ปัญหาการค้าประเวณีเด็กจากคดีของหน่วยงานกองบังคับการปราบปราม การค้ามนุษย์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
คำสำคัญ:
ปัญหาการค้าประเวณีเด็ก, กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์, จังหวัดแม่ฮ่องสอนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษามูลเหตุ แรงจูงใจ และกระบวนการการเข้าสู่การค้าประเวณีเด็ก 2) ปัญหาและอุปสรรคของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ในการกวดขัน จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และ 3) แนวทางการแก้ไขปัญหา จากกรณีตัวอย่างของคดีอาญาที่เกิดขึ้นในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีลักษณะเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) กลุ่มเป้าหมายคือ ข้าราชการตำรวจในกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จำนวน 20 ราย มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ และใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา (Content Analysis) ผลการศึกษาพบว่า มูลเหตุที่สำคัญของการเข้าสู่การค้าประเวณีเด็กในจังหวัดแม่ฮ่องสอน คือ ความยากจน ความห่างไกลความเจริญ การศึกษาที่ไม่ทั่วถึง ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การคบเพื่อน ความต้องการในวัตถุนิยม การขาดศีลธรรมและจริยธรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ค่านิยมการใช้บริการประเวณีเด็ก การถูกชักจูงจากบุคคลที่หวังผลประโยชน์จากตัวเด็ก และการขาดความรู้เรื่องกฎหมาย โดยแรงจูงใจที่ชักนำเด็กให้เข้าสู่กระบวนการค้าประเวณีเด็ก คือ เงินหรือผลตอบแทนต่างๆ ค่านิยมทางด้านวัตถุ การคบหาเพื่อนและพฤติกรรมเอาอย่าง การมีความรักก่อนวัยอันสมควร ปัญหายาเสพติด และปัญหาครอบครัว ซึ่งกระบวนการการเข้าสู่การค้าประเวณีเด็ก เริ่มจากการที่เด็กและเยาวชนมีความต้องการใช้เงิน ทำให้ถูกชักจูงจากกลุ่มเพื่อน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี หรืออาจถูกบังคับ ข่มขู่ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการที่เด็กและเยาวชนติดยาเสพติดหรือมีหนี้สินจึงถูกบังคับขู่เข็ญให้ค้าประเวณีเพื่อเป็นการล้างหนี้ หรือกรณีที่ถูกหลอกมาให้ค้าประเวณี ด้านปัญหาและอุปสรรคของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ พบว่า ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้อง มีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญ คือ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกล ผู้เสียหายมีพฤติกรรมที่ซับซ้อน ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในเจ้าหน้าที่ ไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ สถานประกอบการ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ขาดการประสานงานที่ดี งบประมาณมีจำกัด และการดำเนินคดีมีการเร่งรีบจนเกินไป ด้านแนวทางในการแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีเด็กในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการบูรณาการการทำงานอย่างจริงจัง หมั่นตรวจสอบสถานบริการ สถานบันเทิง หอพัก แหล่งมั่วสุม หรือสถานที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการส่งเสริมการค้าประเวณีเด็ก และให้ความคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่ตกเป็นผู้เสียหายจากการค้าประเวณีเด็กตามกฎหมาย และจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินการด้านการแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีให้มากขึ้น นอกจากนี้ ครูและผู้ปกครองของเด็กต้องคอยกับกับดูแลความประพฤติของบุตรหลาน นักเรียน หรือเยาวชนในปกครองอย่างใกล้ชิด และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงโทษทางกฎหมายของการาประเวณีเด็ก