ผลของการบูรณาการรูปแบบการสอนของ Davies กับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (BBL) ต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการระหว่างรูปแบบการสอนของ Davies กับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (BBL) สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบความคล่องแคล่วว่องไวของนักเรียนระดับประถมศึกษาก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนแบบบูรณาการ 3) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนแบบบูรณาการ พื้นที่วิจัย คือ โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัดสกลนคร กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 30 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบบูรณาการ 2) แบบทดสอบความคล่องแคล่วว่องไว และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานและสถิติอ้างอิง ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างสัมพันธ์กัน (Paired Samples t-test)
ผลการวิจัยพบว่า 1. การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบบูรณาการ Davies + BBL ส่งผลให้แผนการเรียนรู้มีลักษณะชัดเจน เป็นขั้นตอน และสามารถนำไปใช้ได้จริงในบริบทโรงเรียนระดับประถมศึกษา โดยผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) มีค่าเท่ากับ 0.90 2. นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยรูปแบบบูรณาการ มีคะแนนความคล่องแคล่วว่องไวหลังเรียน (ค่าเฉลี่ย = 83, S.D. = 0.76) สูงกว่าก่อนเรียน (ค่าเฉลี่ย = 18.38, S.D. = 0.67) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 28.61, p < 0.001) ขณะที่กลุ่มควบคุมไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (t = 2.33, p = 0.277) 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยภาพรวม 4.00 (D. = 0.81) โดยเฉพาะในด้านกิจกรรมที่สนุกและการได้ลงมือปฏิบัติจริง เช่น ข้อ “ข้าพเจ้ามีความมั่นใจมากขึ้นในทักษะที่ได้รับ” ค่าเฉลี่ย 4.37 (S.D. = 0.70)
องค์ความรู้จากงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าการบูรณาการรูปแบบการสอนทักษะของ Davies กับ BBL เป็นแนวทางที่ส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายและสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาแผนการสอนพลศึกษาในระดับประถมศึกษาอย่างเหมาะสม
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
กนกนาฎ มงคลสวัสดิ์ และ สิทธิพล อาจอินทร์. (2567). การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์และสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (BBL) ร่วมกับสื่อโมชันกราฟิก (Motion Graphic). วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม, 14(1), 336-350. สืบค้นจาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/npuj/article/view/273452
บุญโต ศรีจันทร์, สุธนะ ติงศภัทิย์ และ บัญชา ชลาภิรมย์. (2565). การพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนประถมศึกษาโดยใช้การเรียนรู้โดยสมองเป็นฐาน. วารสาร วิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 14(3), 201-212. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/251165
วันวิสา ป้อมประสิทธิ์, บัญชา ชลาภิรมย์ และ สุธนะ ติงศภัทิย์. (2562). ผลการใช้กิจกรรมพลศึกษาตามแนวคิดการกำกับตนเองเพื่อลดพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 14(2), 1-11. สืบค้นจาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/195587
สุดารัตน์ เครือกลาง และ ชวนพิศ รักษาพวก. (2567). การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยการจัดการเรียนรู้ที่ใช้สมองเป็นฐาน. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ, 6(1), 74-84. สืบค้นจาก https://so10.tci-thaijo.org/index.php/rdicpru/article/view/968
ฮาดีย์ เปาะมา, ธีรนันท์ ตันพานิชย์ และ อำนวย ตันพานิชย์. (2567). สมอง เรียน รู้ สู่พัฒนาการของเด็กทุกช่วงวัย. Silpakorn University e-Journal (Social Sciences, Humanities, and Arts), 44(5), 1-9. https://doi.org/10.14456/sujthai.2024.33
Amjad, A. I., Habib, M., Tabbasam, U., Alvi, G. F., Taseer, N. A., & Noreen, I. (2023). The impact of brain-based learning on students’ intrinsic motivation to learn and perform in mathematics: A neuroscientific study in school psychology. International Electronic Journal of Elementary Education, 15(1), 111-122. https://doi.org/10.26822/iejee.2023.318
Chaddock-Heyman, L., Erickson, K. I., Voss, M. W., Knecht, A. M., Pontifex, M. B., Castelli, D. M., & Kramer, A. F. (2014). Aerobic fitness is associated with greater white matter integrity in children. Frontiers in Human Neuroscience, 8, 584. https://doi.org/10.3389/fnhum.2014.00584
Davies, D. (1971). Instructional models in physical education. New York: Harper & Row.
Davies, M. J., Roberts, S., & Coutts, A. J. (2013). Comparison of agility demands of small sided games in elite Australian football. International Journal of Sports Physiology and Performance, 8(2), 139-147. https://doi.org/10.1123/ijspp.8.2.139
Hartell, E. (2018). Assessing and progressing psychomotor development in technology education: A proposed approach. Design and Technology Education: An International Journal, 23(1), 10-20. https://doi.org/10.30880/jtet.2018.10.01.002
Islam, A. I., Habib, M., Tabbasam, U., Alvi, G. F., Ahmad, N. T., & Noreen, I. (2023). The impact of brain-based learning on students' intrinsic motivation to learn and perform in mathematics: A neuroscientific study in school psychology. International Electronic Journal of Elementary Education, 15(1), 111-122. https://doi.org/10.26822/iejee.202315000
Jensen, E. (2008). Brain-based learning: The new paradigm of teaching. (2nd ed.). California: Corwin Press.
Mekwan, J., & Poonputta, A. (2023). The effects of integrated brain-based learning and skills training in linear and quadratic functions among grade 11 students. Journal of Education and Learning, 12(1), 1-10. https://doi.org/10.5539/jel.v12n1p1
Vujičić, L., Peić, M., & Petrić, V. (2020). Representation of movement-based integrated learning in different physical environments of an early education institution. Revija za Elementarno Izobraževanje, 13(1), 111-126. https://doi.org/10.18690/rei.13.1.111-126.2020
World Health Organization (WHO). (2020). Guidelines on physical activity and sedentary behaviour. Geneva, Switzerland: WHO.
