การเสริมพลังอำนาจชุมชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ

ผู้แต่ง

  • Nutchanat Yuhanngoh Huachiew Chalermprakiet

คำสำคัญ:

การเสริมพลังอำนาจ, ชุมชน, คุณภาพชีวิต, ผู้ต้องขังหญิงหลังพ้นโทษ

บทคัดย่อ

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง สานพลังชุมชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหญิง
มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างชุมชนแห่งความห่วงใยให้เปิดโอกาสแก่ผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ โดยผู้นำชุมชนและท้องถิ่นรวมทั้งประชาชนได้มีส่วนร่วมแบ่งปันและสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีขอบเขตการวิจัยประกอบด้วย การนำแนวคิดการเสริมพลังอำนาจไปประยุกต์ใช้เตรียมความพร้อมกับผู้นำและสมาชิกชุมชนตำบลหันตรา อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 6 หมู่บ้าน  ในการรับผู้ต้องขังหลังพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยากลับเข้าสู่ครอบครัวและชุมชน วิธีการดำเนินการวิจัย คือการจัดอบรมการให้คำปรึกษา และกิจกรรมกลุ่มก้าวที่พลาดด้วยวิธีการเสริมพลังอำนาจให้แก่กลุ่มแกนนำ หลังจากนั้นแกนนำมาขยายผลด้วยการเชิญชวนสมาชิกชุมชนทั้ง 6 หมู่บ้าน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงหรือครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นกลุ่มเสี่ยง ตลอดจนอดีตผู้ต้องขังของตำบลหันตราเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มการเสริมพลังอำนาจ “ก้าวที่พลาด” เป็นลักษณะกลุ่มเปิดจำนวน 6 ครั้ง ครั้งละ 20-30 คน รวมผู้เข้าร่วมจำนวน 110 คน ผลการศึกษาพบว่า แกนนำชุมชน สมาชิก ผู้อยู่ในภาวะเสี่ยงและครอบครัว ตลอดจนผู้พ้นโทษได้เรียนรู้จากการเป็นประจักษ์พยานคำบอกเล่าแบ่งปันประสบการณ์ความทุกข์ และบทเรียนที่ได้จากการกระทำผิด  ผลที่เกิดขึ้นคือ พลังแห่งการแบ่งปัน การเกื้อกูลกันในกลุ่มก่อให้เกิดความเข้าใจก้าวที่พลาดในชีวิตมนุษย์นั้นไม่ใช่ตราบาปชั่วชีวิตแต่เป็นบทเรียนส่วนหนึ่งของชีวิตที่ให้อภัยและให้โอกาสแก่ตนเองและผู้อื่น  สำหรับข้อเสนอแนะ เรือนจำ องค์การบริหารส่วนตำบลหันตรา กลุ่มสานพลังชุมชนหันตราและเครือข่ายอื่น มีการทำงานอย่างบูรณาการและสนับสนุนให้อาสาสมัครหรือแกนนำของชุมชน ได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษอย่างเป็นระบบ และขยายผลไปยังชุมชนอื่นมากขึ้น

เอกสารอ้างอิง

อภิญญา เวชยชัย. (2555). การเสริมพลังอำนาจในการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์. กรุงเทพ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

อวยพร เขื่อนแก้ว. (ม.ป.ป.). การปรึกษาเพื่อฟื้นฟูอำนาจและสร้างเสริมศักยภาพแนวสตรีนิยม. เชียงใหม่ : ศูนย์ผู้หญิงเพื่อสันติภาพและความยุติธรรม.

Dressel, P. (1992). Patriarchy and social welfare work. In Y. Hasenfeld (E.d), Human services as complex organizations. Newbury Park, CA: Sage.

Lorraine M. Gutierrez, Ruth J. Parsons, Enid Opal Cox. (2003). Empowerment in Social Work Practice. USA. Wadsworth Group.

Judith A.B. Lee. (1996). “The Empowerment Approach to Social Work Practice” In Francis J. Tuner, ed., Social Work Practice: Interlocking Theoretical Approaches. New York: Free Press.

Judith A.B. Lee. (2001). The Empowerment Approach to Social Work. (Second Edition). New York : Columbia University Press.

Robert Adams, (2003). Social Work and Empowerment. (Third Edition). England. Palgrave Macmilan

Ruth J. Parsons and Jean East. (2013). Empowerment Practice. Retrieved July 20, 2018, from http://socialwork.oxfordre.com/view/10.1093/acrefore/9780199975839.001.0001/acrefore-9780199975839-e-128

Simon Barbara Levy. (1994). The Empowerment Tradition in American Social Work: A History. New York: Columbia University Press.

Wenocur Stentey and Reish Michael. (1989). From Charity to Enterprise: The Development of American Social Work in a Market Economy. Urbana: University of Illinois Press.

Whitmore, E. (1988). Participation, empowerment and welfare. Canadian Review of Social Policy, 22, 51-60.

Zimmerman, M. A. (2000). Empowerment theory: Psychological, organizational, and community levels of analysis. In J. Rappaport & E.Seidman (Eds.), Handbook of community psychology (pp. 43–63). New York, NY: Kluwer Academic/Plenum.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-03-11

รูปแบบการอ้างอิง

Yuhanngoh, N. (2020). การเสริมพลังอำนาจชุมชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ. วารสารสังคมภิวัฒน์, 10(2), 101–116. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/thaijss/article/view/204584

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานวิจัย