แนวทางการพัฒนาการจัดการทรัพยากรมนุษย์เพื่อความยั่งยืนของ องค์กรพัฒนาเอกชน (กิจการเพื่อสังคม) จังหวัดตาก

ผู้แต่ง

  • ประยูร อัสสกาญจน์ คณะบริหารธุรกิจ, วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น
  • ขจรอรรถพณ พงศ์วิริทธิ์ธร คณะไอคิวอาร์เอ บริหารธุรกิจ, มหาวิทยาลัยจีโอมาติก้า, มาเลเซีย, คณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น
  • วลัยลักษณ์ พันธุรี คณะบริหารธุรกิจ, วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น
  • วีรพงษ์ สุทาวัน หน่วยศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
  • ศิกาญจน์มณี ไซเออร์ส คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น

คำสำคัญ:

การจัดการทรัพยากรมนุษย์, องค์กรพัฒนาเอกชน, กิจการเพื่อสังคม

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาความยั่งยืน การเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการบริหารทรัพยากรมนุษย์องค์กรพัฒนาเอกชน (กิจการเพื่อสังคม) จังหวัดตาก ตามปัจจัยส่วนบุคคลเพื่อหาแนวทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืนในองค์กรพัฒนาเอกชน(กิจการเพื่อสังคม) จังหวัดตาก ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมในจังหวัดตาก โดยไม่ทราบกลุ่มจำนวนประชากร ซึ่งใช้การสุ่มตัวอย่างเพื่อมาเป็นตัวแทน การศึกษาแบบไม่อาศัยความน่าจะเป็น โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบโควตา จำนวน 250 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามเป็นแบบตรวจสอบรายการ และแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติบรรยาย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ ค่าที ความแปรปรวนแบบทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาความยั่งยืนในภาพรวมโดยรวมอยู่ในระดับมาก การทดสอบสมมติฐานของการวิจัยในการศึกษาพบว่า ข้อมูลผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในกิจการเพื่อสังคม จังหวัดตาก แตกต่างกัน ในด้านกระบวนการสรรหา ด้านกระบวนการบริหารค่าตอบแทน และด้านกระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยข้อมูลผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตาม เพศ อายุ และตำแหน่ง ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในกิจการเพื่อสังคม จังหวัดตาก ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-09-13

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย (Research article)