การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาเพื่อส่งเสริมความคิด สร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เรื่อง แสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
คำสำคัญ:
สะเต็มศึกษา, การคิดสร้างสรรค์, กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนามีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาสภาพบริบทและ ความต้องการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็ม 2) สร้างและพัฒนารูปแบบ 3) ทดลองใช้รูปแบบ และ 4) ประเมินรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/9 โรงเรียนพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ 3) แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples) ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการศึกษาสภาพบริบทเห็นว่าโรงเรียนมีความพร้อมด้านบริบทที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งและความต้องการใช้รูปแบบของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด 2. ผลการพัฒนารูปแบบได้รูปแบบ มีองค์ประกอบ คือ 1) องค์ประกอบเชิงหลักการและวัตถุประสงค์ 2) องค์ประกอบเชิงกระบวนการ 3) องค์ประกอบเชิงเงื่อนไขในการนำรูปแบบไปใช้ 3. ผลการทดลองใช้รูปแบบมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.20/82.66 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 4. ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า 4.1 ผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ 0.01 4.2 การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และ 4.3 ความพึงพอใจของนักเรียนภาพรวมอยู่ในระดับมาก