การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในภาวะพฤฒพลังให้เกิดการยังประโยชน์ด้านสังคม

ผู้แต่ง

  • Orasa Thatawakorn 44 phadidmanoothum19 ladplaw bangkok 10230

คำสำคัญ:

การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ, สุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม, ภาวะพฤฒพลัง

บทคัดย่อ

การศึกษาเรื่อง “การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในภาวะพฤฒพลังให้เกิดการยังประโยชน์ด้านสังคม” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในภาวะพฤฒพลังให้เกิดการยังประโยชน์ด้านสังคม เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมให้แก่ผู้สูงอายุ และเพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีหลักประกันรายได้ที่มั่นคงและยังยืน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods) ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวน 2,520 ตัวอย่าง ใช้การจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group) ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 – 12 และการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ 2 ท่านเพื่อเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ

            ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 60 – 69 ปี สมรสแล้ว มีระดับการศึกษาสูงสุดระดับประถมศึกษา ไม่ได้ประกอบอาชีพ มีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ข้อเข่าเสื่อม เบาหวาน โรคไขมัน และ หลงลืม แหล่งที่มาของรายได้ 3 อันดับแรก ได้แก่ จากเบี้ยยังชีพ จากบุตร และจากการทำงาน/ประกอบอาชีพ ตามลำดับ  มีรายได้และรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 3,000 บาท มีเงินออมที่อยู่ในธนาคารหรือกลุ่มออมทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท มีหนี้สินเฉลี่ยไม่เกิน 50,000 บาท

            กลุ่มตัวอย่างมีสุขภาวะด้านร่างกายอยู่ในระดับปานกลาง  ด้านจิตใจและด้านสังคมอยู่ในระดับมาก  มีองค์ความรู้ ภูมิปัญญาด้านการเกษตร ด้านศิลปะวัฒนธรรมประเพณี ด้านศาสนา จริยธรรม ด้านอุตสาหกรรม หัตถกรรม และ ด้านการศึกษา โดยส่วนใหญ่มีความพร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ ภูมิปัญญาสู่ชุมชน

            ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในภาวะพฤฒพลัง คือการมีแรงบันดาลใจ การมีสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เอื้ออำนวย การให้รางวัล การเสริมแรงและการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ ครอบครัวต้องเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน

แนวทางการส่งเสริมสุขภาวะด้านร่างกาย ต้องส่งเสริมให้ผู้สูงอายุออกกำลังกาย ด้านจิตใจ ต้องส่งเสริมให้ผู้สูงอายุร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ส่งเสริมให้ดูแลตัวเองได้ และส่งเสริมให้เรียนรู้เทคโนโลยีข่าวสารเพื่อที่จะสามารถอยู่ในยุคที่มีการใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีความสุข 

ในการพัฒนาสวัสดิการสังคมในภาพรวมเพื่อให้ผู้สูงอายุมีภาวะพฤฒพลัง ต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน  ความเป็นอิสระ การมีส่วนร่วม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เปลี่ยนจากการสงเคราะห์ไปเป็นการพัฒนาภายใต้มุมมองที่ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน

ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ใช้ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) เป็นศูนย์รวมของคนสูงวัย ดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสนับสนุนกลไกการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ควรทำงานประสานเชื่องโยงกับผู้สูงอายุที่ยังมีพลังในการทำงาน เพื่อสร้างเครือข่ายอาสาสมัครผุ้สูงอายุในการทำงานเพื่อสังคมให้มีเพิ่มขึ้น

เอกสารอ้างอิง

กุศล สุนทรธาดา และ กมลชก ขำสุวรรณ. (2553). ระดับและแนวโน้มความมีพฤฒิพลังของผู้สูงอายุไทย.

การประชุมวิชาการประชากรศาสตร์แห่งชาติ 2553 : 26-38.

จิราพร เกศพิชญวัฒนา และคณะ. (2549). โครงการพฤฒพลัง: กรณีศึกษาจากผู้สูงอายุที่ได้รับการยอมรับในสังคม

(รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.

จุฑาทิพย์ เล็กล้วน. (2550). ปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปแบบการทำงานช่วยเหลือสังคมของผู้สูงอายุอาสาสมัคร

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในกรุงเทพมหานคร (สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ยงยุทธ เกษสาคร. (2541). ภาวะผู้นำและการจูงใจ. กรุงเทพฯ : ศูนย์เอกสารและตำราสถาบันราชภัฎสวนดุสิต.

ไตรรัตน์ ทองสัมฤทธิ์. (2548). ปัจจัยเกื้อหนุนและสุขภาวะที่ผู้สูงอายุได้รับจากการเข้าร่วมทำงานอาสาสมัคร

(การศึกษาอิสระปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

นงนุช สุนทรชวกานต์. (2552). การสร้างโอกาสการทำงานของผู้สูงอายุไทย. กรุงเทพฯ : ศูนย์บริการวิชาการ

เศรษฐศาสตร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะเศรษฐศาสตร์.

อโณทัย วีระพงษ์สุชาติ . (2541). การเสริมสร้างพลังอำนาจในงานและการคงอยู่ในงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Gibson, C. H. (1991). A concept analysis of empowerment. Journal of Advanced Nursing, 16 : 354–361.

Kanter, R. M. (1977). Men and Women of the Corporation. New York: Basic Books.

Kinlaw, D. C. (1995). The Practice of Empowerment. Hampshire, England: Gower.

Laschinger, H. K. S., and Havens, D. S. (1997). The effect of workplace empowerment on staff nurses’occupational mental health and work effectiveness. Journal of Nursing Administration 27(6): 42-50.

Laschinger, H., Finegan, J., Shamian, J., and Wilk, P. (2004). A longitudinal analysis of the impact of workplace empowerment on work satisfaction. Journal of Organizational Behavior, 25(4), 527–545.

McDermont, K., Laschinger, H. K. S., & Shamian, J. (1996). Work empowerment and

organizational commitment. Nursing Management, 27(5), 44-48.

McKay B, Forbes JA, Bourner K.. (1990). Empowerment in general practice: the trilogies of caring. Australian Family Physician 19(4), 513-520.

Puetz. (1988). Empowerment in occupational health nursing: wielding power through expertise. AAOHN Journal, 36(12), 503-507.

Rappaport, J. . (1984). Studies in Empowerment : Introduction to the Issue. Prevention in Human

Services, 3, 1–7.

Sabiston, J. A., & Laschinger, J. K. (1995). Perceptions of Empowerment and Intent to Stay: Review of Related Studies Using Kanter’s Theory. New York: Elsevier Health Sciences.

Wilson, B., & Laschinger, H. K. S. (1994). Staff nurses’ perception of job empowerment and

organizational commitment: A test theory of Structural Power in Organizations. Journal of Nursing Administration, 24(4 Suppl), 39-45.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-03-14

รูปแบบการอ้างอิง

Thatawakorn, O. (2020). การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในภาวะพฤฒพลังให้เกิดการยังประโยชน์ด้านสังคม. วารสารสังคมภิวัฒน์, 10(3), 39–63. สืบค้น จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/thaijss/article/view/235973

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความทางวิชาการ