เปราะบาง: บทประพันธ์ดนตรีรูปแบบอิมเมอร์ซีฟอะคูสแมติก
คำสำคัญ:
การประพันธ์ดนตรีอะคูสแมติก, ประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟ, ซาวนด์วอล์ก, ศิลปะเสียงจัดวางในพื้นที่เฉพาะบทคัดย่อ
ที่มาและวัตถุประสงค์ : แนวคิดของอะคูสแมติกและดนตรีอะคูสแมติกได้เปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการรับรู้เสียง กระบวนการประพันธ์ และการใช้เทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดแนวทางการสร้างสรรค์ที่พัฒนารูปแบบการนำเสนอเสียงที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟ ดนตรีอะคูสแมติกเน้นการนำเสนอเสียงโดยปราศจากการเชื่อมโยงเสียงกับความหมาย บริบทหรือแหล่งที่มาของเสียง ทำให้ผู้ฟังมีปฏิสัมพันธ์กับกระบวนการรับรู้เสียงในระดับที่ลึกซึ้งมากขึ้น งานวิจัยนี้ศึกษาการใช้เทคนิคการประพันธ์ด้วยแนวคิดอะคูสแมติก การบันทึกเสียงภาคสนาม สำรวจเสียงด้วยซาวนด์วอล์ก (soundwalk) การจัดวางเสียงในพื้นที่เฉพาะ (site-specific sound installation) และการจัดวางลำโพงหลายระนาบเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างผู้ฟังและสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างประสบการณ์การฟังที่โอบล้อมและตอบสนองต่อบริบทของพื้นที่ การสำรวจดังกล่าวนำไปสู่คำถามวิจัยที่ว่า “กระบวนการประพันธ์และเครื่องมือใดที่สามารถใช้ในการสร้างบทประพันธ์ดนตรีอะคูสแมติกที่นำเสนอประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟได้”
วิธีการศึกษา : ผู้วิจัยสร้างสรรค์ เปราะบาง: บทประพันธ์ดนตรีรูปแบบอิมเมอร์ซีฟอะคูสแมติก ซึ่งประกอบด้วยบทประพันธ์จำนวน 7 บทเพลง รวมความยาว 69 นาที โดยแบ่งการนำเสนอออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. ซาวนด์วอล์กผ่านแอปพลิเคชัน Echoes.xyz (จำนวน 6 บทเพลง) ประกอบไปด้วย (1) มหานคร (2) หกล้มหกลุก (3) เมืองเทพสร้าง (4) (ไม่)ปรากฏ (5) อย่าลืมฉัน และ (6) เปราะบาง 2. ศิลปะเสียงจัดวางในพื้นที่เฉพาะ (จำนวน 1 บทเพลง) ได้แก่ (7) ฟังอยู่หรือเปล่า? การนำเสนอทั้งสองรูปแบบเปิดโอกาสให้ผู้ฟังสำรวจเสียงในพื้นที่และมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบตัว ทำให้ประสบการณ์การฟังกลายเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่และช่วงเวลานั้น ๆ การหลอมรวมกันระหว่างเสียงที่ถูกประพันธ์ขึ้นและเสียงแวดล้อมที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง การเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้ฟังกับเสียงและบริบทของพื้นที่ ทำให้แต่ละประสบการณ์การฟังแตกต่างจากการนำเสนอดนตรีในรูปแบบสื่อคงที่ (fixed media) ที่มีโครงสร้างตายตัว วิธีการนี้ทำให้เสียงอยู่ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และปรับเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขของสภาพแวดล้อมที่ดำรงอยู่ เสียงในชีวิตประจำวันจะปรากฏและแทรกตัวซ้อนอยู่กับบทประพันธ์ที่กำลังฟัง ชวนท้าทายและเปิดประสบการณ์การรับรู้เสียงทั้งในมิติของพื้นที่เสมือน (virtual space) และพื้นที่จริง (physical space) ที่มิอาจกำหนดให้เกิดขึ้นซ้ำได้ กระบวนการรับฟังจึงไม่ได้เป็นเพียงการรับรู้เสียงที่แยกขาดจากบริบท แต่เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ฟัง เสียง และพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงด้วย แนวคิด เปราะบาง ในงานวิจัยนี้เกิดจากการลงพื้นที่ภาคสนามร่วมกับกลุ่มเธียเตอร์ทูโก ซึ่งเป็นกลุ่มศิลปินที่มีความตั้งใจสร้างงานศิลปะให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันและนำเสนอในมุมมองใหม่ ๆ ผ่านการใช้พื้นที่สาธารณะและวัฒนธรรมของชุมชนเป็นสื่อในการสร้างสรรค์ผลงาน การทำงานภาคสนามในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพมหานครทำให้เห็นถึงพลวัตของพื้นที่ที่กำลังเปลี่ยนแปลง ทั้งในเชิงสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางเสียง ทั้งนี้ย่านเมืองเก่ายังมีลักษณะของความเปราะบางที่อยู่ในรูปแบบของอาคารไม้เก่าที่กำลังถูกแทนที่โดยสิ่งปลูกสร้างใหม่ การเปลี่ยนแปลงไปของชุมชนดั้งเดิม และเสียงกิจกรรมของผู้คนที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย พื้นที่นี้จึงเป็นแหล่งบันทึกเสียงที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับบริบทของเมืองได้เป็นอย่างดี บทประพันธ์นี้มุ่งสร้างประสบการณ์การฟังที่โอบล้อมผู้ฟังและสะท้อนสภาพแวดล้อมเสียง ผ่านกระบวนการบันทึกเสียงในพื้นที่จริง การจัดการเสียงด้วยแนวคิดอะคูสแมติก และการกระจายเสียงในพื้นที่ ในด้านเทคโนโลยีการนำเสนอ แอปพลิเคชัน Echoes.xyz มีบทบาทสำคัญในการขยายขอบเขตของการสร้างสรรค์ผลงานอิมเมอร์ซีฟอะคูสแมติก เสียงของบทประพันธ์สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งผู้ฟังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเสียงได้ในลักษณะที่แตกต่างกันตามการเคลื่อนไหวและตำแหน่งของตนเอง ขณะที่ศิลปะเสียงจัดวางในพื้นที่เฉพาะ นำเสนอสภาพแวดล้อมทางเสียงที่โอบล้อมผู้ฟังภายในพื้นที่ ซึ่งเสียงของพื้นที่และเสียงแวดล้อม ล้วนมีบทบาทในการกำหนดการรับรู้เสียง การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเสียงที่ถูกประพันธ์ไว้ล่วงหน้าและเสียงของพื้นที่จริงสร้างประสบการณ์ที่มิอาจเกิดขึ้นซ้ำในลักษณะเดียวกันได้ มิติของการฟังที่ขึ้นอยู่กับบริบทนี้ ท้าทายแนวคิดดั้งเดิมของการประพันธ์และการนำเสนอผลงาน ทำให้ประสบการณ์การฟังแต่ละครั้งถูกกำหนดโดยเงื่อนไขของพื้นที่และสถานการณ์เฉพาะในขณะนั้น ผู้ฟังจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้รับฟัง แต่มีส่วนร่วมกับกระบวนการสร้างความหมายใหม่ของเสียงด้วย
ผลการศึกษา : การศึกษาและการสร้างสรรค์ เปราะบาง: บทประพันธ์ดนตรีรูปแบบอิมเมอร์ซีฟอะคูสแมติก ตอบโจทย์คำถามวิจัยได้ชัดเจน ทั้งในแง่แนวคิดอะคูสแมติก เทคนิคการประพันธ์ การจัดวางเสียงหลายระนาบ และการใช้เทคโนโลยีดนตรีในการสร้างประสบการณ์การฟังแบบอิมเมอร์ซีฟที่ผสานเสียงจริงจากพื้นที่กับเสียงที่ประพันธ์ไว้ ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของแนวคิดอะคูสแมติกในการสร้างประสบการณ์การฟังที่ดำเนินไปในโลกจริงและโลกเสมือน บทประพันธ์ประกอบด้วย 2 รูปแบบการนำเสนอ ได้แก่ ซาวนด์วอล์กและศิลปะเสียงจัดวางในพื้นที่เฉพาะ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการลงภาคสนามเพื่อศึกษาและบันทึกเสียงของพื้นที่ อีกทั้งยังใช้แนวคิดอะคูสแมติกในการคัดเลือกวัตถุดิบเสียงเพื่อสร้างสรรค์บทประพันธ์และออกแบบประสบการณ์การฟังแบบอิมเมอร์ซีฟ ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์เสียงที่โอบล้อมและเปิดโอกาสให้ผู้ฟังสำรวจเสียงร่วมกับสภาพแวดล้อม รวมถึงการเชื่อมโยงผัสสะทั้งหมดในการรับรู้เสียง เวลา และพื้นที่
บทสรุป : ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานวิจัยนี้จะมีส่วนสำคัญในการขยายขอบเขตของแนวคิดอะคูสแมติกในบริบทร่วมสมัยและพัฒนาการสร้างสรรค์งานดนตรีในรูปแบบอิมเมอร์ซีฟอะคูสแมติกต่อไปได้ โดยเปิดมุมมองในการออกแบบประสบการณ์เสียงที่ไม่เพียงเป็นการรับรู้ผ่านหู แต่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้ฟังกับพื้นที่และสภาพแวดล้อมจริงด้วย ความสำเร็จของการผสานเทคนิคดนตรีอะคูสแมติกเข้ากับพื้นที่จริงในครั้งนี้เป็นรากฐานที่สามารถนำไปต่อยอดในผลงานด้านเสียงและศิลปะได้ในอนาคต
เอกสารอ้างอิง
Andean, James. “Sound and Narrative: Acousmatic Composition as Artistic Research.” Journal of Sonic Studies 7 (2014): 1-7. https://dora.dmu.ac.uk/server/api/core/bitstreams/29f3e477-de80-4ea7-8e47-a73f55a31574/content.
Bangkok Metropolitan Administration. Annual Operation Plan of the Year 2024. Bangkok: Bangkok Metropolitan Administration, 2024. (in Thai)
Baxter, Dennis. Immersive Sound Production: A Practical Guide. London: Focal Press, 2022.
Chadabe, Joel. Electric Sound: The Past and Promise of Electronic Music. Upper Saddle River, NJ: Prentice Hall, 1997.
Chion, Michel. Guide to Sound Objects: Pierre Schaeffer and Musical Research. Translated by John Dack and Christine North. Paris: Buchet Chastel, 2009.
Harrison, Jonty. “Diffusion: Theories and Practices, with Particular Reference to the Beast System.” eContact! 2.4 (September 1999): 1-9.
Kane, Brian. Sound Unseen: Acousmatic Sound in Theory and Practice. Oxford: Oxford University Press, 2014. https://doi.org/10.1093/acprof:oso/9780199347841.001.0001.
López, Francisco. Hosted by Todd L. Burns. Red Bull Music Academy. 2011. https://www.redbullmusicacademy.com/lectures/francisco-lopez-technocalyps-now.
López, Francisco. “Profound Listening and Environmental Sound Matter.” In Audio Culture, edited by Christopher Cox and Daniel Warner, 82-88. London: Bloomsbury, 2004.
Manning, Peter. Electronic and Computer Music. 4th ed. Oxford: Oxford University Press, 2013.
Moore, Adrian. Sonic Art: An Introduction to Electroacoustic Music Composition. New York: Routledge, 2016.
Roginska, Agnieszka, and Paul Geluso, eds. Immersive Sound: The Art and Science of Binaural and Multi-Channel Audio. New York: Routledge, 2017.
Sangchai, Saranrat. “Dividing Time : A Sonic Exploration of Temporality through Composition.” Master’s thesis, Silpakorn University, 2013. http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/thapra/Saranrat_Sangchai/fulltext.pdf. (in Thai)
Schaeffer, Pierre. In Search of a Concrete Music. Translated by John Dack and Christine North. Berkeley: University of California Press, 2012.
Schafer, R. Murray. The Soundscape: Our Sonic Environment and the Tuning of the World. New York: Simon and Schuster, 1993.
Silsupan, Thatchatham. “Noise and Its Aesthetic Revolution in Music.” Journal of Fine Arts 8, no. 1 (January-June 2017): 1-22. (in Thai)
Thapparat, Nattaporn. “Street Food Theatre.” Summary Report, Contemporary Art Promotion Fund, Office of Contemporary Art and Culture, Ministry of Culture, April 30, 2024. (in Thai)
Tungcharoen, Virun. “Post-Modernism: Post-Modern Art.” Journal of the Royal Institute of Thailand 27, no. 2 (April-June 2002): 330-341. (in Thai)
Varèse, Edgard, and Chou Wen-chung. “The Liberation of Sound.” Perspectives of New Music 5, no. 1 (Autumn-Winter 1966): 11-19. https://doi.org/10.2307/832385.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ของบทความเป็นของเจ้าของบทความ บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นทัศนะของผู้เขียน
กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่รับผิดชอบต่อบทความนั้น


