ISSN: 2774-132X (Online)
จริยธรรมการตีพิมพ์
ผู้เขียนบทความ
1. ผู้เขียนต้องรับรองว่า ผลงานที่ส่งเข้ามานั้นเป็นผลงานใหม่ ไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์ที่อื่น
2. ผู้เขียนต้องรับรองว่า ผลงานที่ส่งเข้ามานั้นเป็นผลงานของตนเอง หรือเป็นผลงานร่วมของทุกคนที่มีชื่อปรากฏเป็นเจ้าของผลงาน
3. การหยิบยกข้อมูลบางส่วนมาจากที่อื่น ผู้เขียนมีวิธีเขียนและอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้อง สิ่งอื่น ๆ ที่หยิบยกมา เช่น รูปภาพ บทกลอน แผนผัง ฯลฯ ต้องปราศจากลิขสิทธิ์จากแหล่งต้นกำเนิด ทั้งนี้การหยิบยกมาต้องถูกต้องตามการใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม (Fair use) หากเกิดการฟ้องร้องในกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้เขียนต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว
4. ผู้เขียนต้องนำเสนอข้อมูลโดยไม่มีการบิดเบือนข้อมูล หรือให้ข้อมูลเท็จ
5. ในกรณีที่เป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคน ผู้เขียนต้องรับรองว่า ได้ดำเนินการวิจัยภายใต้หลักจริยธรรมการวิจัยในคน และแสดงเอกสารการผ่านการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน
6. ผู้เขียนต้องระบุชื่อแหล่งทุนที่สนับสนุนการทำวิจัย (ถ้ามี) และระบุผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี)
บรรณาธิการวารสาร
1. บรรณาธิการวารสารมีหน้าที่พิจารณาผลงานในเบื้องต้นว่าสอดคล้องกับขอบเขตของวารสารหรือไม่ และพิจารณาเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร โดยตัดสินใจจากการประเมินคุณภาพของผู้ทรงคุณวุฒิ
2. บรรณาธิการวารสารต้องไม่เปิดเผยชื่อผู้เขียนหรือเจ้าของผลงานต่อผู้ประเมิน และไม่เปิดเผยชื่อผู้ประเมินต่อผู้เขียนหรือเจ้าของผลงาน
3. บรรณาธิการวารสารต้องไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ในบทความแก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องในระหว่างกระบวนการพิจารณาบทความไปจนถึงการตีพิมพ์ และไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ในบทความเลยในกรณีปฏิเสธการตีพิมพ์
4. บรรณาธิการวารสารต้องไม่มีผลประโยชน์ร่วมกับผู้เขียนหรือเจ้าของผลงาน ผู้ประเมิน และกองบรรณาธิการ
5. บรรณาธิการวารสารจะระงับการตีพิมพ์ในกรณีค้นพบความไม่ถูกต้อง เช่น การคัดลอกผลงาน การบิดเบือนข้อมูล ผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งนี้การพิจารณาและดุลยพินิจของบรรณาธิการวารสารถือเป็นที่สิ้นสุด
ผู้ประเมินบทความ
1. ผู้ประเมินบทความควรตอบรับการประเมินบทความที่ตรงกับความเชี่ยวชาญของตน ที่สามารถประเมินบทความได้อย่างเหมาะสม และภายในระยะเวลาที่กำหนด
2. เมื่อผู้ประเมินบทความได้รับบทความจากบรรณาธิการวารสารแล้วค้นพบว่า บทความนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับตน เช่น มีส่วนร่วมในงานนั้น หรือรู้จักผู้เขียนบทความเป็นการส่วนตัว อันทำให้การประเมินบทความไม่สามารถปราศจากผลประโยชน์ของตนเอง ผู้ประเมินบทความควรแจ้งบรรณาธิการวารสารและปฏิเสธการประเมินบทความนั้น
3. ผู้ประเมินบทความต้องไม่นำข้อมูลในบทความที่กำลังประเมินมาใช้เสมือนเป็นงานของตน และต้องไม่เปิดเผยข้อมูลที่อยู่ในบทความต่อผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ต้องเก็บรักษาเป็นความลับจนกว่าบทความนั้นได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่
4. ผู้ประเมินบทความควรประเมินบทความอย่างเที่ยงตรง ปราศจากอคติ ไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ไม่ให้เรื่องราวหรือที่มาของบทความ เช่น กลุ่มชาติพันธุ์ ความเชื่อทางศาสนาหรือทางการเมือง เพศ ผลประโยชน์ทางการตลาด มามีอิทธิพลต่อการประเมินบทความนั้น
5. ผู้ประเมินบทความควรแจ้งให้บรรณาธิการวารสารทราบในกรณีที่พบว่า บทความนั้นหรือบางส่วนของบทความนั้นเหมือนกับบทความอื่นที่ตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว และผู้ประเมินบทความควรระบุงานวิจัยอื่นที่ใกล้เคียงหรือสอดคล้องกับบทความนี้แต่ผู้เขียนไม่ได้อ้างถึง เข้าไปในการประเมินด้วย รวมถึงระบุลงไปในการประเมินในกรณีที่พบว่า บทความนี้อาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างผู้เกี่ยวข้อง เช่น การทำผิดจริยธรรมการวิจัยในคน
คำชี้แจงเรื่องการประพฤติมิชอบในการตีพิมพ์
วารสาร Mahidol Music Journal (MMJ) มีแนวปฏิบัติที่เคร่งครัดในการจัดการกับกรณีการประพฤติผิดจรรยาบรรณทางวิชาการ โดยยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรม และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างจริงจังและรอบคอบเมื่อมีการร้องเรียนใด ๆ เกี่ยวกับการกระทำผิดดังกล่าว โดยตระหนักดีว่าความซื่อสัตย์และความโปร่งใสเป็นรากฐานสำคัญของการวิจัยทางวิชาการ จึงมุ่งเน้นการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพและความน่าเชื่อถือของงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร ตามหลักการเหล่านี้
การคัดลอกผลงาน: การคัดลอกผลงานทางวิชาการถือว่
การส่งต้นฉบับพร้อมกันหลายแห่ง: ไม่อนุญาตให้ผู้เขียนส่งผลงานเพื่อรับการพิจารณาพร้อมกันในวารสารหลายฉบับ ผู้เขียนต้องงดเว้นการส่งต้นฉบับที่เผยแพร่แล้ว หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาไปยังวารสารมากกว่าหนึ่งฉบับในเวลาเดียวกัน การส่งต้นฉบับพร้อมกันหลายแห่งถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการประพฤติมิชอบทางการตีพิมพ์ และต้นฉบับใดที่พบว่าละเมิดกฎเกณฑ์นี้จะถูกปฏิเสธทันที วารสารมีความมุ่งมั่นในการรักษาความซื่อสัตย์และจริยธรรมทางวิชาการอย่างเคร่งครัด
การปลอมแปลงข้อมูล: วารสาร MMJ มีการควบคุมอย่างเข้มงวดต่อการจัดการหรือแก้ไขผลการวิจัยที่มีอยู่เดิม โดยห้ามการดัดแปลงหรือบิดเบือนข้อมูลโดยเด็ดขาด ผู้เขียนมีหน้าที่ต้องนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ การปลอมแปลงข้อมูลในรูปแบบใด ๆ ถือเป็นการละเมิดจริยธรรมทางการตีพิมพ์อย่างร้ายแรง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อความน่าเชื่อถือทางวิชาการ และอาจนำไปสู่การดำเนินการทางวินัยอย่างเข้มงวด
การเพิกถอนและการแก้ไข: วารสาร MMJ มีขั้นตอนการดำเนินการที่ชัดเจนในกรณีที่พบข้อผิดพลาดในบทความที่ได้ตีพิมพ์แล้ว โดยแบ่งออกเป็นสองรูปแบบตามความรุนแรงของปัญหา การเพิกถอนเป็นการดึงบทความออกจากการเผยแพร่อย่างสมบูรณ์ ซึ่งมักใช้ในกรณีที่พบการกระทำผิดร้ายแรง เช่น การทุจริตทางวิชาการ การปลอมแปลงข้อมูล หรือการคัดลอกผลงานอย่างเป็นระบบ การแก้ไขเป็นการประกาศแก้ไขข้อผิดพลาดปลีกย่อย หรือความไม่ถูกต้อง ที่ไม่กระทบต่อข้อสรุปหลักของบทความ ทั้งการเพิกถอนและการแก้ไขจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและโปร่งใส โดยยึดตามแนวทางที่วารสารกำหนดไว้ เพื่อคงไว้ซึ่งมาตรฐานและคุณภาพทางวิชาการ
ความซื่อตรงของการตรวจประเมินบทความ: ความเป็นกลางและความลับถือเป็นหลักสำคัญสูงสุดในกระบวนการตรวจประเมินบทความ ผู้ทรงคุณวุฒิได้รับความไว้วางใจให้ประเมินงานวิชาการ และต้องรักษาความลับของต้นฉบับอย่างเคร่งครัด โดยห้ามเด็ดขาดที่จะเปิดเผยหรือหารือเนื้อหาใด ๆ ของต้นฉบับกับบุคคลอื่น วารสารให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องความซื่อตรง เพื่อคงไว้ซึ่งมาตรฐานและจรรยาบรรณทางวิชาการที่ดีงาม


