://www.researchgate.net/publication/389875460

Ryan, R. M., & Deci, E. L. (2020). Intrinsic and extrinsic motivation from a self-determination theory perspective: Definitions, theory, practices, and future directions. Contemporary Educational Psychology, 61, 101860. https://doi.org/10.1016/j.cedpsych.2020.101860

Schunk, D. H., & Usher, E. L. (2020). Motivation and self-regulation. In R. E. Mayer & P. A. Alexander (Eds.), Handbook of research on learning and instruction (3rd ed., pp. 128-151). Routledge.

Thorne, S. L., & Reinhardt, J. (Eds.). (2024). The Routledge handbook of language learning and technology (2nd ed.). Routledge.

Wang, Y., Chen, X., & Lin, J. (2022). Enhancing speaking confidence through collaborative learning: A study on EFL learners in military contexts. English Language Teaching Journal, 76(2), 150–162. https://doi.org/10.1093/elt/ccac045

Zhang, Y., & Tsung, L. (2021). Foreign language anxiety and oral performance: A study of Chinese EFL learners. Language Teaching Research, 25(4), 493–510. https://doi.org/10.1177/1362168820921895