พุทธบูรณาการเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนของเทศบาลตำบลรางหวาย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
คำสำคัญ:
พุทธบูรณาการ, การมีส่วนร่วมของประชาชน, การพัฒนาชุมชน, เทศบาลตำบลรางหวาย, จังหวัดกาญจนบุรีบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนในเขตเทศบาลตำบลรางหวาย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี 2. เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3. นำเสนอพุทธบูรณาการเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนในเขตเทศบาลตำบลรางหวาย เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 368 คน ด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และค่าเอฟ ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 9 รูปหรือคน ใช้การวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนในเขตเทศบาลตำบลรางหวาย ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (=3.88) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน คือ ด้านการดำเนินงาน การตัดสินใจ การรับผลประโยชน์ และการประเมินผล 2. การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า เพศไม่มีผลต่อระดับการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่พบว่าปัจจัยด้านอายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 3. การบูรณาการหลักอปริหานิยธรรม 7 เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชน คือ การที่ประชาชนมีการประชุมอย่างพร้อมเพรียงและสม่ำเสมอเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมตัดสินใจ วางแผน ดำเนินงานรับผลประโยชน์ และประเมินผล เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้การให้ความเคารพ ให้เกียรติสตรี รับฟังความคิดเห็นของผู้ใหญ่ ส่งเสริมพระพุทธศาสนา จะช่วยสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ยั่งยืน และมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
เอกสารอ้างอิง
นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์. (2550). แนวคิดแนวทางการพัฒนาชุมชน. กรุงเทพฯ: สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย.
บุญโชค บุญมี และธนัสถา โรจนตระกูล. (2564). การพัฒนาชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน : กรณีศึกษาเทศบาลตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย. วารสาร มจร พุทธปัญญาปริทรรศน์, 6(3),112-123.
ปัณณทัต บนขุนทด และคณะ. (2562). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น, 6(1), 1-15.
พระธวัชชัย สนฺติธมฺโม. (2561). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนในเขตเทศบาลเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว (สารนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมรกต ธมฺมปาโล. (2566). การยกระดับความสำคัญการปกครองท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบลตามหลักอปริหานิยธรรม. วารสารภักดีชุมพลปริทรรศน์, 1(2), 27-38.
พระมหาบรรพต กิตฺติปญฺโญ และคณะ. (2565). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนขององค์การบริหารส่วน ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์, 5(1), 68-79.
สำนักงานทะเบียนท้องถิ่น อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี. (2567). ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลรางหวาย. กาญจนบุรี: สำนักงานทะเบียนท้องถิ่น อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี.
Creighton, J. L. (2005). The public participation handbook: Making better decisions through citizen involvement. San Francisco, CA: Jossey-Bass.
Yamane, T. (1973). Statistic: An Introductory Analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น


