คณะอนุกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนพหุภาคีในระคับท้องถิ่น

บทคัดย่อ

พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ2548 มีเจตนารมณ์เพื่อให้มีการส่งเสริมความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างรายได้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การพัฒนาความสามารถในการจัดการ และการพัฒนารูปแบบของวิสาหกิจชุมชน มีผลให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้และพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง โดยมีโครงสร้างของคณะกรรมการในการบริหารจัดการ 2 คณะ คือ คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนจังหวัด

โดยคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนจังหวัด ทำหน้าที่เป็นส่วนประสานความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัด และมีการแต่ตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนระดับอำเภอ เพื่อประสานเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของหน่วยงานในระดับอำเภอเพื่อให้เกิดการบูรณาการงานส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเห็นว่าการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนระดับอำเภอมีความซ้ำซ้อนในเชิญโครงสร้างการบริหารเนื่องจากคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด อยู่ในส่วนราชการส่วนภูมิภาค ซึ่งไม่เป็นการสอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจและเจตนารมณ์ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ อีกทั้งทำให้เกิดความล่าช้าในการบริหารงาน การไม่เข้าในภารกิจของของหน่วยงาน และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ

ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการและพัฒนาส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง จึงควรจัดตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนพหุภาคีในระคับท้องถิ่น ด้วยเหตุผลดังนี้ 1) เป็นการสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายและหลักการกระจายอำนาจ 2) คณะอนุกรรมการสามารถรับทราบปัญหาและความต้องการของวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี 3) มีผู้นำท้องถิ่นที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินกิจกรรมของวิสาหกิจชุมชนเป็นประธานคณะอนุกรรมการ 4) ลดปัญหาความซ้ำซ้อนในเชิญโครงสร้างและภารกิจของรัฐในราชการส่วนภูมิภาค 5) ท้องถิ่นสามารถจัดทำแผนงานและงบประมาณประจำปีสนับสนุนความช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนได้โดยไม่ต้องรอรับงบประมาณจากภาครัฐแต่เพียงส่วนเดียว ดังนั้น คณะอนุกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนพหุภาคีในระคับท้องถิ่น สามารถที่จะสนับสนุนส่งเสริมพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง จนสามารถที่จะพัฒนาต่อยอดไปสู่วิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ได้ต่อไป